การรับมือกับโลกในยุคดิจิทัลที่อะไรๆ
ก็เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องมีการบริหารชีวิตและเวลาอย่างเหมาะสม เพื่อรับมือกับสิ่งรอบตัวที่ดูเหมือนว่า มีความสำคัญเท่าๆกันไปหมดทุกเรื่อง อาจไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไรนัก หลายคนจึงมีปัญหากับการจัดสรรเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัดในแต่ละวันให้ลงตัวและมักทำงานหนักจนลืมดูแลตัวเอง
รู้อย่างนี้แล้ว...ลองเช็คตัวเองดูกันหน่อยดีไหมว่าทุกวันนี้คุณทำงานเยอะเกินไปหรือเปล่า มีเวลาให้งานมากกว่าครอบครัวเพื่อนฝูง หรือตัวเองน้อยเกินไปหรือไม่ หากคำตอบคือ “ใช่” ถึงเวลาปฏิวัติตัวเองกันใหม่ เพื่อสร้างสมดุลให้กับชีวิตและการทำงาน (Work Life Balance) กันแล้ว
ข้อมูลจาก ดร.นพ.เทพ เฉลิมชัย อายุรแพทย์ เปิดเผยว่า กุญแจสำคัญของ Work Life Balance คือการรู้จักการจัดลำดับความสำคัญของแต่ละด้านอย่างเหมาะสมพร้อมผสมผสานทุกๆ หน้าที่ และความต้องการของตัวเองได้อย่างลงตัว ส่วนเทคนิคการบาลานซ์ชีวิตดีๆ เพื่อรับปีใหม่มีดังนี้
1.จัดลำดับความสำคัญ ในหนึ่งวันที่มีเรื่องราวมากมาย ถ้าเราไม่รู้จักลำดับความสำคัญ อะไรๆ คงตีกันวุ่นไปหมด การจัดลำดับความสำคัญของงานหรือกิจกรรมในแต่ละวัน ช่วยให้เราจัดลำดับงานก่อนหลังได้อย่างถูกต้องคุณควรแยกแยะเรื่องด่วนและเรื่องสำคัญออกจากกัน แล้วเลือกจัดการสิ่งที่สำคัญที่สุดให้เสร็จสิ้นเป็นลำดับแรก ส่วนงานใดที่รอได้ไม่ต้องใช้สมองและเวลามากนัก ก็ค่อยทำภายหลัง คุณก็จะเห็นภาพรวมของเวลา สิ่งที่ต้องทำและความสำคัญของแต่ละกิจกรรมได้ชัดเจนขึ้น แถมบางครั้งยังสามารถส่งงานต่อให้คนอื่นทำแทนได้ จะได้ไม่ต้องเสียเวลา ถ้าให้ดีหากเราสามารถรู้แผนงานทั้งสัปดาห์ หรือทั้งเดือนได้
ก็จะช่วยจัดลำดับการทำงานในแต่ละวันให้สอดคล้องกันดียิ่งขึ้น
2.บริหารเวลา ทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากันหมด แต่จะจัดสรรอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด หลายคนจึงมักทุ่มเวลาทั้งหมดไปกับการทำงาน โดยขาดการวางแผนและไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ทำให้เสียเวลาไปกับการทำงานเยอะมากแต่ผลที่ได้กลับตรงกันข้าม หรือไม่ประสบผลสำเร็จและสุดท้ายมักจบลงด้วยการทำงานล่วงเวลาหรือต้องแบกงานกลับไปทำที่บ้าน กระทั่งเบียดเบียนเวลาสำหรับการพักผ่อนหรืออยู่กับครอบครัวที่มีน้อยอยู่แล้วให้ยิ่งน้อยลงไปอีก ตรงกันข้ามหากเรารู้จักบริหารเวลาให้ดีและมีประสิทธิภาพ เราจะพบว่าในวันหนึ่งๆ เรามีเวลามากพอจะจัดสรรให้กับเรื่องอื่นนอกเหนือจากการทำงานได้อีกด้วย
3.สุขภาพต้องใส่ใจ คนส่วนใหญ่มักจะละเลยการดูแลรักษาสุขภาพ เพราะมีเวลาที่จำกัดและเร่งรีบ กระทั่งเกิดผลเสียต่อสุขภาพและอาจเกิดโรคต่างๆ ได้ ดังนั้นเพื่อสุขภาพที่ดีกว่า เราจึงควรหันมาใส่ใจกับการปฏิบัติตัวในแต่ละวัน เริ่มจากตื่นนอนให้เช้าขึ้น เพื่อจะได้มีเวลาในการทำสิ่งต่างๆ อย่างไม่รีบเร่ง โดยเฉพาะการรับประทานอาหารเช้าซึ่งเป็นมื้อสำคัญที่ร่างกายจะนำไปใช้ประโยชน์ได้มากที่สุด และยังได้ออกกำลังกายเบาๆ ยามเช้าไม่ว่าจะไปจ๊อกกิ้งหรือเล่นโยคะอยู่ที่บ้าน รวมถึงยังไม่ต้องหงุดหงิดกับสภาพการจราจรที่ติดขัด จะช่วยให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า จิตใจปลอดโปร่ง พร้อมลุยภารกิจต่างๆ ได้ทั้งวันอย่างเต็มที่
4.หมั่นพักเบรกระหว่างวัน ถือเป็นวิธีช่วยเพิ่มความสมดุลให้กับตัวเองได้เป็นอย่างดีเพราะการนั่งแช่อยู่กับงานเป็นเวลานานๆไม่ไปไหนเลยนั้นทำให้เสียสุขภาพได้ การหยุดระหว่างวันอาจเริ่มจากสิ่งง่ายๆ เช่น การเดินไปพบกับเพื่อนร่วมงาน เพื่อแจ้งเรื่องที่ต้องการแทนการส่งอีเมล หรือการเดินเอาเอกสารไปให้ถึงโต๊ะ แทนการใช้บริการจดหมายเวียนภายใน หรือลุกไปชงกาแฟ เข้าห้องน้ำ รวมถึงหลับตาพักสักครู่ แม้จะเป็นเวลาเพียงน้อยนิด แต่ช่วยลดความตึงเครียดในการทำงาน และยังช่วยเปลี่ยนอิริยาบถได้บ้าง เพื่อให้ร่างกายได้พักได้ขยับสายตา แถมยังช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
5.ใส่ใจครอบครัวอยู่เสมอ การได้ดูแลคนที่เรารักนั้นสำคัญและเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดและเป็นช่วงเวลาที่จำเป็น เพราะความรัก ความเข้าใจ กำลังใจที่มีให้กันและกันของสมาชิกในครอบครัวไม่อาจชดเชยได้ด้วยเงินที่เราหามาได้ดังนั้นเมื่อมีเวลามากขึ้นจากการบริหารงานได้ดีแล้ว แน่นอนว่า เรื่องครอบครัวเองก็เป็นสิ่งจำเป็นที่คุณไม่ควรละเลย เริ่มจากการทำกิจกรรมกับครอบครัวง่ายๆ เช่น นั่งทานข้าวด้วยกัน พากันไปเที่ยวบ้าง ไปวัดทำบุญ หรือหากิจกรรมต่างๆ ทำร่วมกัน แค่นี้ครอบครัวก็มีความสุขขึ้นมาแล้ว
6.ชีวิตไม่ได้มีแต่งาน เพียงแค่เลือกทำในสิ่งที่ชอบหรือสนใจ แล้วออกไปลุย เช่น เรียนทำอาหาร ฝึกจัดดอกไม้ เล่นโยคะ ปลูกต้นไม้ ฯลฯ ถือเป็นการช่วยเปิดประสบการณ์และช่วยเยียวยาใจของคุณให้มีความสุขและฟื้นฟูจากความเครียดได้ดีเยี่ยม เพราะนอกจากคุณจะสนุกกับกิจกรรมในบรรยากาศที่ผ่อนคลายแล้ว การออกไปพบเจอสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ก็อาจช่วยเสริมพลังใจให้คุณพร้อมกลับมาทำงานได้เต็มที่ขึ้นด้วย
แม้ว่างานจะเป็นสิ่งที่รักและช่วยให้คุณไปถึงจุดหมายปลายทางที่วางไว้ได้ แต่เราก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่ง ไม่ใช่หุ่นยนต์ที่ถูกสร้างมาเพื่อทำแต่งาน หากคุณไม่รู้จักสร้างสมดุลให้ชีวิตและการทำงานล่ะก็...ต่อให้แม้จะประสบความสำเร็จและมีเงินทองมากมายเพียงใดคุณก็ไม่สามารถซื้อเวลา ความสัมพันธ์กับครอบครัว เพื่อนฝูงและสุขภาพที่ดีให้คืนมาได้ ถึงเวลาแล้วที่เราจะสตาร์ทชีวิตให้บาลานซ์รับปีใหม่กันก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป!!!
โดย ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี