เจ้าแม่สร้อยดอกหมาก - เจ้าแม่สร้อยดอกหมากสร้างถวาย
หากไปไหว้พระใหญ่ที่วัดพนัญเชิง แห่งอโยธยาศรีรามเทพนครแล้ว ไม่พูดถึงนางสร้อยดอกหมากก็จะดูกระไรอยู่ นักท่องเที่ยวหลายคน โดยเฉพาะชาวจีนนั้นนิยมมาสักการะเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก พระธิดาของพระเจ้ากรุงจีน ซึ่งอภิเษกเป็นมเหสีอีกองค์หนึ่งของพระเจ้าสายน้ำผึ้งและมาตัดสินใจกลั้นใจจนสิ้นชีวิตที่ท่าน้ำปากน้ำแม่เบี้ย ภายหลังบริเวณหน้าท่าน้ำของวัดพนัญเชิงได้มีการสร้างศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมากขึ้นเป็นที่ระลึก ประมาณเอาว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งที่พลอยพาให้บรรดาเทพเจ้าฝ่ายจีนทั้งหลายมาอัดแน่นอยู่บริเวณนี้ แบบไม่ต้องไปไหว้ที่อื่นนั่นแหละ เรื่องราวของนางสร้อยดอกหมากกับพระเจ้าสายน้ำผึ้งนั้นหาอ่านได้จากพงศาวดารเหนือ แม้จะเป็นตำนานก็เชื่อกันไปเป็นเรื่องเป็นราวเสียแล้วว่า นางสร้อยดอกหมาก เป็นพระธิดาบุญธรรมของพระเจ้ากรุงจีน เกิดในจั่นหมาก เมื่อเจริญวัยขึ้นจึงให้โหรทำนายว่าพระราชธิดาจะคู่ควรด้วยกษัตริย์เมืองใด โหรทำนายว่าเห็นอยู่แต่ทิศตะวันตกที่ควรแก่พระราชธิดา พระเจ้ากรุงจีนจึงแต่งพระราชสาส์นให้ขุนแก้วการเวทถือเข้ามาในสาส์นนั้นว่าพระเจ้ากรุงจีน ให้มาเป็นทางพระราชไมตรีถึงเมืองอโยธยาศรีรามเทพนคร และขอยกพระราชธิดาให้เป็นพระอัครมเหสี
เจ้าแม่สร้อยดอกหมากองค์ประธาน
ขณะนั้นเมืองอโยธยามีเจ้าดวงกฤษณะราชหรือที่รู้จักกันดีว่าคือพระเจ้าสายน้ำผึ้งครองราชย์อยู่ มีพระอัครมเหสีอยู่แล้ว เมื่อพระองค์ทราบความแล้วก็ดีพระทัยตรัสตอบไปว่า เดือนสิบสองจะออกไปรับ แล้วตรัสให้จัดเรือเอกชัยเป็นขบวนพยุหยาตราทางชลมารคเสด็จฯออกไปรับเมื่อปีจ.ศ.๓๙๕ (พ.ศ.๑๕๗๙) พระเจ้าสายน้ำผึ้งนั้นได้เสด็จฯไปจีนและเสด็จประทับเรือพระที่นั่งเอกชัยลำเดียว เสด็จฯไปจนถึงเขาไพ่ แล้วประทับที่อ่าวนาคคืนหนึ่ง อ่าวเสืออีกคืนหนึ่ง พระเจ้ากรุงจีนได้แต่งกระบวนแห่มารับพระองค์เข้าพระราชวัง แล้วราชาภิเษกนางสร้อยดอกหมากเป็นพระอัครมเหสี พระเจ้ากรุงจีนแต่งสำเภาห้าลำกับเครื่องอุปโภค-บริโภคเป็นอันมากและให้คนจีนติดตามมาห้าร้อย (ห้าร้อย-หมายถึงจำนวนมาก) เข้ามาด้วย สำเภาเดินทางสิบห้าวันก็ถึงแดนพระนคร ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยกับพระราชาคณะ ราษฎร แต่งการรับเสด็จฯ พระราชาคณะฐานานุกรม ๑๕๐ รูป ไปรับเสด็จฯที่เกาะพระแล้วเชิญเสด็จฯมาท้ายเมืองตรงปากน้ำแม่เบี้ย แล้วพระเจ้าสายน้ำผึ้งได้เสด็จเข้าวังก่อน ให้จัดตำหนักซ้ายขวา โดยให้เฒ่าแก่กับเรือพระที่นั่งลงมารับนางสร้อยดอกหมาก นางตอบว่าถ้าพระองค์ไม่ลงมารับด้วยพระองค์เองแล้วไม่ไป พระองค์ทราบดังนั้นก็ว่าเป็นหยอกเล่น มาถึงนี่แล้วจะอยู่ที่นั่นก็ตามเถิด นางรู้ความก็คิดว่าเป็นเรื่องจริงจึงน้อยพระทัย ครั้นรุ่งขึ้นเมื่อพระเจ้าสายน้ำผึ้งแต่งกระบวนมารับเสด็จฯ นางก็ตัดพ้อว่าไม่ไปพระองค์ก็สัพยอกว่าไม่ไปแล้วก็อยู่ที่นี่ พอตกพระโอษฐ์นางก็กลั้นใจตาย เมื่อปี จ.ศ.๔๐๖ ประมาณพ.ศ.๑๕๘๗ ครั้งนั้นพระเจ้าสายน้ำผึ้งจึงเชิญพระศพมาพระราชทานเพลิงที่แหลมบางกะจะ สถาปนาเป็นพระอาราม ให้นามว่าวัดพระเจ้าพระนางเชิงแต่นั้นมา
เทพเจ้าฝ่ายจีน
สรุปความตามสถานที่ก่อนว่าตรงปากน้ำแม่เบี้ยนั้นเป็นสถานที่นางสร้อยดอกหมากกลั้นใจตาย มีการสร้างศาลเจ้าอยู่ และตรงแหลมบางกะจะที่ถวายพระเพลิงพระศพนั้นสร้างวัดพระเจ้าพระนางเชิงคือวัดพนัญเชิงส่วนความตามประวัติศาสตร์ก็ต้องว่ากันถึงสัมพันธไมตรีกับจีน ซึ่งดูเหมือนจะมีความเกี่ยวพันกันทางตำนานกันมาแต่ครั้งสุโขทัย จนถึงอโยธยาแม้แต่เรื่องพระเจ้าอู่ทองก็มีตำนานว่าเป็นบุตรขุนนางจีนที่เดินทางมาจากจีน ดังนั้นเรื่องนางสร้อยดอกหมากจึงเป็นอีกเรื่องที่ต้องตรวจสอบกับประวัติศาสตร์ในยุคสมัยอโยธยาศรีรามเทพนครที่น่าจะเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้ ซึ่งใน “คำให้การของขุนหลวงหาวัด” ระบุรายพระนามกษัตริย์ครองเมืองอโยธยาฯ ว่ามี ๑๙ พระองค์ พระเจ้าสายน้ำผึ้งนั้นเป็นลำดับที่ ๑๒ คือ เจ้าดวงกฤษณะราช และกษัตริย์องค์สุดท้ายคือ พระเจ้าอู่ทอง ที่ไปอยู่เมืองสุพรรณภูมิ และกลับมาสร้างกรุงศรีอยุธยาขึ้น ก็คงจะต้องตามรอยถึงพระเจ้าสายน้ำผึ้งกันต่อให้จบความ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี