ด้วยการค้ากับชาวจีนนั้นเชื่อกันว่าน่าจะเกิดขึ้นแล้วแต่ครั้งอโยธยาศรีรามเทพนครเป็นเมืองใหญ่ ซึ่งอาจจะย้อนขึ้นไปถึงสมัยลพบุรีในยุคที่ขอมมีอำนาจในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา-ป่าสัก-ลพบุรีด้วย ด้วยความสนใจใคร่รู้จึงตามรอยหาภูมิสถานที่น่าจะเกี่ยวข้องกันจากนางสร้อยดอกหมากซึ่งปรากฏเรื่องว่าเมื่อครั้งปากน้ำแม่เบี้ยแล้วนางก็น้อยใจกลั้นใจตายในสมัยอโยธยาเป็นเหตุการณ์ที่เกิดก่อนจะมีการสร้างวัดพนัญเชิงขึ้น อาทิตย์นี้จึงตามรอยไปที่ปากน้ำแม่เบี้ย ซึ่งในอดีตเป็นชุมชนใหญ่ของชาวจีน มีคลองสวนพลูอยู่ในพื้นที่ ร่องรอยเดิมคงหายากเสียแล้วด้วยมีการสร้างวัด สร้างชุมชนชาวต่างชาติในสมัยอยุธยาเต็มไปหมด ปัจจุบันมีศาลเจ้าพ่อปากน้ำแม่เบี้ยแห่งเดียวที่เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ เรียกกันว่า ปุงเถ่ากง แปลว่า ศาลเจ้าเก่าตั้งอยู่บริเวณปากน้ำแม่เบี้ย หรือปากคลองสวนพลู อยู่ทางทิศใต้ของวัดพนัญเชิงฯ หากนึกถึงภาพที่ยังไม่ได้สร้างวัดพนัญเชิงแล้ว พื้นที่หัวแหลมบางกะจะที่สร้างวัดก็เป็นจุดที่มีแม่น้ำป่าสักไหลออกมาจบแม่น้ำเจ้าพระยาตรงป้อมเพชร ซึ่งก็ยังไม่ได้สร้างกรุงศรีอยุธยายังไม่มีป้อมเพชร บริเวณทั้งหมดจึงเป็นทางสามแพร่งที่เป็นชุมชนใหญ่ หรือตลาดการค้าใหญ่ของเมืองอโยธยาศรีรามเทพนคร ส่วนตรงบริเวณริมฝั่งปากน้ำแม่เบี้ยนั้นก็ย่านของพ่อค้าชาวจีนและชาวจีนที่ตั้งบ้านเรือน ที่เป็นจุดจอดเรือสำเภาจีนแห่งแรกเต็มไปหมด ซึ่งมีการพบสมอเรือและกงเรือโบราณยืนยันไว้ด้วย
ตามตำนานของศาลเจ้าแห่งนี้กล่าวกันว่าแต่เดิมมีนายทหารจีนล่องเรือมาจากเมืองจีน แล้วเรือเกิดอับปางลงบริเวณหน้าปากน้ำเนื่องจากเดิมเป็นจุดน้ำวน ต่อมาจึงสร้างศาลขึ้นเพื่อให้ชาวเรือที่ผ่านไป-มาได้กราบไหว้ขอพรให้เดินทางปลอดภัย เรื่องน้ำวนนั้นก็เห็นจะสอดคล้องกับพื้นที่ด้วยมีแม่น้ำสองสายไหลมาปะทะกันตรงบางกะจะ ทำให้ปากน้ำแม่เบี้ยนั้นเป็นจุดจอดเรือโดยไม่ต้องนำเรือขึ้นไปถึงหัวแหลมบางกะจะก็น่าจะเกิดขึ้น โดยใช้คลองสวนพลูและคลองอื่นๆ เป็นเส้นทางการถ่ายสินค้าจากเรือสำเภาจีนไปยังชุมชนอื่นๆ ของอโยธยาศรีรามเทพนคร ที่อยู่ด้านบนและยังสามารถต่อไปยังเมืองลพบุรีที่อยู่เหนือขึ้นไปได้ด้วย ซึ่งมีท่าเรือตามคลองอยู่หลายแห่งในตำบลท่าหลวงปัจจุบันด้วยเหตุที่สิ่งก่อสร้างนั้นใช้ไม้เป็นส่วนใหญ่ แม้กระทั่งตัวศาลเจ้าปากน้ำแม่เบี้ย ซึ่งเป็นศูนย์รวมใจของชาวจีนในอดีตก็สร้างด้วยไม้สัก
ภายหลังเมื่อมีการสถาปนากรุงศรีอยุธยาขึ้นชุมชนแห่งนี้ก็ยังคงทำหน้าที่เป็นท่าขึ้นสินค้าและตลาดค้าขายในชุมชนเหมือนเดิมเช่นเดียวกันแต่ไม่ครึกครื้นเหมือนครั้งมีเมืองอโยธยาศรีรามเทพนครแห่งเดียว ด้วยมีตลาดใหญ่แห่งใหม่ของกรุงศรีอยุธยาเกิดขึ้นที่บริเวณป้อมเพชร-ตลาดบางกะจะ และตลาดในพระนครอีกหลายแห่งหลายมุมเมือง ศาลเจ้าปากน้ำแม่เบี้ยในปัจจุบันได้สร้างขึ้นใหม่แต่ใช้รูปเคารพที่มาแต่เดิมครั้งสมัยอโยธยาฯ-ละโว้ปุระ หรือลพบุรี ซึ่งครั้งหนึ่งนั้นเป็นเมืองท่าของละโว้ปุระด้วย ในสมัยอยุธยานั้นมีการส่งเครื่องราชบรรณาการไปถวายจักรพรรดิจีนเป็นประจำทุกสามปี เมื่ออยุธยาส่งไปถวายแล้วก็จะได้เครื่องราชบรรณาการจากจีนกลับมาเป็นมูลค่าสองเท่า ทั้งยังเป็นธุรกิจที่ไม่มีความเสี่ยงด้วยมักมีขุนนางและพ่อค้าเดินทางไปพร้อมกับการนำเครื่องราชบรรณาการไปถวายด้วย ท่าเรือของชาวจีนนี้จึงมีบทบาทอยู่ด้วย ทุกวันนอกจากยังมีท่าที่ทำใหม่แล้วยังมีมุมที่เห็นเรือลากจูงเรือบรรทุกขนาดใหญ่ให้เห็นบรรยากาศการเดินทางค้าขายในอดีต แต่สิ่งที่ขาดหายไปแล้วคือเรื่องราวแต่ครั้งอโยธยากับบ้านเรือนที่ก่อสร้างแต่อดีตกาล และเรือสำเภาจีนนับร้อยที่เคยจอดเต็มปากน้ำแม่เบี้ยแห่งนี้ คงต้องติดตามหาร่องรอยโดยรอบต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี