ขณะที่สหรัฐยังไม่ได้มีการออกคำสั่งบังคับสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะในระดับรัฐบาลกลาง เพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่ที่ผ่านมามีกรณีศึกษาของหลายประเทศตะวันตก ที่แม้จะมีค่านิยมในเรื่องเสรีภาพของประชาชน แต่ได้ตัดสินใจออกคำสั่งบังคับให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย เพื่อความปลอดภัยสาธารณะโดยรวม
เป็นที่รู้กันดีว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขทั่วโลกต่างยืนยันว่า หน้ากากอนามัยเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการต่อสู้กับเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในช่วงแรก หลายประเทศถกกันอย่างจริงจังว่าควรบังคับให้ประชาชนใส่หน้ากากอนามัยหรือไม่ แต่ทุกวันนี้ หน้ากากอนามัยกลายเป็นอุปกรณ์บังคับสวมใส่ไปในหลายที่ไปแล้ว
อย่างที่อังกฤษ ในตอนแรก นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันไม่ยินดีที่จะออกกฎบังคับประชาชนสวมสิ่งปกคลุมหน้า แต่ท้ายที่สุดได้ออกกฎให้สวมหน้ากากอนามัยในระบบขนส่งสาธารณะเมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และตามมาด้วยการออกกฎสั่งปรับประชาชน 100 ปอนด์ สำหรับผู้ไม่สวมหน้ากากอนามัยเมื่อไปร้านค้าต่างๆ คาดว่าอาจเป็นเพราะตัวเขาเอง รู้ซึ้งถึงความรุนแรงของเจ้าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ว่าคือ“ของจริง” เพราะถึงกับทำให้เขาป่วยเป็นไวรัสโควิด-19 และอาการหนักต้องนอนห้องไอซียูหลายวัน จนเจ้าตัวยอมรับว่าเกือบตายไปแล้ว
ส่วนฝรั่งเศสได้ออกกฎบังคับสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะปิดทั้งหมด รวมไปถึงโรงภาพยนตร์ พิพิธภัณฑ์ ร้านค้าห้างสรรพสินค้า และธนาคาร โดยมีโทษปรับ 135 ยูโร สำหรับผู้ที่ฝ่าฝืน และยังบังคับให้ชาวปารีสสวมหน้ากากอนามัยในรถไฟใต้ดินด้วย
ส่วนประเทศอื่นๆ ในยุโรป ได้มีการออกกฎบังคับไปก่อนหน้านี้แล้ว เช่น สาธารณรัฐเช็ก ที่ให้ประชาชนทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกนอกบ้านตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา ขณะที่เยอรมนีให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยตั้งแต่เดือนเมษายนและมีโทษปรับสำหรับผู้ที่ไม่ทำตาม ขณะที่ในเดือนพฤษภาคม สเปนออกกฎให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยทั้งในที่สาธารณะแบบปิดและกลางแจ้ง รวมไปถึงสกอตแลนด์ อิตาลี กรีซ ได้ให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยเมื่อไปร้านค้าต่างๆ
ส่วนในเอเชีย การสวมหน้ากากอนามัยสำหรับประเทศในย่านนี้ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่เท่าไหร่นัก เพราะผู้คนแถบนี้คุ้นเคยกับการสวมหน้ากากอนามัยอยู่แล้ว เป็นผลมาจากสถานการณ์ระบาดของโรคซาร์ส ในปี 2003 ทำให้ผู้เชี่ยวชาญต่างเรียกร้องให้ประชาคมโลกในพื้นทื่อื่นๆ ตระหนักอย่างเรื่องการแพร่เชื้อผ่านละอองอย่างจริงจังมากกว่านี้ และยกตัวอย่างว่า ประเทศในเอเชียที่มีวัฒนธรรมการสวมหน้ากากอนามัย เช่น ไต้หวัน ฮ่องกง และสิงคโปร์ นั้นพบการระบาดน้อยกว่าภูมิภาคอื่นมาก
นอกจากนี้ ยังพบว่ารัฐบาลฮ่องกงได้สั่งให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยทันทีในช่วงแรกของการระบาดด้วย ขณะที่ดร.เพดมินี เมอร์ฟีย์ ผู้เชี่ยวชาญจาก New York Medical Collegeยกตัวอย่างประเทศไทย เกาหลีใต้ และฮ่องกง ว่าเป็นแบบอย่างของการสวมหน้ากากอนามัยในทันที รักษาระยะห่างทางสังคม และตามรอยผู้ติดเชื้อ นับตั้งแต่ช่วงแรกของการระบาด ทำให้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ โดยมีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่า 6 รายต่อประชากร 1 ล้านคน
เมื่อกลับมามองที่สหรัฐ จนถึงปัจจุบันนี้ ยังไม่มีการประกาศคำสั่งบังคับสวมหน้ากากอนามัยจากรัฐบาลกลาง และก่อนหน้านี้ผู้นำประเทศยังคัดค้านเรื่องการ
สวมหน้ากากอนามัยด้วย ในขณะที่ตอนนี้มีอย่างน้อย 39 รัฐ ได้ออกคำสั่งให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะแล้วแต่ต้องเผชิญการประท้วงจากกลุ่มคนที่ต่อต้านหน้ากากอนามัยในหลายพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีหลายรัฐ เช่น ฟลอริดา และแอริโซนา ที่ไม่ออกคำสั่งนี้ และยังมีกรณีผู้ว่าการรัฐจอร์เจีย ยื่นฟ้องนายกเทศมนตรีเมืองแอตแลนตา ที่ออกคำสั่งบังคับประชาชนเรื่องหน้ากากอนามัยด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี