พระราชพิธีปราบดาภิเษก รัชกาลที่ ๑
เดือนมิถุนายนนี้ มีวันสำคัญของประวัติศาสตร์อันเกี่ยวกับพระราชพิธีปราบดาภิเษกพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ขึ้นเป็นพระปฐมกษัตริย์ครองกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งมีเหตุการณ์ในพงศาวดารว่าในวันที่ ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๓๒๕ นั้น สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ (ทองด้วง) ได้เคลื่อนทัพเข้าจากวัดสะแก ต่อมาคือวัดสระเกศในปัจจุบัน เข้ากรุงธนบุรี เพื่อจัดการบ้านเมืองให้เรียบร้อยหลังจากที่พระยาสุริยอภัย (ทองอิน) ได้นำไพร่พลเข้าปราบการจลาจลในกรุงธนบุรี เมื่อวันที่ ๕เมษายน จนสงบเรียบร้อยแล้ว และสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (ทองด้วง) ทรงรับเป็นพระเจ้าแผ่นดินดูแลไพร่ฟ้าอาณาประชาราษฎร์ตามความเห็นชอบของมุขอำมาตย์มนตรี ไพร่ฟ้าประชาชน ภายหลังรัชกาลที่ ๖ ทรงให้ประกาศว่าวันที่ ๖ เมษายน เป็นวันจักรี ส่วนการจัดการบ้านเมืองเพื่อให้มีชัยภูมิที่เหมาะสม ซึ่งก่อนนั้นได้มีการดำริไว้แต่ครั้งกรุงธนบุรีถึงการขยายเมืองว่าคับแคบและไม่สามารถป้องกันพระนครได้นั้น จึงทำให้ได้เลือกบริเวณพื้นที่การเกษตรหรือแปลงผักของคนในบังคับของพระราชาเศรษฐี ที่อยู่ฝั่งบางกอกตรงข้ามกับกรุงธนบุรีสร้างเป็นพระนครแห่งใหม่ โดยต่อมาวันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกอบพระราชพิธียกเสาหลักเมืองขึ้นตามเพชรฤกษ์มงคล ภายหลังได้ถือให้เป็นวันตั้งกรุงเทพมหานคร
จิตรกรรมเสด็จเลียบพระนคร
ดังนั้น การประกอบพระราชพิธีปราบดาภิเษกเพื่อให้เป็นไปตามราชประเพณีโบราณจึงทำให้มีการฟื้นฟูขนบธรรมเนียมและรูปแบบพระราชวังตามอย่างกรุงศรีอยุธยาหลายประการ โดยเฉพาะการสร้างเครื่องราชูปโภคสำหรับพระมหากษัตริย์ที่ต้องใช้ช่างที่สืบทอดฝีมือแต่กรุงศรีอยุธยาและมีพระที่นั่งองค์สำคัญสำหรับเป็นมณฑลพิธี โดยให้พระยาธรรมาธิกรณ์และพระยาวิจิตรนาวี คุมช่างและไพร่ไปวัดพื้นที่สร้างพระนครนี้ เมื่อสร้างพระที่นั่งอินทราภิเษกองค์แรกเป็นพระที่นั่งเครื่องไม้ และสร้างเครื่องเบญจกกุธภัณฑ์ครบตามราชประเพณีโบราณแล้ว ในวันที่ ๑๐-๑๓ มิถุนายน พ.ศ.๒๓๒๕ พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีปราบดาภิเษกโดยสังเขป ตามโบราณราชประเพณีที่พระมหากษัตริย์ซึ่งเสด็จผ่านพิภพต้อง “ราชาภิเษก” เป็นพระราชาธิบดีโดยสมบูรณ์ตามราชประเพณี ในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑ของเจ้าพระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี(ขำ บุนนาค) ที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงตรวจชำระและทรงนิพนธ์อธิบาย ได้บรรยายการ “ราชาภิเษก” ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชความว่า “...นิมนต์พระราชาคณะสวดพระปริตรพุทธมนต์ครบ ๓ วัน แล้ว รุ่งขึ้น ณ วันพฤหัสบดีเดือนแปด บุรพาษาฒขึ้นสี่ค่ำ เวลารุ่งแล้ว๔ บาท ได้มหามงคลฤกษ์ พระบาทสมเด็จบรมนารถบพิตรพระเจ้าอยู่หัว ก็เสด็จทรงเรือพระที่นั่งบัลลังก์ศรีสักหลาด ประดับด้วยเรือจำนำท้าวพระยา ข้าทูลละอองธุลีพระบาททั้งปวงแห่โดยขบวนพยุหยาตราหน้าหลังพรั่งพร้อม เสด็จข้ามป่าริมคงคามา ณ ฝั่งตะวันออก เสด็จขึ้นฉนวนหน้าพระราชวังใหม่ ทรงพระราชยานตำรวจแห่หน้าหลังเสด็จขึ้นยังพระราชมนเทียรสถานทำการพระราชพิธีปราบดาภิเษก...”
ตั้้งเครื่องราชูปโภควันราชาภิเษก
ดังนั้น วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๓๒๕ จึงเป็นวันพระราชพิธี “บรมราชาภิเษก” ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ซึ่งมีพระชนม์ได้ ๔๖ พรรษานั้นจึงเป็นปฐมราชาภิเษก หรือวันปราบดาภิเษกในรัชกาลที่ ๑ ขึ้นเป็นพระปฐมกษัตริย์ราชวงศ์จักรีโดยสมบูรณ์ตามโบราณราชประเพณี วันที่ ๑๓ มิถุนายนจึงเป็นวันสถาปนาราชวงศ์จักรีและเฉลิมพระอิสริยยศ พระชนกทองดี ขึ้นเป็น “สมเด็จพระชนกาธิบดี” พระปฐมราชวงศ์จักรี และสถาปนาพระบรมวงศ์ชั้นต้นตามลำดับ และเมื่อได้สร้างพระบรมมหาราชวังแล้วเสร็จสมบูรณ์ จึงได้โปรดเกล้าฯให้มีพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษกให้สมบูรณ์อีกครั้งในเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๓๒๘ และยึดถือเป็นแบบอย่างพระราชพิธีฯ มาทุกรัชกาล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี