ผมเคยได้ดูเรื่องราวของ “ชาวไทยพวน” จากทีวีมาหลายครั้งแล้วและทุกครั้งก็รู้สึกประทับใจกับชีวิตความเป็นอยู่ของคนกลุ่มนี้ ซึ่งว่ากันว่าเป็น ชนเชื้อชาติลาว ที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทย ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งบอกตรงๆ ว่า ได้ดูครั้งไร ก็เกิดความประทับใจทุกครั้งและ คิดอยู่เสมอว่าจะขอไปเยี่ยมชมอย่างใกล้ชิดสักครั้ง เพราะชอบและประทับใจกับ วัฒนธรรมประเพณีของพวกเขาเป็นอันมาก แม้จะได้เห็นจากจอทีวีในหลายเวอร์ชั่น แต่บอกตรงๆ ว่า ก็ยังไม่รู้สึกเต็มอิ่มกับความอยากรู้อยากเห็นของเรา จนกระทั่ง ได้มาเห็น หนังสือชื่อ “พวนเมืองพรหม เรื่องเล่าชีวิตชนบทของลูกพวนสิงห์บุรี” จึงต้องรีบอ่านทันที เพราะเนื้อหาในหนังสือ ย่อมให้ความละเอียดมากกว่าในจอทีวี.มากมาย
“พวนเมืองพรหม เรื่องเล่าชีวิตชนบทของลูกพวนสิงห์บุรี” เขียนโดย “สัมพันธ์ เรืองสกุล และ นวพร เรืองสกุล” มีขนาดความยาว 180 หน้าราคา 165 บาท เป็นหนังสือที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของชาวไทยพวนอำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี จากคำบอกเล่าของ ผู้เฒ่า ที่ย้อนอดีตไปเมื่อ 80 ปีที่แล้ว ของชาวไทย พวน ตั้งแต่วิถีชีวิตในวัยเด็ก การละเล่นต่างๆ งานฝีมือ เป็นวิถีชีวิตของชาวนาแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา ที่มีความผูกพันของผู้คนกับวัด ตลอดจนประเพณีที่หาดูได้ยากในสมัยนี้ เช่นงานกำฟ้า การกวนข้าวทิพย์ เป็นต้น ทุกเรื่องราวที่ถูก กล่าวขานอออกมาคือวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม ที่มีความเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ทำให้เห็นว่าความเจริญทางด้านเทคโนโลยีในปัจจุบันทำให้แม้แต่บ้านและงานประเพณีต่างๆ ก็เปลี่ยนแปลงไป วิถีชีวิตของชาวไทยพวนจึงต้องปรับเปลี่ยนไปให้เหมาะกับยุคสมัย
หนังสือเล่มนี้ จำเพาะเจาะจงไปที่ “พวนเมืองพรหม อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี แต่วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ ขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม คงเป็นแบบอย่างเดียวกันหมด สำหรับ ชาวไทยพวน ซึ่งผู้เขียนได้ มีข้อความสันนิษฐานจากการบันทึกในประวัติศาสตร์มายืนยันให้ทราบว่า ชื่อ “พวน” มีผู้สันนิษฐานว่าเป็นการเรียกชื่อคนไทยหรือผู้ไท ตามสถานที่ ที่พวกเขาอาศัยอยู่ บ้างก็ว่าเป็นชื่อภูเขา และแม่น้ำตามที่ฝรั่งเศสเขียนว่า Pou-eun ส่วนคำว่า “ลาวพวน” ที่เป็นทางการคือในสมัยรัชกาลที่ 5 แบ่งการปกครองส่วนหัวเมืองเป็นระบบเทศาภิบาล ที่รวมหัวเมืองหลายหัวเมืองเข้าด้วยกันเป็นมลฑล เรียกคนในราชอาณาจักรลาว ว่า ลาวเวียงจันทน์ ลาวจำปาศักดิ์ ฯลฯ ตามถิ่นที่อยู่ต่อมาคำเรียกพวนว่าลาวพวนก็เลือนหายไปเมื่อมีพวนสองฝั่งโขงพวนฝั่งไทยจึงถูกเรียกว่า “ไทยพวน”
หนังสือเล่มนี้มีคุณค่า มิใช่แต่เฉพาะชาวไทยพวนเท่านั้นแต่มันเป็น สมบัติทางประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ที่มีคุณค่าแก่มวลมนุษย์โลกทุกชีวิต ที่สามารถทำให้ ชาวโลกได้เห็น วิวัฒนาการของความเป็นมนุษย์ในทุกท้องถิ่นและทุกชาติพันธุ์ ที่มิใช่มีแต่เรื่องราวต่างๆ ที่เป็นตัวหนังสือเท่านั้น แต่ยังมีภาพประกอบซึ่งเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์อีกจำนวนไม่น้อยทีเดียว
เพิ่มทักษะเรื่องสารสนเทศในศตวรรษที่ 21 เหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องอยู่ในยุคดิสรับชัน
“ทักษะการรู้สารสนเทศในศตวรรษที่ 21” เขียนโดย “เทอดศักดิ์ ไม้เท้าทอง” ราคา 160 บาท มีเนื้อหาเกี่ยวกับ ทักษะใหม่ของการรู้สารสนเทศกับคนในศตวรรษที่ 21 บอกเล่าถึง แนวคิดเกี่ยวกับการรู้สารสนเทศ มาตรฐานการรู้สารสนเทศและตัวแบบการรู้สารสนเทศ ทักษะการรู้สารสนเทศที่ประกอบด้วยความสามารถด้านต่างๆ ได้แก่ การกำหนดความต้องการสารสนเทศ การค้นหาสารสนเทศ การประเมินสารสนเทศ การจัดระบบสารสนเทศ การสังเคราะห์สารสนเทศ การใช้สารสนเทศ เป็นต้น ซึ่งนับเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาทักษะอื่นๆ อาทิ ทักษะการตัดสินใจแก้ปัญหา ทักษะการแสวงหาความรู้ ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ทักษะการคิดเชิงระบบ ทักษะการคิดวิเคราะห์ ทักษะการคิดสังเคราะห์ ทักษะการอ่าน ทักษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตลอดจนการเป็นผู้มีจริยธรรมและปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
หลักกฎหมายลิขสิทธิ์ที่ควรรับรู้ โฟกัสไปที่ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม 2 ครั้ง
“หลักกฎหมายลิขสิทธิ์ และบทวิเคราะห์” เขียนโดย “ปริญญา ดีผดุง” เป็นหนังสือที่อธิบายหลักกฎหมายลิขสิทธิ์ เพื่อก่อให้เกิดความเข้าใจอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ซึ่งมีการแก้ไขเพิ่มเติม 2 ครั้ง โดยพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2558 และพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2558 อันเป็นกฎหมายลิขสิทธิ์ที่บังคับใช้ในปัจจุบันของประเทศไทย ผู้เขียนได้จัดแบ่งหมวดหมู่การศึกษากฎหมายลิขสิทธิ์อย่างเป็นลำดับความคิดที่ต่อเนื่อง โดยมีตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้องให้ศึกษาประกอบ นอกจากนี้ยังนำเสนอบทวิเคราะห์ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายลิขสิทธิ์ที่อาจเกิดขึ้นในแต่ละส่วน และนำเสนอแนวทางแก้ไข เพื่อให้ผู้ศึกษากฎหมายลิขสิทธิ์ได้ศึกษากฎหมายนี้อย่างเข้าใจ วิเคราะห์วิจารณ์ นำไปสู่การปฏิบัติจริงสำหรับผู้ที่ศึกษาวิชากฎหมาย หรือผู้ที่สนใจ ต้องการหาความรู้เกี่ยวกับกฎหมายลิขสิทธิ์ ได้นำความรู้ไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ราคาเล่มละ 230 บาท
บันทึกชีวิตเล่มแรกของเป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร ลงลึกทุกซอกมุมของชีวิตที่อ่านแล้วน้ำตาซึม
“The Never Ending Story! by Peck Palitchoke” เป็นพอคเกตบุ๊คเล่มแรก ของเป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร จัดทำอย่างหรูหรา ปกแข็ง กระดาษอย่างดี ราคาจำหน่ายเล่มละ 599 บาทภายในเล่มประกอบด้วยเรื่อง และภาพที่สวยสดงดงามของเขา โดยมีเนื้อหาบอกเล่าถึงชีวิตตั้งแต่วัยเด็กที่ไม่ค่อยมีคนรู้ การเติบโตและเลี้ยงดูจากทางบ้าน ความผูกพันกับคุณพ่อ-คุณแม่ นิสัยและวีรกรรมสุดแสบในวัยเด็ก จนกระทั่งเริ่มเข้าสู่วงการ ไปยังจุดเปลี่ยนของชีวิต ช่วงที่มืดมนจนเกือบตัดสินใจอำลาเวที ตลอดจนวินาทีเปลี่ยนชีวิตที่ทำให้กลายมาเป็นซูเปอร์สตาร์ในดวงใจของแฟนคลับทั่วประเทศในปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับแฟนคลับ รวมถึงบรรดาคนที่เป๊กรักที่อ่านแล้วทุกคนจะประทับใจจนน้ำตาซึม
‘ความทรงจำ ที่โปรยปรายในห้วงดารา’ปิดฉาก มีเพียงแสงช่วงโชติชัชวาลที่ทิ้งเอาไว้ให้คนทั้งโลกเห็น
นับได้ว่า เป็นนิยายรักขนาดยาวอีกเล่มหนึ่ง ในแวดวง นิยายโรมแมนติกของจีน ““ความทรงจำ ที่โปรยปรายในห้วงดารา” จบลงอย่างสมบูรณ์ในเล่มที่ 8 งานเขียนของ “ถงหัว” แปลเป็นไทยโดย “สรวลสุวรรณ” ราคาจำหน่ายเล่มละ 340 บาท เป็นการปิดเรื่องราว ทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้น อย่างมีความสุข ด้วยข้อความที่ว่า “ตอนนี้ดาวกระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทางและตกลงมาจากฟากฟ้า มีเพียงแสงอันโชติช่วงชัชวาลที่พวกเขาทิ้งไว้ ที่ยังทอประกายอยู่ในอวกาศ คอยนำทางให้มนุษย์ก้าวไปข้างหน้า” ซึ่งหลายคนคงถึงกับสะอื้นอยู่ในอก เมื่อเรื่องราวต่างๆ ปิดฉากลงอย่างสมบูรณ์ หลังจากที่ฝ่าฟันความสุขและทุกข์มาด้วยกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี