บุพเพสันนิวาสที่สร้างกระแสออเจ้ากัน
หลังจากกระแสนวนิยาย “บุพเพสันนิวาส” ออเจ้าสร่างซาลง วัดไชยวัฒนาราม ก็ยังคงมีความสง่างามและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุเป็นโบราณสถานแห่งสำคัญที่ยืนยันความเป็นมรดกโลกให้โลกปรากฏ อาทิตย์นี้ได้ตามรอยไปกับ คุณอรุณศักดิ์ กิ่งมณี รองอธิบดีกรมศิลปากร เพื่อพบกับผู้สนับสนุนหลักในการทำงานของโครงการการบูรณะต่อเนื่องจากโครงการ WorldMomument Fund โดยมี นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา, นายจารึก วิไลแก้ว ผอ.ศิลปากรที่ ๓ และนางสาวสุกัญญา เบาเนิด ผอ.อุทยานประวัติศาสตร์ฯซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่มรดกโลกแห่งนี้โดยตรง
คณะผู้สนับสนุนและผู้รับผิดชอบโครงการ
วัดไชยวัฒนาราม เป็นวัดเก่าแก่สมัยอยุธยาตอนปลาย ตั้งอยู่ที่ ตำบลบ้านป้อม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ทางฝั่งตะวันตกนอกเกาะเมือง สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าปราสาททอง พ.ศ.๒๗๑๓ เดิมเป็นนิวาสถานของพระราชมารดาและสถานที่สิ้นพระชนม์ก่อนที่พระเจ้าปราสาททอง เสด็จขึ้นเสวยราชเป็นกษัตริย์ พระองค์จึงสร้างวัดไชยวัฒนารามขึ้นเพื่ออุทิศกุศลให้แด่พระราชมารดาของพระองค์ โดยนำสถาปัตยกรรมแห่งวิษณุโลกจากปราสาทนครวัด มาสร้างจนเข้าใจว่าน่าจะเป็นรูปแบบสร้างพระเมรุมาศในครั้งนั้นด้วย สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานว่าวัดนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ชัยชนะเหนือนครละแวกโดยจำลองแบบมาจากปราสาทนครวัด ต่อมาวัดไชยวัฒนารามเป็นวัดหลวงสำหรับบำเพ็ญพระราชกุศลของกษัตริย์สืบต่อมา จึงได้รับการปฏิสังขรณ์ให้งดงามมาทุกรัชสมัย และถูกใช้เป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระศพพระบรมวงศานุวงศ์เกือบทุกพระองค์ เมื่อพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ สิ้นพระชนม์ก็ได้ถวายพระเพลิงที่วัดนี้ ก่อนกรุงแตกใน พ.ศ.๒๓๑๐ วัดไชยวัฒนาราม ได้ถูกแปลงเป็นค่ายตั้งรับข้าศึกแล้ว เมื่อสิ้นสงครามแล้วได้ถูกปล่อยทิ้งให้ร้างเรื่อยมา ทำให้บางครั้งมีผู้ร้ายเข้าไปลักลอบขุดหาสมบัติ ลักลอบตัดเศียรพระพุทธรูปและรื้ออิฐพระอุโบสถ และกำแพงของวัดไปขายจนเสียสิ้น จนถึงปี พ.ศ.๒๕๓๐ กรมศิลปากรได้เข้ามาทำการอนุรักษ์บูรณะขึ้นแล้วเสร็จในปี พ.ศ.๒๕๓๕ จนเห็นร่องรอยความงดงามทางสถาปัตยกรรมตามงบประมาณ
คณะชมการทำงานการบูรณะ
จนวันนี้ นายไมเคิล ดีซอมบรี เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และคณะผู้รับผิดชอบได้ร่วมกันเปิดงานบูรณะต่อเนื่องขึ้นหลังจากที่ได้เห็นความสำคัญและสนับสนุนมาตั้งแต่เริ่มต้น กล่าวคือเมื่อ พ.ศ.๒๕๕๕ นั้น ได้มอบเงิน ๔ ล้านบาท เพื่อจัดการกำแพงกั้นป้องกันน้ำท่วมที่เกิดขึ้นเป็นประจำและเกิดน้ำท่วมใหญ่ในปี พ.ศ.๒๕๕๔ โดยใช้เงินโครงการกองทุนเอกอัครราชทูตเพื่อการอนุรักษ์ทางวัฒนธรรม (Ambassadors Fund for Cultural Preservation หรือ AFCP) ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาในโอกาสครบรอบความสัมพันธ์ ๒๐๐ ปี ระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกา ต่อมาใน พ.ศ. ๒๕๕๖ ได้สนับสนุน ๒๒ ล้านบาทเพื่อสำรวจการวางแผนงานบูรณะปรางค์ทิศหรือเมรุทิศพ.ศ.๒๕๖๐ สนับสนุน ๑๐ ล้านบาท เพื่อต่อเนื่องการบูรณะปรางค์ทิศที่ชำรุดเสียหายที่ยังเหลืออยู่ และปีนี้ได้สนับสนุนการบูรณะต่อเนื่องสำหรับปรางค์ทิศที่มีอยู่โดยรอบ ๘ แห่ง รวมได้มีการสนับสนุนมาแล้วมากกว่า ๑,๑๐๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐหรือกว่า ๓๖ล้านบาท โครงการนี้จึงเป็นการเรียนรู้ร่วมกันสำหรับการบูรณะในหลักวิชาการที่เป็นสากลและเรียนรู้การบูรณะงานปูนปั้นและจิตรกรรม งานสลักไม้ที่เป็นลักษณะเฉพาะของช่างศิลปกรรมไทย เพื่อผลักดันวัดไชยวัฒนารามเป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ระดับโลก ในการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับมรดกทางวัฒนธรรมให้มีคุณค่าขึ้นโดยให้ความสนับสนุนการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมแห่งนี้ต่อเนื่องจนมีความสง่างามพร้อมกับการเรียนรู้งานโบราณคดีและงานช่างฝีมือของไทยจากโครงสร้างสถาปัตยกรรมวัดไชยวัฒนารามที่ได้อนุรักษ์สถาปัตยกรรมที่ทรุดโทรมและเสริมโครงสร้างโดยรอบวัดให้แข็งแรงขึ้น เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย จึงเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของความร่วมมือระหว่างสหรัฐกับไทยซึ่งมีการเชิญผู้เชี่ยวชาญระดับโลกมาให้การถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการบูรณะซ่อมแซมและอนุรักษ์โบราณสถานรวมถึงจัดการฝึกอบรมและการพัฒนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นต้นแบบการอนุรักษ์ที่กรมศิลปากรจะได้ประยุกต์ใช้กับโบราณสถานสำคัญแห่งอื่นๆ ในประเทศไทยต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี