สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดนิทรรศการ “ศิลปกรรมช้างเผือก ครั้งที่ 9” โดยมี ฐาปน สิริวัฒนภักดี กก.ผอ.ใหญ่ บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ, นิติกร กรัยวิเชียร ผอ.โครงการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม และคณะผู้จัดงาน เฝ้าฯรับเสด็จ

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดนิทรรศการและพระราชทานรางวัลในงาน “ศิลปกรรม
ช้างเผือก ครั้งที่ 9” ภายใต้หัวข้อ “สยามเมืองยิ้ม” โดย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยมี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, ฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน), นิติกร กรัยวิเชียร ผู้อำนวยการโครงการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และคณะผู้จัดงาน เฝ้าฯ รับเสด็จ ณ ชั้น 7 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เมื่อวันอังคารที่ 8 กันยายน 2563

นิทรรศการ “ศิลปกรรมช้างเผือก ครั้งที่ 9” เป็นเวทีที่ให้เหล่าศิลปิน และผู้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะได้แสดงออกถึงช่วงเวลาแห่งการเริ่มต้นศักราชใหม่อันรุ่งโรจน์ รื่นเริง สะท้อนถึงบรรยากาศของความสุข ความหวังความปรารถนาอันดีที่ผู้คนพึงมีต่อกัน มีผลงานที่ได้รับ รางวัลช้างเผือก ได้แก่ “เสน่ห์ศิลป์แผ่นดินสยาม” โดย ธมลวรรณ แสงนาค,รางวัลชนะเลิศ “สุขสัมพันธ์ สามัญวิธี” โดย นิลยา บรรดาศักดิ์, รางวัล CEO AWARD“ผมทรงกะลาครอบ” โดย มานนท์ สุธรรม, รางวัลรองชนะเลิศ 5 รางวัล ประกอบด้วย คเณศ แสนศรีลา, จรัญ บุญประเดิม, บุญนำ สาสุด,พฤกษ์ โตหมื่นไวย, เรืองฤทธิ์ สร่องศรี และรางวัลชมเชยอีก 13 รางวัล

ฐาปน สิริวัฒนภักดี กก.ผอ.ใหญ่ บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ ทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตรงาน

นิติกร กรัยวิเชียร ผู้อำนวยการโครงการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การประกวดในครั้งนี้เกิดจากความตั้งใจอันดีของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเฟ้นหาศิลปินไทยรุ่นใหม่ที่มีทักษะความสามารถทางศิลปะอันโดดเด่นในการสร้างสรรค์ศิลปะแบบเหมือนจริง (Realistic)และศิลปะรูปลักษณ์ (Figurative Art) ยึดถือความเหมือนจริงเป็นแก่นสำคัญเพื่อให้ผลงานศิลปะเหล่านี้ เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่สำคัญในการเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจด้านศิลปะร่วมสมัยให้ขยายไปสู่การรับรู้ของสังคมในวงกว้าง ศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะได้แสดงฝีมือและความคิดสร้างสรรค์โดยตีความจากโจทย์ที่กำหนดให้ ซึ่งศิลปินที่เข้าร่วมประกวดแต่ละคน ต่างสร้างสรรค์ผลงานที่น่าสนใจในรูปแบบและแนวทางที่แตกต่างได้อย่างน่าประทับใจและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี”

ธมลวรรณ แสงนาค ผู้ชนะรางวัลช้างเผือกเผยถึงแรงบันดาลใจผลงานนี้ว่า “ใช้เทคนิคภาพพิมพ์ตะแกรงไหมและวัสดุผสมที่งดงามมลังเมลืองด้วยทิวทัศน์วัดวังอร่ามเรือง บ่งบอกถึงวัฒนธรรมประเพณีและวิถีชีวิตความเป็นอยู่แบบไทยอันสงบสุข งดงาม สอดรับกับหัวข้อสยามเมืองยิ้ม และสื่อถึงความเจริญรุ่งเรืองของศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิตชาวสยาม ผ่านรูปแบบอัตลักษณ์ ลวดลายผ้าที่แฝงไปด้วยความประณีตงดงาม ใช้เวลาผลิตชิ้นงาน 3 เดือน ภูมิใจมากๆ ที่ผลงานได้รับรางวัลช้างเผือก ต้องขอบคุณโครงการศิลปกรรมช้างเผือกที่เปิดโอกาสให้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะได้แสดงฝีมือในการผลิตชิ้นงานได้อย่างเต็มที่ค่ะ”

ภาพวาดฝีพระหัตถ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

นิลยา บรรดาศักดิ์ ผู้ชนะรางวัลชนะเลิศเผยว่า “เพราะแรงบันดาลใจของผลงานมาจากครอบครัว เรามีกิจกรรมร่วมกันในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา ภาพทั้งหมดเป็นภาพของเครือญาติ เป็นบรรยากาศที่อบอุ่นและมีความสุขเป็นวิถีชีวิตของชนบทไทย การร่วมแรงร่วมใจผ่านวิถีชีวิตอันเรียบง่าย ผ่านกิจกรรมสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ สะท้อนภาพความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น สอดประสานกลมเกลียวกันได้อย่างสวยงาม ใช้เทคนิค เย็บ ปัก ถัก ร้อย และเวลาการผลิต 2 เดือน นำเรื่องราวความประทับใจในกิจกรรมการลงแขกเกี่ยวข้าวของสังคมชนบทอีสานมาเป็นแรงบันดาลใจซึ่งเป็นเอกลักษณ์วิถี ภายใต้การใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ปรับประยุกต์วิถีชีวิตให้เข้ากับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างกลมกลืน โดยยึดตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง รัชกาลที่ 9ที่ตรัสถึง “ความพอเพียงสร้างได้ก็ต่อเมื่อคนในชุมชนช่วยเหลือเกื้อกูลกัน” เป็นประโยคที่จุดประกายความคิดให้ข้าพเจ้าเล็งเห็นถึงการมีส่วนร่วมจากส่วนรวม สร้างสรรค์และสานสัมพันธ์ชุมชนไทยให้ยั่งยืนสืบไป”

มานนท์ สุธรรม ผู้ชนะรางวัล CEO AWARD เผยว่า “ร้านตัดผมมักจะสะท้อนวิถีชีวิตและบ่งบอกถึงเรื่องราวความเป็นมาของสังคมไทยได้เป็นอย่างดี ผมทรงกะลาครอบ อาจจะดูเชยและน่าขบขัน แต่ก็มีเสน่ห์ มีประวัติศาสตร์ร่วมซึ่งทุกคนเคยผ่านหรือสัมผัสครั้งเมื่อวัยเด็ก ผมและเพื่อนๆ มักจะโดนล้อกับผมทรงนี้ คิดว่าใครที่ชมภาพนี้คงจะต้องยิ้มตามไปด้วย สอดคล้องกับหัวข้อ สยามเมืองยิ้ม ภาคภูมิใจที่หลายๆ คนต่างชอบ ในส่วนเทคนิคการผลิตใช้สีน้ำมันวาดลงบนผ้าลินิน ผลิตชิ้นงานนี้เป็นระยะเวลา 2 เดือน ดีใจมากๆ ที่ได้รับรางวัลนี้ซึ่งเป็นเกียรติอันสูงสุดครับ”

ธมลวรรณ แสงนาค รางวัลช้างเผือก “เสน่ห์ศิลป์แผ่นดินสยาม”

ข้าพเจ้านำเรื่องราวความประทับใจในกิจกรรมการลงแขกเกี่ยวข้าวของสังคมชนบทอีสานของตนเอง มาเป็นแรงบันดาลใจ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์วิถี สร้างสรรค์ผลงานศิลปะร่วมสมัยผ่านเทคนิคกระบวนการเย็บปักเส้นด้าย ร้องเรียงเรื่องราวความรัก ความสัมพันธ์ ผสานพลังความสามัคคี ก่อเกิดความสุขของการร่วมแรงร่วมใจช่วยเหลือ ซึ่งกันและกัน ภายใต้การใช้ชีวิตที่เรียบง่าย สามารถปรับประยุกต์วิถีชีวิตให้เข้ากับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างกลมกลืน โดยยึดตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง รัชกาลที่ 9 ที่ตรัสถึง “ความพอเพียงสร้างได้ก็ต่อเมื่อคนในชุมชนช่วยเหลือเกื้อกูลกัน” เป็นประโยคที่จุดประกายความคิดให้ข้าพเจ้าเล็งเห็นถึงการมีส่วนร่วมจากส่วนรวม เพื่อสร้างสรรค์และสานสัมพันธ์ชุมชนไทยให้ยั่งยืนสืบไปสำหรับหัวข้อการประกวดศิลปกรรมช้างเผือก ครั้งที่ 10 ประจำปี 2564 หัวข้อ “ในฝัน” สื่อความหมายถึง แนวความคิดเกี่ยวกับ ความฝัน จินตนาการ ความใฝ่ฝันอันดีงามทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคม ศีลธรรม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในแต่ละพื้นถิ่น เปิดโอกาสให้ศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานสามารถตีความ “ความฝัน” ทั้งในแง่มุมที่เป็นนามธรรมและรูปธรรม ส่งผลงานจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์และสื่อผสม โดยไม่จำกัดเทคนิคและวัสดุเปิดรับผลงานระหว่างวันที่ 29-30 มกราคม 2564 ติดตามรายละเอียดได้ทาง เฟซบุ๊ค : ศิลปกรรมช้างเผือก, www.thaibev.com และ www.bacc.or.th