หากสมองคนเราขาดออกซิเจนเกินกว่า 4 นาที เราจะสูญเสียเซลล์สมองบางส่วนไปถาวร การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานหรือการทำ CPR เป็นหนึ่งในวิธีการที่จะยื้อชีวิตของผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจหยุดเต้นกะทันหันได้ การเรียนรู้วิธีการทำ CPR อย่างถูกต้องจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคน และในสถานการณ์การแพร่ระบาดCOVID-19 วิธีการ CPR New Normal จำเป็นอย่างยิ่ง
หมอริท-นายแพทย์เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช หรือ ริท เดอะสตาร์ เผยวิธีการ CPR แบบ New Normal แบบง่ายๆ ว่า ทุกคนทุกเพศ ทุกวัย มีโอกาสเป็นโรคหัวใจโดยที่เราไม่รู้ตัว แต่หากทุกคนรู้วิธีในการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานก็จะเป็นสิ่งที่ดี เพราะหากเราต้องอยู่ในสถานการณ์พบผู้ที่หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน ก็จะมีโอกาสได้ช่วยชีวิตผู้อื่น หรือผู้ที่หัวใจหยุดเต้นกะทันหันอาจจะเป็นคนสำคัญของตัวเรา ซึ่งการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน หรือ CPR แบบ New Normal นั้นมีวิธีง่ายๆ 7 ขั้นตอน ด้วยกัน ประกอบด้วย เรียกผู้ป่วยเพื่อประเมินอาการเบื้องต้นว่าหมดสติจริงหรือไม่ หรือเพียงแค่เป็นลม แต่ก่อนที่จะช่วยผู้อื่นนั้น ผู้ช่วยก็ต้องป้องกันตนเองด้วยการสวมหน้ากากอนามัย หรือหากมีถุงมือก็สามารถสวมใส่ได้ แต่หากไม่มีให้ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์หลังการทำ CPR และหากสงสัยว่าผู้ป่วยอาจมีเชื้อ COVID-19 ก็ให้สวมหน้ากากอนามัยให้กับผู้ป่วย หรือหาผ้าคลุมเพื่อป้องกันไม่ให้สารคัดหลั่งกระจาย
หลังจากนั้นให้ประเมินสถานที่ว่าปลอดภัยหรือไม่ เช่น ผู้ป่วยอยู่ข้างถนน ต้องนำผู้ป่วยเข้ามาในที่ปลอดภัย เมื่อมั่นใจว่าปลอดภัยแล้ว ให้ตบไหล่ของผู้หมดสติแรงๆหรือเรียกดังๆ เพื่อดูว่ามีการตอบสนองหรือไม่ และโทร.หาสายด่วน 1669 เพื่อเรียกรถพยาบาลฉุกเฉิน โดยให้บอกรายละเอียดผู้ป่วย จำนวนผู้ป่วย สถานที่เกิดเหตุ เบอร์ติดต่อกลับ หรือเปิดลำโพงเพื่อทำตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่
หลังจากนั้นจัดท่าผู้หมดสติให้พร้อมสำหรับการทำ CPR โดยจัดให้ผู้หมดสตินอนหงายบนพื้นราบและเป็นพื้นแข็งจัดแขนให้อยู่ข้างลำตัว ไม่บิดไปมา ซึ่งในยุค New Normal นี้ จะทำการช่วยโดยการกดหน้าอกเท่านั้น ไม่เป่าปาก เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสสารคัดหลั่ง สำหรับผู้ที่เพิ่งหมดสติ ให้เราช่วยเปิดทางเดินหายใจ โดยการกดหน้าผากผู้หมดสติเบาๆ และดันคางขึ้น หลังจากนั้นหาตำแหน่งเพื่อวางบนหน้าอก วางส้นมือข้างหนึ่งไว้ที่ครึ่งล่างของกระดูกหน้าอก และนำมืออีกข้างวางไปบนมือแรก และทำการกดหน้าอกทันที โดยกดหน้าอกให้ยุบลง 2 นิ้ว โดยการกดและปล่อย และทำการกดหน้าอกต่อเนื่อง 200 ครั้ง ประมาณ 2 นาที พร้อมประเมินอาการของผู้ป่วยด้วยการตบไหล่และเรียกเสียงดังๆ
ถ้าหากไม่มีผู้อื่นช่วย ให้เราสามารถพักได้ไม่เกิน 10 วินาที จากนั้นให้ทำการกดหน้าอกต่อ จนกว่าผู้หมดสติจะมีการเคลื่อนไหว หรือจนกว่าจะมีผู้นำเครื่อง AED หรือเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ ซึ่งเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะช่วยคืนฟื้นชีพ โดยการช่วยเหลือควรทำให้เร็วที่สุด จะช่วยเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตของผู้ป่วยฉุกเฉินได้มากขึ้น
ทางด้าน พลเอก นายแพทย์ประสาท เหล่าถาวร ประธานโครงการฝึกอบรมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน มูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า การ CPR มีความสำคัญมาก จะเห็นได้ว่าการเสียชีวิตส่วนใหญ่มักเกิดกับคนที่เรารู้จัก ซึ่งเกิดขึ้นที่บ้าน ที่ทำงาน ถ้าหากไม่มีการทำ CPR โอกาสที่จะรอดชีวิตเท่ากับศูนย์ ถ้าเราได้เรียนรู้การทำ CPR แล้วเจอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนรอบข้าง เช่น ญาติ พี่น้อง เพื่อน โอกาสในการช่วยชีวิตก็จะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว และการทำ CPR ในช่วงนี้ที่ยังมีการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ซึ่งมีการเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน การช่วยผู้อื่น ตัวเราก็ต้องปลอดภัยด้วย เน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่ง ต้องป้องกันตนเอง และไม่ทำการเป่าปาก ใช้การกดหน้าอกเพียงอย่างเดียว ชีวิตคนไม่สามารถประเมินค่าได้ เพราะฉะนั้นจึงอยากให้ทุกคนให้ความสนใจที่จะเรียนรู้ให้สามารถปฏิบัติได้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินได้ เพราะหัวใจคือชีวิตซึ่งมูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้จัดทำคลิปวีดีโอในการสอน
CPR ในยุค New Normal ซึ่งสอนโดย หมอริท ผู้ที่สนใจสามารถเรียนรู้ไปพร้อมกันได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=DZVc4IMW-d0&feature=emb_title และต้องขอขอบคุณภาคเอกชน อาทิ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กลุ่มเซ็นทรัลกรุ๊ป ที่ได้ร่วมสนับสนุนการเผยแพร่ความรู้การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานมาอย่างต่อเนื่อง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี