วันส่งท้ายปีเก่าขึ้นปีใหม่ทุกปี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ของกรมศิลปากร อัญเชิญพระพุทธรูปสำคัญออกมาจนเป็นประเพณีประจำปีพ.ศ.๒๕๖๔ นี้ได้อัญเชิญพระพุทธปฏิมาโบราณ ๑๐ องค์ โดยมีพระพุทธสิหิงค์เป็นประธาน และคัดสรรพระพุทธรูปอีก ๙ องค์ ที่มีความสำคัญกับสมเด็จพระบวรราชเจ้ากรมพระราชวังบวรสถานมงคล สมัยกรุงรัตนโกสินทร์มาให้ประชาชนได้สักการบูชาในวันขึ้นปีใหม่ ตั้งแต่วันจันทร์ที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๓ ถึงวันอาทิตย์ที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๔ ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ สำหรับทศพระพุทธปฏิมาวังหน้าปีนี้ มี
๑.พระพุทธสิหิงค์ ศิลปะสุโขทัย-ล้านนา ปลายพุทธศตวรรษที่ ๒๐-๒๑ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท (วังหน้ารัชกาลที่ ๑) ทรงโปรดฯอัญเชิญจากเมืองเชียงใหม่เมื่อพ.ศ.๒๓๓๘ มาประดิษฐานในพระที่นั่งพุทไธสวรรย์เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำวังหน้า
พระพุทธรูปแก้วมารวิชัย
๒.พระพุทธรูปฉันสมอ ศิลปะรัตนโกสินทร์พุทธศตวรรษที่ ๒๔ เป็นพระฉันสมอนั่งขัดสมาธิเพชรครองจีวรแบบพุทธศิลป์จีนในพระวินัยปิฎกและพระสุตตันตปิฎกว่าผลสมอและมะขามป้อมที่พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้เป็นเครื่องยาสำหรับพระภิกษุอาพาธ จึงบูชาให้ปราศจากโรค
ภัยไข้เจ็บ
๓.พระพุทธรูปศิลาขาวมารวิชัย ศิลปะรัตนโกสินทร์ พุทธศตวรรษที่ ๒๔ เป็นพระประทับนั่งขัดสมาธิเพชรที่พระชานุ (เข่า) ตกลงมาต่ำกว่าระดับพระเพลา (หน้าตัก) มากและกลีบบัวหงายที่สลักติดกับฐานพระพุทธรูปก็มีลักษณะคล้ายกับกลีบบัว พบที่ฐานพระพุทธรูปสมัยราชวงศ์คองบองของพม่า
๔.พระพุทธสิหิงค์จำลอง ศิลปะรัตนโกสินทร์อายุสมัย ปลายพุทธศตวรรษที่ ๒๔-ต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๕ พระโพธิรังสีพระภิกษุชาวเชียงใหม่กล่าวถึงพระเจ้ามหาพรหมสร้างขึ้นแทนพระพุทธสิหิงค์ที่ไปประดิษฐานที่เมืองเชียงราย จึงโปรดให้จำลองพระพุทธสิหิงค์ด้วยทองคำขนาดเท่ากับองค์เดิมและประดิษฐานในวิหารเดียวกับพระพุทธสิหิงค์องค์จริง
พระพุทธรูปฉันสมอ
๕.พระพุทธรูปมารวิชัย (พระขนมต้ม) ศิลปะอยุธยา พุทธศตวรรษที่ ๒๑-๒๒ เป็นพระพุทธรูปสกุลช่างนครศรีธรรมราช ที่รับอิทธิพลจากพระพุทธสิหิงค์ล้านนามีพระวรกายอวบอ้วน พระอุระนูน บั้นพระองค์เล็กครองจีวรห่มเฉียง ชายจีวรสั้นเหนือพระถันปลายแยกออกเป็นเขี้ยวตะขาบ ๖.พระพุทธรูปทรงเครื่องสมาธิศิลปะอยุธยา พุทธศตวรรษที่ ๒๑-๒๒ เป็นพระทรงเครื่องอาภรณ์อย่างกษัตริย์ สร้างตามพระพุทธเจ้าเนรมิตพระองค์เป็นพระมหาจักรพรรดิแสดงธรรมโปรดท้าวมหาชมพูลดทิฐิมานะและสร้างเป็นพระอนาคตพุทธเจ้าที่จะตรัสรู้ ๗.พระพุทธรูปทรงเครื่องประทานอภัยศิลปะอยุธยาพุทธศตวรรษที่ ๒๑-๒๒ ยกพระหัตถ์ขวา พระหัตถ์ซ้ายทอดลงข้างพระวรกายตามคติอินเดียในท่านี้ “อภยมุทรา” หรือ “ปางประทานอภัย” สื่อถึง “ความไม่มีภัยทั้งปวง” หรือ “ไม่หวั่นเกรงภัยใดๆ” มีความหมายปกป้องอันตรายไปพร้อมกันด้วย นอกนั้นเป็นพระพุทธรูปศิลปะรัตนโกสินทร์ พุทธศตวรรษที่ ๒๔ ซึ่งขุดพบจากกรุในพระอุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาส เมื่อเมษายน พ.ศ.๒๕๐๗ คือ ๘.พระพุทธรูปแก้วมารวิชัยพระพุทธรูปปางมารวิชัยแก้วสีเขียวฟ้า ที่ใช้แก้วที่หลอมจากทรายขาวมาหล่อแทนหินสีหายาก ๙.พระพุทธรูปห้ามแก่นจันทน์ พระแก่นจันทน์นี้สร้างเมื่อครั้งพระพุทธองค์เสด็จลงมาจากดาวดึงส์และด้วยพระพุทธานุภาพบันดาลให้พระพุทธรูปแก่นจันทน์แดงที่พระเจ้าปเสนทิโกศลสร้างแทนพระองค์นั้น เลื่อนหลีกจากพุทธอาสน์ พระพุทธเจ้าจึงทรงยกฝ่าพระหัตถ์ซ้ายขึ้นห้ามไว้ จึงถือเป็นต้นแบบการสร้างพระพุทธรูปกันต่อมาโดยพุทธานุญาตและถือเหมือนพระพุทธองค์มาแต่ครั้งพุทธกาล ๑๐.พระพุทธรูปป่าเลไลย์ ศิลปะรัตนโกสินทร์ พุทธศตวรรษที่ ๒๔ ที่สร้างขึ้นตามพระพุทธประวัติที่กล่าวถึงอุเบกขาบารมี คราวภิกษุเมืองโกสัมพีเกิดแตกความสามัคคีกัน แม้พระพุทธองค์จะห้ามปรามอย่างไรก็ไม่เชื่อฟังจึงทรงเสด็จจาริกไปอยู่ตามลำพังพระองค์เดียวในป่าชื่อว่าปาลิไลยโดยมีช้างปาลิไลยกะถวายตนเป็นอุปัฏฐาก และพญาวานรมีกุศลจิตนำรวงผึ้งติดกิ่งไม้มาถวายพระพุทธองค์พระหัตถ์ซ้ายจึงวางหงายบนพระเพลาเป็นกิริยาทรงรับ ดังนั้นพระพุทธปฏิมาสมัยโบราณนี้จึงสร้างขึ้นเพื่อแสดงปฏิปทาแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อการบูชานั้นจะอำนวยความสุขสวัสดิ์พิพัฒน์มงคลสืบไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี