เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหลังจากราคาน้ำมันดิบสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียตหรือ WTI Light Sweet Crude งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ซึ่งจะหมดอายุในวันอังคาร (21 เม.ย.) ลดลง 55.90 ดอลลาร์ ปิดที่ -37.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ถือเป็นการปรับลดวันเดียวมากที่สุดในประวัติศาสตร์ย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 1983 และยังเป็นราคาต่ำที่สุดถึงระดับติดลบครั้งแรกในวัติศาสตร์ด้วย ขณะที่หนึ่งวันให้หลัง ราคาน้ำมันดิบตลาดเบรนท์แหล่งทะเลเหนือของอังกฤษ งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ก็ดิ่งลงตามไปติดๆ ถึง 15% ไปเคลื่อนไหวที่ระดับใกล้เคียง 16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลต่ำที่สุดในรอบ 21 ปี ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดสำคัญของยุโรปและแอฟริกา ซึ่งโดยปกติจะขายในราคาที่ลดลงมาจากราคาอ้างอิงของเบรนท์ อาจต้องขายในระดับต่ำเตี้ยถึง 10 หรือลดฮวบลงไปถึง 5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
แม้ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันในวันจันทร์ (20 เม.ย.) ส่วนหนึ่งเป็นเหตุผลทางเทคนิค เพราะสัญญาซื้อขายจะมีผลส่งมอบในอีก 1 วันถัดไป ซึ่งจะบีบให้พวกเทรดเดอร์ที่ซื้อมาแล้วขายไปเพื่อทำกำไรต้องครอบครองน้ำมันดิบเหล่านั้นจริงๆ เนื่องจากปริมาณการผลิตล้นความต้องการ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการส่งมอบจริงและค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บในคลัง หรืออาจถึงขั้นหาคลังเก็บสำรองน้ำมันไม่ได้ พวกเขาจึงจำเป็นต้องเร่งระบายออกจากมือ
หากพิจารณากันจริงๆ สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกถูกกดดันอย่างหนักมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งก่อความเสียหายแก่เศรษฐกิจโลกอย่างรุนแรง บีบให้ประชาชนหลายพันล้านคนทั่วโลกต้องอยู่แต่ในบ้านเพื่อหยุดการแพร่ระบาด รวมถึงสงครามราคาระหว่างซาอุดีอาระเบียกับรัสเซีย ความหายของราคาน้ำมัน “ติดลบ” หมายถึงผู้ผลิตน้ำมันต้องจ่ายเงินให้กับลูกค้าที่นำน้ำมันออกไปจากคลัง ด้วยความกังวลว่าปริมาณน้ำมันที่มีอยู่อาจล้นจนเกินความต้องการ นั่นหมายถึงผู้ผลิตน้ำมันต้องจ่ายเงินลูกค้า37.63 ดอลลาร์ต่อปริมาณน้ำมัน1 บาร์เรล ที่ลูกค้าจะนำออกไปจากคลัง พูดง่ายๆ ก็คือนาทีนั้น ซื้อน้ำมันดิบยังได้เงินแถมไปด้วยนั่นเอง
แต่นักวิเคราะห์มองว่า ในอนาคตที่อาจจะใกล้มาถึงในเร็วๆ นี้ สถานการณ์ราคาน้ำมันติดลบ อาจไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไป และไม่นาน เราอาจได้เห็นราคาน้ำมันดิบติดลบไปจนถึงระดับ -100ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก็เป็นได้
ข้อมูลจากบทความในเว็บไซต์ Blooomberg พบว่า เหนือพื้นโลกขึ้นไปหลายร้อยกิโลเมตร มีดาวเทียมดวงหนึ่งชื่อ เซนทิเนล-1 (Sentinel-1) คอยรับสัญญาณจากถังเก็บน้ำมัน ซึ่งจะส่งสัญญาณขึ้นไปยังเรดาร์ของดาวเทียมทันที เมื่อปริมาณน้ำมันดิบในถังลดลงไปจนถึงระดับที่ “อันตราย” และจะคำนวณได้ในทันทีว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำมันดิบคงเหลืออยู่มากน้อยแค่ไหน โดยล่าสุด ดาวเทียมเซนทิเนล-1 ได้รับสัญญาณที่อันตราย เมื่อพบว่า คลังสำหรับเก็บน้ำมันดิบบนโลกใบนี้กำลังเหลือน้อยลงทุกขณะ และจากข้อมูลของสหรัฐ พบว่าเมื่อวันที่ 17 เม.ย. ปริมาณน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐ มีมากถึง 635 ล้านบาร์เรล เกือบถึงขีดจำกัดที่713.5 ล้านบาร์เรลแล้ว
นักวิเคราะห์มองว่า หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป คลังเก็บน้ำมันดิบทั่วโลก ซึ่งรวมถึงในรอตเตอร์ดัมประเทศเนเธอร์แลนด์ แหล่งเก็บน้ำมันสำคัญของยุโรปตะวันตก รวมถึงอินเดีย สิงคโปร์ และเกาะอีกหลายเกาะในทะเลแคริบเบียน อาจเต็มในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมหรือต้นเดือนมิถุนายนนี้ เพราะในแต่ละสัปดาห์ จะมีปริมาณน้ำมันดิบเข้าไปเติมในคลังถึง 50 ล้านบาร์เรล มากพอที่จะใช้ในฝรั่งเศส อังกฤษ อิตาลี สเปน และสหราชอาณาจักรรวมกันด้วยซ้ำ อีกทั้งเมื่อราคาน้ำมันดิบลงไปในระดับติดลบ มันก็จะติดลบมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีเพดาน
ตอนนี้ โลกไม่ได้กำลังหาแหล่งผลิตน้ำมันแหล่งใหม่ๆ อีกต่อไป แต่กลายเป็นว่ากำลังหาที่เก็บน้ำมัน และคลังน้ำมันแหล่งใหม่ๆ แทน ผู้ผลิตน้ำมันกำลังปวดหัวเพราะน้ำมันที่จะได้เข้ามาอยู่ในมือจะไม่มีที่ให้เก็บอยู่แล้วจะระบายออกก็ยากเพราะผู้ซื้อก็ชะลอคำสั่งซื้อออกไป เนื่องจากความต้องการในตลาดโลกลดลงมาก
อีกไม่นาน ผู้ผลิตน้ำมันอาจต้องยัดเงินใส่มือผู้ซื้อ 100 ดอลลาร์ เพื่อให้ช่วยเอาน้ำมันออกไปจากคลัง 1 บาร์เรล
ถึงตอนนี้ เราๆ ท่านๆ จะได้เติมน้ำมันราคาลิตรละกี่บาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี