ในโอกาสวันสตรีสากล 8 มีนาคมที่ผ่านมา แกรนท์ ธอนตัน เผยผลสำรวจบทบาทผู้หญิงไทยในวงการธุรกิจปี 2563บทบาทผู้หญิงในภาคเอกชนแซงหน้า ขณะที่ในภาคการเมืองและภาครัฐยังทิ้งห่าง แม้ว่าจะมีสัญญาณดีขึ้นเล็กน้อย
รายงานผลวิจัยบทบาทผู้หญิงในวงการธุรกิจปี 2563 ของแกรนท์ ธอนตัน เผยว่า ในประเทศไทยมีสัดส่วนของผู้หญิงที่ดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงมากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกและในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกโดยมีผู้หญิงครองตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของบริษัทในตลาดขนาดกลาง ร้อยละ 32 สูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาเล็กน้อย และสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 27 และค่าเฉลี่ยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 26
ข้อมูลดังกล่าวอ้างอิงจากรายงานผลสำรวจธุรกิจนานาชาติของ แกรนท์ ธอนตัน ที่สำรวจจากบริษัทขนาดกลาง 5,000 แห่งในกว่า 30 ประเทศทั่วโลก ในประเทศไทยมีบริษัทที่ตอบแบบสำรวจ
ทั้งสิ้น 103 แห่ง รายงานดังกล่าวทำให้ทราบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความก้าวหน้าของผู้หญิงในแวดวงการทำงานทั่วโลก
เมเลีย ครูซ
ในประเทศไทย สัดส่วนของผู้บริหารระดับสูงที่เป็นผู้หญิงมีแนวโน้มที่ดีอย่างไรก็ตาม ยังสามารถยกระดับให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ได้ โดยในปีนี้จำนวนธุรกิจในกลุ่มบริษัทขนาดกลางที่ไม่มีผู้หญิงในตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงเลยอยู่ที่ร้อยละ 14 ลดลงร้อยละ 5 จากร้อยละ 19ในปี 2562 เช่นเดียวกับตัวชี้วัดอื่นๆตัวเลขนี้ชี้ให้เห็นความหลากหลายในแวดวงธุรกิจไทยที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในภาพรวมของทั้งระดับภูมิภาค (ร้อยละ 20) และระดับโลก(ร้อยละ 17)
อีกทั้ง ประเทศไทย ยังมีสัดส่วนผู้หญิงที่นั่งในตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดขององค์กรมากกว่าค่าเฉลี่ยของระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยมีผู้หญิงรั้งตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร/กรรมการผู้จัดการร้อยละ 24 สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลก ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 20 และค่าเฉลี่ยของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งอยู่ที่เพียงร้อยละ 13
เมเลีย ครูซ หุ้นส่วนของแกรนท์ธอนตัน ประเทศไทย กล่าวว่า “ประเทศไทยและทั่วโลกกำลังก้าวไปในทิศทางที่เหมาะสมแล้ว แต่จำนวนที่เป็นอยู่ยังคงห่างไกลจากที่เราอยากจะเห็นอยู่มาก นอกเหนือจากประเด็นเรื่องความเท่าเทียมแล้ว ความหลากหลายของบุคลากรในภาคธุรกิจและภาครัฐจะช่วยให้เกิดมุมมองที่กว้างขวางขึ้นและส่งผลให้การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์และการนำกลยุทธ์ไปปฏิบัติมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นอีกด้วย”
ผลสำรวจยังชี้ว่าในประเทศไทย ตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงที่ถือครองโดยผู้หญิงมากที่สุดคือ ตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน (CFO) ซึ่งสูงถึงร้อยละ 43 สอดคล้องกับรายงานข้อมูลความหลากหลายทางเพศ CS Gender 3000 Report ของสถาบันวิจัยเครดิตสวิส(Credit Suisse Research Institute) ที่พบว่า ประเทศไทยมีสัดส่วนของผู้หญิงที่ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน (CFO) มากที่สุดในโลก และครองอันดับสามของประเทศที่มีผู้หญิงนั่งตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO)มากที่สุดในโลก
แม้ว่าสถานภาพของผู้หญิงในโลกธุรกิจจะค่อนข้างดี แต่กลับไม่สดใสนักในโลกการเมือง ผู้หญิงไทยครองตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพียง 81 ที่นั่ง จากที่นั่งในรัฐสภาทั้งสิ้น 500 ที่นั่ง คิดเป็นร้อยละ16.2 เท่านั้น เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของโลกที่ร้อยละ 24.9 ถือว่าประเทศไทยยังไร้ความสมดุลระหว่างเพศตามข้อมูลจากสหภาพรัฐสภา (Inter-Parliamentary Union)
โดยสัดส่วนของผู้หญิงไทยที่ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยังค่อนข้างต่ำ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขในปัจจุบันที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าชี้ให้เห็นแนวโน้มที่ดี หลังการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2562มีผู้หญิงครองที่นั่งในรัฐสภาเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากร้อยละ 5.4 เป็นร้อยละ 16.2
ถึงแม้ประเทศไทยจะมีพัฒนาการด้านความเท่าเทียมทางเพศดีขึ้นเล็กน้อย แต่ในภาพรวมยังคงอยู่ในระดับปานกลาง โดยประเทศไทยรั้งอันดับ 75 จาก 153 ประเทศทั่วโลก ตามรายงานช่องว่างระหว่างเพศปี 2020 ของสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) ซึ่งใช้ตัวชี้วัด 4 มิติ ได้แก่ การมีส่วนร่วมและโอกาสทางเศรษฐกิจ ระดับการศึกษาที่สำเร็จ สุขภาพและการอยู่รอด และการให้อำนาจทางการเมือง
ปนิตยา จ่างจิต ผู้อำนวยการแกรนท์ ธอนตัน ประเทศไทย สรุปเรื่องความสำคัญของสัดส่วนความสมดุลระหว่างเพศในพื้นที่สาธารณะว่า เช่นเดียวกับอีกหลายๆ เรื่อง ภาครัฐของไทยยังคงตามหลังภาคเอกชนอยู่มากในด้านนี้ การมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมจะเป็นก้าวสำคัญที่นำไปสู่การบริหารจัดการอย่างทั่วถึงและสังคมที่มีความเสมอภาค นอกจากนี้ ยังนำมาซึ่งนโยบายสาธารณะที่ตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริง จากแนวโน้มที่ดีขึ้นในด้านความหลากหลายของผู้บริหารซึ่งสะท้อนผลสำเร็จในภาคธุรกิจ เป็นไปได้ว่าในอนาคตเราจะได้เห็นความหลากหลายที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่ทางการเมืองเช่นเดียวกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี