พระราชวังบวรสถานมงคล-วังหน้า
วันที่ ๗ มกราคม ที่ผ่านมา เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ในรัชกาลที่ ๔ ซึ่งกรมศิลปากรและราชสกุลสายวังหน้าได้ร่วมกันจัดพิธีน้อมรำลึกถึงวันสำคัญดังกล่าว ณ พระบวรราชานุสาวรีย์ของพระองค์ณ หน้าโรงละครแห่งชาติ หลายคนอาจจะลืมไปว่าในรัชกาลที่ ๔ นั้น ประเทศสยามมีพระเจ้าแผ่นดินสองพระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ และพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นสมเด็จพระอนุชาธิราช ผู้ร่วมเป็นพระราชโอรสในรัชกาลที่ ๒ และมีพระราชมารดาคือสมเด็จเจ้าฟ้าบุญรอด นับเป็นเจ้าฟ้าพระองค์แรกในแผ่นดินรัตนโกสินทร์ นานาประเทศนั้นรู้จักพระองค์เป็นอย่างดีและเรียกพระองค์ว่า พระเจ้าแผ่นดินองค์ที่สอง ด้วยเหตุที่พระเจ้าแผ่นดินองค์ที่สองทรงมีพระราชหฤทัยใฝ่รู้วิชาการด้านจักรกลมาก และทรงโปรดการทหาร จึงทำให้พระองค์ทรงสนพระราชหฤทัยเกี่ยวกับอาวุธยุทธภัณฑ์เป็นพิเศษ จากพระบรมฉายาลักษณ์นั้น พระองค์จะทรงฉลองพระองค์เครื่องแบบทหารเรือเป็นประจำ แต่ไม่มีการบันทึกพระราชประวัติของพระองค์ในส่วนกิจการทหารมากนัก นอกจากตำราปืนใหญ่ การตั้งพระบวรราชวังสีทา ที่มีการสร้างป้อมรวมพล ซึ่งกรมศิลปากรได้สำรวจและขุดแต่งในภายหลังด้วยเหตุที่พระองค์เองไม่โปรดการบันทึก จึงไม่มีพระราชหัตถเลขา หรือมีใครใส่ใจมากนัก ทั้งที่พระองค์ได้ทรงริเริ่มกิจการทหารที่ล้ำหน้ากว่าประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะการทหารเรือของสยามที่มีการเปลี่ยนจากสมัยโบราณเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ซึ่งมีผู้เป็นกำลังสำคัญ ในกิจการด้านทหารเรือในสมัยนั้น คือ เจ้าฟ้าจุฑามณี กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ต่อมาเป็นพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้บัญชาการทหารเรือวังหน้าในรัชกาลที่ ๔ และหลวงนายสิทธิ หรือ จมื่นไวยวรนาถต่อมาเป็น เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค)เป็นผู้บัญชาการทหารเรือ วังหลวงในรัชกาลที่ ๔ซึ่งทั้งสองนี้เป็นผู้มีความรู้ในวิชาการต่อเรือแบบใหม่ในสมัยนั้นเป็นอย่างดี และมีหน้าที่บัญชาการทหารเรือในสมัยนั้น ในยามปกติทหารเรือทั้งสองฝ่ายนี้ไม่ขึ้นแก่กัน โดยขึ้นตรงต่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔
เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์
พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงฝึกฝนทหารของพระองค์ จนมีความรู้และความสามารถในการสู้รบแล้ว พระองค์ทรงมุ่งพระราชหฤทัยในเรื่องการค้าขายให้มีกำไรสู่แผ่นดินด้วย จึงมีการศึกษาถอดแบบเรือจากต่างประเทศมาสร้างเรือเดินทะเลเพื่อการค้าระหว่างประเทศและเรือรบด้วย พระองค์ทรงเรียนรู้และนำวิทยาการสมัยใหม่ของยุโรป มาใช้ฝึกทหารให้มีสมรรถภาพเป็นอย่างดี โดยทรงโปรดให้ ร้อยเอกโทมัส น็อกส์ (ThomasGeorge Knox) เป็นครูฝึกทหารวังหน้า ทำให้ทหารได้รับวิทยาการสมัยตามแบบอย่างทหารเกณฑ์หัดอย่างยุโรป การฝึกหัดนั้นใช้คำบอกทหารเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด และเริ่มให้มีเรือรบกลไฟเป็นครั้งแรก ชื่อ เรืออาสาวดีรส และเรือยงยศอโยชฌิยา (หรือยงยศอโยธยา) ซึ่งเมื่อครั้งเรือยงยศอโยชฌิยา ได้เดินทางไปราชการที่สิงคโปร์ของอังกฤษนั้น ได้มีคำชมเชยจากต่างประเทศเป็นอันมาก ถึงพระปรีชาสามารถของพระองค์ที่ทรงต่อเรือเหล็กลอยน้ำได้เอง และการเดินทางในครั้งนั้นได้ทำให้ธงไทยถูกชักขึ้นคู่กับธงอังกฤษ ที่ฟอร์ทแคนนิ่ง ในดินแดนต่างประเทศ อีกทั้งพระเจ้าลูกยาเธอหลายพระองค์นั้นก็ทรงโปรดให้เป็นทหารเรือเช่นเดียวกัน ในรัชกาลที่ ๔ นั้น มีเรือรบที่พระองค์ทรงใช้อยู่หลายลำเช่น เรือพุทธอำนาจ (Fairy), เรือราชฤทธิ์(Sir Walter Scott), เรืออุดมเดช (Lion), เรือเวทชงัด (Tiger), เรือพุทธสิงหาศน์ (Cruizer),เรือมงคลราชปักษี (Falcon) เป็นต้น ซึ่งล้วนเป็นเรือที่มีบทบาทสำคัญในสงครามกับญวนและเป็นเรือประทับของพระองค์ด้วย สำหรับการต่อเรือรบนั้นพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงซื้อเรือมาจากต่างประเทศ แล้วดัดแปลงใช้เป็นเรือรบ และเรือพระที่นั่งของพระองค์ ด้วยความสนพระราชหฤทัยในกิจการทหารเรืออย่างที่สุดของพระองค์นั้น ทำให้ทรงเรียนรู้จากเรือต่างประเทศที่เข้ามาสยามและทรงนำมาเป็นแบบอย่างมาใช้กับเรือรบของไทยจนทุกวันนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี