นับตั้งแต่รัฐบาลอินเดียประกาศปิดประเทศเป็นเวลา3 สัปดาห์ ระงับการทำธุรกิจที่ไม่จำเป็น ปิดกิจการและหน่วยงานต่างๆ รวมถึงห้ามการรวมตัวกันของประชาชน และออกมาตรการห้ามประชาชนออกจากบ้าน เพื่อรับมือการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ส่งผลให้เกิดการอพยพขนานใหญ่ของแรงงานต่างถิ่นออกจากเมืองใหญ่ เช่น กรุงนิวเดลีและนครมุมไบ แรงงานไร้ทักษะชาวอินเดียหลายล้านคน ต่างพากันหนีออกจากเมืองใหญ่ เพื่อกลับสู่บ้านในชนบท และหลายคนยอมแม้กระทั่งเดินเท้าหลายร้อยกิโลเมตรเพื่อกลับบ้านให้ได้
แรงงานนอกระบบเหล่านี้ถือเป็นกระดูกสันหลังของระบบเศรษฐกิจในเมืองใหญ่ของอินเดีย พวกเขามีอาชีพตั้งแต่รับเหมาก่อสร้าง ทำครัว พนักงานเสิร์ฟพนักงานส่งของ ส่งอาหาร ช่างทำผมช่างซ่อมรถ และคนส่งหนังสือพิมพ์เป็นต้น พวกเขาหนีความยากจนในชนบทเข้ามาทำงานในเมือง คาดว่าน่าจะมีประมาณหนึ่งร้อยล้านคนทั่วอินเดีย แต่เมื่อรัฐบาลประกาศล็อกดาวน์ ทำให้พวกเขาตกอยู่ในสภาวะผู้ลี้ภัยและตกงานในชั่วข้ามคืนนายจ้างจำนวนมากทำเนียนไม่ยอมจ่ายค่าจ้าง แถมเมื่อมาถึงท่ารถโดยสารและสถานีรถไฟก็กลับบ้านไม่ได้แล้ว เพราะระบบขนส่งถูกสั่งปิดหมด
นั่นจึงทำให้เราได้เห็นภาพชาย หญิงและเด็กๆ เก็บข้าวของ เดินเท้ากลับบ้านเกิด บางคนต้องเดินเท้าหลายร้อยกิโลเมตร โดยพวกเขาอ้างว่า ไม่มีเงินเหลือแล้วและกลัวต้องอดตายในเมืองใหญ่และทำให้สื่อใหญ่ของอินเดียพาดหัวข่าวปรากฏการณ์นี้ว่า “Indiais walking home” จากการปิดประเทศเพื่อยับยั้งวิกฤติโรคระบาด ตอนนี้อินเดียกำลังเข้าสู่วิกฤติด้านมนุษยธรรมไปด้วยแล้ว
อย่างไรก็ตาม หลายรัฐของอินเดียได้พยายามเข้าช่วยเหลือผู้คนเหล่านี้ด้วยการจัดที่พักชั่วคราวอาหาร และการขนส่งให้ แต่การจัดรถขนส่งพวกเขากลับบ้านเกิด กลายเป็นฝันร้ายตามมาก เพราะแรงงานหลายแสนคนเบียดเสียดแย่งกันขึ้นรถ ตามสถานีรถต่างๆ ขณะที่มุขมนตรีของกรุงนิวเดลีได้ออกมาวอนบรรดาแรงงานว่าอย่าเพิ่งกลับบ้าน เพราะการไปรวมกันเป็นจำนวนมาก จะยิ่งเสี่ยงติดเชื้อโรคโควิด-19 และประกาศว่ารัฐบาลท้องถิ่นจะจ่ายค่าเช่าที่พักให้ รวมถึงเปิดศูนย์แจกจ่ายอาหารถึง 568 แห่ง ในเมืองหลวง
ขณะเดียวกัน รัฐบาลอินเดียถูกวิจารณ์เรื่องการปิดเมือง ที่มีผลบังคับใช้ภายในเวลาสี่ชั่วโมงหลังประกาศเท่านั้น ทำให้หลายภาคส่วนไม่สามารถเตรียมการรับมือได้ทัน ทำให้นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ต้องออกมากล่าวขอโทษกับผลกระทบจากมาตรการให้อยู่บ้าน แต่ไม่มีทางเลือกอื่นในการหยุดยั้งไวรัสนี้แล้ว นายโมดีบอกว่า เมื่อเขาดูที่พี่น้องที่ยากจน เขารู้ว่าคนเหล่านั้นคงกำลังคิดว่า นี่คือนายกรัฐมนตรีประสาอะไรที่ทำให้พวกเขามีชีวิตยากลำบากเช่นนี้ เขาจึงอยากขอให้คนเหล่านี้ให้อภัยเขาด้วย ผู้นำอินเดียย้ำว่า เขาเข้าใจปัญหาของประชาชนแต่มันไม่มีวิธีอื่นในการสู้สงครามต่อต้านไวรัสนี้แล้ว นี่คือการต่อสู้ที่เป็นตายพอกัน และเราต้องเอาชนะให้ได้
ชินเมย์ ทัมบี ผู้เขียนหนังสือที่ชื่อ India Moving: A History of Migration อธิบายว่า เมืองใหญ่นั้นให้ความมั่นคงด้านเศรษฐกิจกับบรรดาแรงงานต่างถิ่น แต่อันที่จริงแล้ว ความมั่นคงทางสังคมของพวกเขานั้นอยู่ที่หมู่บ้านที่พวกเขาเกิดมา ซึ่งมีทั้งที่พักและอาหารเมื่อสังคมเมืองไม่มีงานให้ทำแล้ว พวกเขาจึงต้องกลับบ้านเพื่อไปหาความมั่นคงทางสังคมให้ตนเองที่ผ่านมาเคยเกิดเหตุอพยพกลับบ้านขนานใหญ่มาแล้ว เช่น เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่นครมุมไบ เมื่อปี2005 และการระบาดของโรคไข้หวัดสเปน เมื่อปี 1918
ครั้งนี้ เหตุการณ์ก็เป็นเช่นเดิม ชาวอินเดียแห่กลับบ้านเกิดเพื่อไปหาครอบครัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ และนั่นจะทำให้เกิดจุดฮอตสปอตของการระบาดได้จึงทำให้ต้องจับตาช่วงไม่กี่วันข้างหน้านี้ว่า แต่ละรัฐจะมีวิธีการอย่างไรให้การดูแลผู้เดินทางกลับบ้านเกิดเหล่านี้
@koopnot01
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี