เมื่อประมาณหลังปีใหม่ปีนี้ Mr.Flower เคยบอกคุณๆ ว่าจะพาแฟนคอลัมน์นี้ไปเที่ยวเกาะสีชังด้วยกัน และแล้วเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ Mr.Flower ก็ได้พาผู้อ่านแนวหน้ากลุ่มเล็กๆ ไปเที่ยวเกาะสีชังมาแล้ว โดยนอนบนเกาะแห่งนี้รวมสองคืน ซึ่งผู้ร่วมทริปเล็กๆ ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเกาะสีชังจะเต็มไปด้วยสีสันของผู้คนและฝูงหมูป่า มนตราของธรรมชาติ และอาหารทะเลสดๆ น้ำทะเลที่ยังคงใสสะอาด รวมถึงความน่ารักน่าชังของทุกสรรพสิ่ง แถมยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ (โดยเฉพาะในยุครัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)
ผู้ที่ได้ไปเยือนสีชังต้องไม่พลาดการเข้าไปชมพระจุฑาธุชราชฐาน แล้วถ้ายิ่งเป็นหนอนหนังสือที่ชื่นชอบหนังสือประวัติศาสตร์ไทย ในสมัยล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 จะต้องเคยอ่านจดหมายเหตุเสด็จประพาสเมืองจันทบุรี พ.ศ. 2419 บทพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 5 ที่ทรงพระราชนิพนธ์โคลงไว้ดังนี้
ถิ่นสุขกายสุขด้วย ถิ่นดี
จิตโปร่งปราศราคี ชุ่มชื้น
สองสุขแห่งชาวสี- ชังเกาะ
อายุย่อมยืนพื้น แต่ร้อยเรือนริม
พระจุฑาธุชราชฐาน
ย้อนไปแต่ครั้งรัชสมัย รัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสเกาะสีชัง ทรงพบว่าชาวเกาะสีชังมีอายุยืนยาวเพราะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ไม่มีโรคภัยเบียดเบียน ครั้นในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 ชาวตะวันตกที่เข้ามาในสยามนิยมไปพักตากอากาศบนเกาะสีชัง ทางการจึงได้สร้างบ้านพักตากอากาศให้เช่าพักอาศัย ครั้นเมื่อ พ.ศ. 2431 สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ ทรงประชวร แพทย์หลวงถวายความเห็นว่าควรจะเสด็จฯ ไปทรงพักรักษาพระวรกายในสถานที่ได้รับอากาศชายทะเลรัชกาลที่ 5 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เสด็จฯไปประทับ ณ เกาะสีชัง จนพระอาการทุเลา ในระยะเวลาใกล้เคียงกันนั้น พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวี ทรงประชวรแพทย์หลวงถวายการรักษาในพระนครเป็นเวลานาน แต่พระอาการไม่ทุเลา จึงได้เสด็จฯ ไปประทับ ณ เกาะสีชัง จนพระอาการประชวรได้ทุเลาลง ครั้นในปี 2434 สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ เมื่อทรงมีพระชนมายุ 3 ชันษา ทรงประชวร รัชกาลที่ 5 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เสด็จฯไปทรงรักษาพระวรกายที่เกาะสีชังเหมือนพระประยูรญาติพระองค์อื่นๆ ซึ่งในการนี้ รัชกาลที่ 5 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระตำหนักเพื่อเป็นที่ประทับรักษาพระวรกาย และนอกจากนั้นยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างโรงเรียนขึ้นด้วย เพื่อให้ลูกหลานชาวเกาะสีชังได้มีที่เรียนหนังสือ แล้วพระราชทานนามโรงเรียนว่า โรงเรียนเสาวภา นักเรียนที่เรียนในโรงเรียนแห่งนี้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพื่อการเล่าเรียนแต่อย่างใด ครั้นต่อมาในปี 2435 พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวี ประสูติพระราชกุมารบนเกาะสีชัง พระนามว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก รัชกาลที่ 5 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานนามพระราชฐานบนเกาะแห่งนี้ว่า พระจุฑาธุชราชฐาน
นี่เป็นแค่เพียงเรื่องย่อที่สั้นที่สุดที่ผมเล่าให้คุณฟังเกี่ยวกับประวัติศาสตร์บนเกาะสีชัง อันที่จริงยังมีเรื่องราวต่างๆ อีกมากมายเกี่ยวกับเกาะสีชัง เอาแค่เพียงเฉพาะในเขตพระราชฐานก็มีเรื่องราวที่น่าสนใจอีกมากมาย เพราะมีพระตำหนักต่างๆ (ซึ่งปัจจุบันไม่หลงเหลือแล้ว) แต่มีวัดสำคัญในเขตพระราชฐานชื่อวัดอัษฎางคนิมิตร จุดเด่นของวัดนี้คือพระเจดีย์อุโบสถ พระอุโบสถเป็นอาคารทรงกลม ส่วนยอดเป็นพระเจดีย์ทรงลังกา ประตูหน้าต่างพระอุโบสถทำเป็นแบบศิลปะโกธิก ประดับกระจกสี
อันที่จริงนอกจากพระจุฑาธุชราชฐานแล้ว เกาะสีชังยังมีสถานที่สำคัญอื่นๆ อีกเช่น ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ ช่องเขาขาด(สถานที่ชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดบนเกาะ) ถ้ำเขาพัง และมีวิถีชีวิตของคนบนเกาะสีชังเป็นไฮไลท์ นอกจากนั้นสิ่งที่น่าอัศจรรย์มากที่สุดอีกอย่างหนึ่งบนเกาะสีชังคือ ฝูงหมูป่าที่เดินหากินกันอย่างสนุกสนานจนกลายเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของสีชังไปแล้ว แล้วต้องขอบอกว่าลูกหมูป่าตัวเล็กๆ นั้นน่ารักและแสนอัศจรรย์มาก เพราะตอนเขายังเล็กๆ ที่ตัวของเขาจะมีลายยาวพาดตลอดตัวจากหัวถึงโคนหาง แต่เมื่อเขาโตขึ้น ลายกลับหายไปจนหมดสิ้น แสนมหัศจรรย์
เขียนมาถึงตรงนี้ ก็ขอตั้งคำถามเชิงชวนเชิญคุณๆ ว่าคุณสนใจไปเที่ยวเกาะสีชังกับ Mr.Flower ไหมครับ หากสนใจเราจะไปเที่ยวกันแบบกลุ่มเล็กๆ สนใจโปรดติดต่อ091-7233615
ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่
ทะเลสีชัง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี