ปราสาทเทพบิดร
เมื่อวันจักรี ๖ เมษายน ๒๕๖๓ ที่ผ่านมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงประกอบพิธีบวงสรวงพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ เพื่อไปประกอบพิธีประดิษฐานและสมโภช ณ ปราสาทเทพบิดรวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือ วัดพระแก้วในพระบรมมหาราชวัง พระบรมรูป ร.๙องค์ใหม่นี้มีความสูงจากพระบาทถึงพระเศียร ขนาด ๑๗๒ เซนติเมตร ความสูงฐานพระบรมรูปขนาด ๗ เซนติเมตร ความสูงรวมขนาด ๑๗๙ เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง ๕๐ เซนติเมตร น้ำหนักรวม ๑๕๖ กิโลกรัม หล่อด้วยโลหะบรอนซ์ ซึ่งเป็นวัสดุผสมระหว่างทองแดงกับโลหะผสมมากกว่า ๑ ชนิด โดยปกติจะผสมสังกะสีเล็กน้อยลงไปด้วยเสมอ และมีทองแดงอยู่ร้อยละ ๖๐-๙๘ ที่เหลือเป็นโลหะผสมอื่นๆ ปราสาทเทพบิดร จึงเป็นภูมิสถานสำคัญคู่บ้านเมืองสร้างตามอย่างกรุงศรีอยุธยา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๓๙๘ ตามแบบพระที่นั่งปราสาททองคือพระที่นั่งวิหารสมเด็จในพระราชวังหลวงกรุงศรีอยุธยา พระราชทานนามว่า “พระพุทธปรางค์ปราสาท” การก่อสร้างครั้งนั้นโปรดเกล้าฯ ให้นำกระเบื้องจากเมืองจีนสั่งแต่ครั้งรัชกาลที่ ๓ ตามพระราชประสงค์ที่จะนำมาประดับพระอุโบสถวัดอรุณราชวรารามนั้นมาประดับที่พระพุทธปรางค์ปราสาทนี้ด้วย การก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตเสียก่อน ต่อมารัชกาลที่ ๕ เมื่อเตรียมงานสมโภชพระนครครบ ๑๐๐ ปีแล้ว โปรดเกล้าฯให้พระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ร่วมควบคุมการบูรณปฏิสังขรณ์พระพุทธปรางค์ปราสาท ดังนี้
ปราสาทเทพบิดร
๑.สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระยาบำราบปรปักษ์ ทรงทำบุษบกข้างใน พระพุทธปรางค์ปราสาท ๒.พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศร์วรฤทธิ์
ทำเพดานภายในที่ยังค้างอยู่ ปูหินอ่อนทำลวดลายผนัง เชิงผนังและลายเพดานขึ้นใหม่๓.พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์ ทำการประดับกระเบื้องในที่ต่างๆ ที่ยังค้างอยู่เป็นอันมาก ทำการลงรักปิดทองประดับกระจก เชิงกลอน ทวย ช่อฟ้า ใบระกา หน้าบัน เสาและการต่างๆ ภายนอกทั้งหมด ๔.พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเกษมศรีศุภโยค ทำการประดับมุกบานพระทวาร และพระบัญชรด้านนอกทั้งหมด ด้านในเป็นลายรดน้ำรูปเซี่ยวกาง-เมื่อพระพุทธปรางค์ปราสาทสำเร็จเมื่อ พ.ศ.๒๔๒๕ พร้อมกับงานฉลองพระนครครบ ๑๐๐ ปี
ปราสาทเทพบิดรยอดปรางค์
แต่เมื่อสร้างเสร็จแล้วทรงเห็นว่า พระพุทธปรางค์ปราสาทมีขนาดไม่เพียงพอกับพระราชพิธีต่างๆ จึงมิได้อัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (แก้วมรกต) มาประดิษฐานตามพระราชดำริเดิมของรัชกาลที่ ๔ แต่โปรดเกล้าฯให้อัญเชิญ พระเจดีย์กาไหล่ทองของรัชกาลที่ ๔ ที่เคยตั้งเป็นประธานในพระพุทธมณเฑียรในบริเวณสวนขวา เดิมนั้นมาประดิษฐานเป็นประธานในพระพุทธปรางค์ปราสาท ปลายรัชสมัยรัชกาลที่ ๕ พ.ศ.๒๔๔๖ ได้เกิดเพลิงไหม้จากไฟฟ้าลัดวงจร ทำให้เครื่องบนหลังคาพระพุทธปรางค์ปราสาทไหม้หมดสิ้นรวมไปถึงพระเจดีย์กาไหล่ทององค์ประธานก็สูญสิ้นไปด้วย ขณะเพลิงไหม้นั้นได้โปรดเกล้าฯให้ถอดพระทวารและพระบัญชรประดับมุกออกทั้งหมด แล้วโปรดเกล้าฯ ให้ซ่อมหลังคาและส่วนที่ชำรุดเสียหาย ส่วนบานพระทวารและพระบัญชรประดับมุกนั้นโปรดเกล้าฯ ให้นำไปเป็นบานประตูและหน้าต่างที่พระอุโบสถวัดราชบพิธฯ การบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งนี้ยังไม่เสร็จพระองค์เสด็จสวรรคตเสียก่อน
พระที่นั่งวิหารสมเด็จ
ต่อมาในรัชกาลที่ ๖ โปรดเกล้าฯให้บูรณปฏิสังขรณ์จนเสร็จบริบูรณ์ แล้วตกแต่งภายในแก้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าในพระบรมราชจักรีวงศ์ทั้ง ๕ พระองค์ ทั้งมีพระบรมราชโองการให้มีการถวายบังคมพระบรมรูปเป็นประจำทุกปี ในวันที่ ๖ เมษายน ทรงกำหนดให้เป็นวันจักรี ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๖๑ เป็นต้นมา หลังสุดรัชกาลที่ ๙ โปรดเกล้าฯ ให้มีการถวายบังคมพระบรมรูป เป็นประจำทุกปีในวันที่ ๕ พฤษภาคม ตรงกับวันฉัตรมงคล วันที่ ๑๓-๑๕ เมษายน เนื่องในวันสงกรานต์ หรือพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้มีการถวายบังคมในโอกาสวันสำคัญต่างๆ ในบางปี หรือทุกปี เช่น วันปิยมหาราช วันที่๒๓ ตุลาคม ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๔ และยังประดิษฐานพระบรมรูปเพิ่มตามรัชสมัยจนถึงรัชกาลที่ ๘ ปัจจุบันปราสาทเทพบิดรได้ประดิษฐานพระบรมรูปสมเด็จพระบูรพกษัตริยาธิราชครบ ๙ รัชกาลแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี