ชุมชนชาวจีนบ้านเหนือ
ด้วยเอกลักษณ์ของอาคาร “ฮกแซตึ๊ง” ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมจีนประยุกต์แบบสื่อเหอหยวนหรือเรือนสี่ประสาน แห่งเดียวของบ้านสะแกกรัง เมืองอุทัยธานี
อาคารหลังนี้สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ.๒๔๕๕-๕๖ ในรัชกาลที่ ๕ จึงเป็นอาคารอนุรักษ์ที่สำคัญที่น่าสนใจ เพราะในวันที่ ๒๓ มกราคมนี้ อาคารแห่งนี้ผู้ดูแลจะน้อมเกล้าฯถวายให้เป็นแหล่งเรียนรู้สำคัญของบ้านสะแกกรังในโอกาสต่อไป อาทิตย์นี้จึงสืบค้นถึงชุมชนคนจีนบ้านเหนือของบ้านสะแกกรัง จากความเป็นถิ่นกำเนิดและที่พักอาศัยของบุคคลสำคัญหลายสกุลที่รู้จักกันดี คือ สมเด็จพระวันรัต(เฮง เขมจารี), พระยาวิฑูรธรรมพิเนต (โต๊ะ อัมระนันทน์), พลตรีหลวงวิจิตรวาทการ (กิมเหลียง วัฒนปฤดา) เป็นต้น
คณะศึกษาและท่องเที่ยวเข้าชม
ภายหลังจากโฉนดที่ดินที่ออกเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๕ บนที่ดินกว่า ๑ ไร่นั้น ได้จัดตั้งสำนักกินเจหรือโรงเจขึ้นมีชื่อว่า ฮกอันตั้ว เป็นสาขาจากโรงเจวัดเล่งเน่ยยี่ที่เข้ามา
ประกอบกิจกรรมทางศาสนา สักการะเจ้าแม่กวนอิมและจัดพิธีไหว้พระถือศีลกินเจตามประเพณีนิยม โดยมีจีนแส เดินทางมาพำนักประกอบการศาสนาประจำในโรงเจแห่งนี้ตามลำดับ ซึ่งมีเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นจากสงครามโลกครั้งที่ ๑ และครั้งที่ ๒ ด้วย เมื่อสงครามโลกครั้งที่ ๒ สงบลงวัดเล่งเน่ยยี่ได้ส่งจีนแสชื่อ เล็ก แซ่ลี้ จึงได้เดินทางมาประจำ ด้วยเหตุที่จีนแสเป็นผู้มีความรู้การรักษาโรคแบบจีนและการทำยาสมุนไพร นอกจากได้เข้ามาดูแลกิจการโรงเจตามปกติแล้ว ยังได้อาศัยอาคารชั้นล่างของโรงเจ นั้นเปิดร้านขายยาจีนและรักษาอาการไข้ไปด้วย ใช้ชื่อเป็น “ฮกแซตึ๊ง” ในไม่ช้าผู้คนก็รู้จัก ฮกแซตึ๊ง มากขึ้นว่าเป็นร้านขายยาของชุมชนคนบ้านเหนือ ซึ่งเป็นถิ่นฐานของคหบดีที่มีกิจการโรงสีและมีท่าจอดเรือค้าขายข้าวเป็นหลัก
ตู้และชั้้นสมุนไพรของร้านขายยา
สำนักกินเจหรือโรงเจแห่งนี้เป็นอาคารสองชั้นที่สร้างด้วยอิฐฉาบปูนเป็นอาคารชั้นล่างและอาคารไม้สักเป็นชั้นบน สถาปัตยกรรมจีนแบบสื่อเหอหยวนคือแบบเรือนสี่ประสาน โดยแบ่งเป็นสัดส่วน ดังนี้ ๑.อาคารหลักอยู่ตรงกลาง โดยมี ๒.อาคารด้านหลัง และด้านข้างเป็น ๓.อาคารตะวันออก และ ๔.อาคารตะวันตกอยู่ขนาบซ้ายขวาประสานกัน โดยอาคารหลักนั้นด้านหน้าเป็นลานกว้างและมีประตูชั้นใน ต่อจากนั้นเป็นลานดินด้านนอกปลูกต้นไม้และมีประตูด้านนอก
บันไดทางขึ้นตะวันออก
สำหรับอาคารด้านตะวันตกและตะวันออกทั้งสองชั้นนั้น ได้มีการสร้างอาคารแยกใช้เป็นห้องสำหรับเป็นบันไดขึ้นด้านหน้าต่อจากอาคารตะวันออก (ใต้) และห้องด้านหน้าต่อจากอาคารตะวันตก (เหนือ) การปรับอาคารโรงเจให้เป็นร้านขายยาสมุนไพรไทย-จีนนั้น น่าจะมีการต่อเติมและจัดพื้นที่บางส่วนจากการใช้เป็นโรงเจและที่พักอาศัยของจีนแสไปด้วย เดิมอาคารหลักส่วนห้องโถงชั้นล่างนั้นใช้เป็นห้องส่วนรับแขกและอาคารอเนกประสงค์สำหรับผู้เข้ามาถือศีลกินเจตามเทศกาล เมื่อมีการปรับเป็นร้านขายยาจึงมีการจัดใหม่ให้ชั้นล่างนี้เป็นร้านขายยาสมุนไพร่จีนโดยมีตู้ชั้นเก็บตัวยาเพื่อจัดตามใบสั่ง มีป้ายร้าน ภาษาไทยว่า “ยี่ห้อฮกแซตึ๊ง ขายยาจีน ยาฝรั่งยาต่างๆ” อาคารหลักชั้นบน เป็นห้องโถงใช้เป็นสถานที่ตั้งแท่นบูชากวนอิมและบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งโรงเจนั้น ยังคงสภาพเดิมไว้ ซึ่งมีแผ่นป้าย-ภาพกระจกสี คำอวยพรและสัญลักษณ์มงคลพื้นชั้นบนนั้นเป็นไม้สักเก่า มีฝากั้นประดับกระจกและฝาบานพับปิด-เปิดตามแบบอาคารจีน โดยมีห้องด้านตะวันออกและตะวันตกสำหรับเป็นที่พักของจีนแส หรือแขกคนสำคัญ ดังนั้น อาคารฮกแซตึ๊งแห่งนี้จึงเป็นสถาปัตยกรรมจีน ที่ยังอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สร้างตำนานของตำรายาหอมของบ้านสะแกกรังใช้รักษาผู้คนในชุมชนนี้มานานมากกว่า ๑๒๐ ปีแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี