หลังเลือกตั้งผ่านพ้นไป ทีมงานจัดการเลือกตั้งหายเหนื่อยกันไปหมดแล้วแต่ที่ยังต้องเหนื่อยกันต่ออีกหลายยก น่าจะเป็นทีมกฎหมายของทั้งฝ่ายโจ ไบเดนว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ และของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่ง ที่ฝ่ายหลังเดินหน้ายื่นฟ้องศาลหวังให้เปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้งในหลายรัฐ ขณะที่ฝ่ายแรกต้องจับมืออัยการในพื้นที่ ฟ้องศาลให้ปฏิเสธคำร้องของทรัมป์
ล่าสุด รัฐจอร์เจีย มิชิแกน เพนซิลเวเนีย และวิสคอนซิน ได้เรียกร้องศาลสูงสุดของสหรัฐ ให้ไม่รับคำร้องของรัฐเท็กซัสที่ขอให้ศาลสูงสุดห้ามคณะผู้เลือกตั้งจากทั้ง 4 รัฐดังกล่าว เข้าร่วมโหวตให้นายไบเดนเป็นประธานาธิบดี โดยอัยการเคน แพกซ์ตัน ของรัฐเท็กซัส เป็นผู้ยื่นฟ้องต่อศาลสูงสุดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ยื่นคำร้องขอร่วมฟ้องในวันพุธ และยังมีอัยการและชาวรีพับบลิกันอีก 17 รัฐหนุนหลังคำฟ้องของรัฐเท็กซัส
หากศาลรับคำฟ้องของนายแพกซ์ตันศาลก็จะต้องสั่งระงับการรับรองคณะผู้เลือกตั้งของทั้ง 4 รัฐ ด้วยเหตุผลรองรับว่า ทั้ง 4 รัฐมีคะแนนเลือกตั้งที่ผิดกฎหมายจำนวนมาก จึงจะต้องมีการนับคะแนนใหม่ และส่งตัวเลขมาใหม่ หรือศาลอาจตัดสินตามที่ทรัมป์แนะนำ คือการโยนกลับไปให้สภานิติบัญญัติของทั้งสี่รัฐเป็นผู้ตัดสินว่าใครชนะ หรือยกให้สภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ตัดสิน โดยแต่ละรัฐจะมีตัวแทนเพียงหนึ่งเสียงซึ่งจำนวนตัวแทนของพรรครีพับบลิกันมากกว่า จึงจะทำให้ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตาม ภาพจำลองทั้งหมดนี้ อาจเกิดขึ้นได้ยาก เพราะศาลสูงสุดแสดงเจตจำนงมาตลอดเวลาว่าไม่ต้องการแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดี อีกทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมายังเพิ่งปฏิเสธคำร้องของ สส.รีพับบลิกันจากรัฐเพนซิลเวเนีย หนึ่งในรัฐสมรภูมิสำคัญ ที่ขอให้ศาลสั่งให้ผลคะแนนของรัฐเป็นโมฆะ โดยศาลออกคำปฏิเสธเพียงประโยคเดียว และย้ำว่า ไม่มีผู้เห็นค้านในคณะตุลาการเลยแม้แต่เสียงเดียว
การปฏิเสธของศาลสูงสุดของสหรัฐครั้งนี้ ถือเป็นข่าวร้ายครั้งสำคัญของทรัมป์ และพันธมิตร ที่พยายามเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้ง จุดที่น่าสนใจคือ ศาลสูงสุดของสหรัฐ มีผู้พิพากษาสายอนุรักษ์นิยมถึง 6 คน ในจำนวนนั้น3 คน ได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดีทรัมป์ด้วย โดยเฉพาะคนล่าสุด นางเอมีโคนีย์ บาร์เร็ตต์ ที่ได้รับการแต่งตั้งไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางการคาดการณ์ว่า ทรัมป์และพรรครีพับลิกันเร่งผลักดันการแต่งตั้งเธอ เพื่อเข้ามาช่วยลงคะแนนให้ กรณีมีการนำเรื่องการเลือกตั้งไปสู่การพิจารณาของศาลสูงสุด
คำร้องต่อศาลสูงสุดของประเทศนั้นมีขึ้น หลังผู้ว่าการรัฐเพนซิลเวเนียรับรองผลการเลือกตั้งให้ไบเดนชนะการเลือกตั้ง แต่บรรดาสส.รีพับลิกัน ต้องการระงับการรับรองดังกล่าว จึงไปยื่นฟ้องต่อศาลของรัฐ โดยต่อสู้ว่า สภาฯของรัฐทำเกินอำนาจหน้าที่จากการรับบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์ทั้งหมด แต่ศาลสูงของรัฐปฏิเสธคำร้อง โดยแจงว่าพรรครีพับบลิกันยื่นฟ้องช้าเกินไป ศาลไม่สามารถสั่งให้การไปใช้สิทธิของประชากร6.9 ล้านคน เป็นโมฆะทั้งหมดท้ายที่สุด หลังจากนั้น พวกเขาจึงไปยื่นคำร้องนี้ต่อศาลสูงสุดสหรัฐ ในกรุงวอชิงตันแทน
ในช่วง 5 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์และพันธมิตรพ่ายแพ้ในการยื่นฟ้องต่อศาลกรณีการโกงการเลือกตั้งราว 50 กรณีแล้ว เพราะผู้พิพากษาในอย่างน้อย 8 รัฐ ต่างไม่รับฟ้องข้อกล่าวหาที่ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ของฝั่งรีพับบลิกัน การต่อสู้ทางกฎหมายของทรัมป์จึงยังไม่เข้าใกล้จุดที่จะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้งได้แม้แต่รัฐเดียว ในขณะที่เขาต้องชนะอย่างน้อย 3 รัฐสมรภูมิเพื่อที่จะชนะการเลือกตั้งครั้งนี้
ความพยายามของนายทรัมป์และพันธมิตรที่กล่าวหาโดยไม่มีหลักฐานทำให้ผู้พิพากษาในหลายรัฐเริ่มแสดงความไม่พอใจแล้ว เช่น เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายสเตฟานอส บิบาส ผู้พิพาษาศาลอุทธรณ์รัฐบาลกลาง ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากทรัมป์ กล่าวว่า การเลือกตั้งที่อิสระและเป็นธรรมคือเส้นเลือดของประชาธิปไตยของสหรัฐ ข้อกล่าวหาเรื่องความไม่เป็นธรรมนั้นเป็นเรื่องร้ายแรง แต่การกล่าวหานั้นต้องมีข้อกล่าวหาเฉพาะเจาะจงและต้องมีหลักฐาน ซึ่งไม่ปรากฏว่ามี และเขายังระบุว่าด้วยว่า ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง คือคนเลือกประธานาธิบดี ไม่ใช่ทนายความ บัตรเลือกตั้งคือสิ่งที่ตัดสินการเลือกตั้ง ไม่ใช่สำนวนแก้ฟ้องต่อศาล
เป็นคำกล่าวที่คมคาย สะท้อนความเป็นอิสระของฝ่ายตุลาการจากการเมืองสหรัฐได้อย่างชัดเจน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี