ผนังมีร่องรอยพระพุทธรูป
จากการที่ไทยกับสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานนั้นได้เป็นมิตรประเทศกันมาแต่ครั้งอินเดียโบราณ ซึ่งมีการสืบศิลปวัฒนธรรมจากแม่น้ำสินธุ ซึ่งเป็นแหล่งอารยธรรมของโลกที่เก่าแก่นั้น ได้ทำให้มีการเสวนาถึงพระพุทธรูปสำคัญ ซึ่งศิลปวัตถุจากปากีสถานหริออินเดียโบราณ โดย อะศิม อิฟติคัร อะห์มัด เอกอัคราชทูตได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ไมตรีไทย-ปากีสถานโดยเฉพาะด้านโบราณคดีและศิลปกรรมจากแหล่งโบราณคดีสำคัญของเมืองต่างๆ ที่มีศิลปะเฉพาะน่าสนใจและได้มีการนำเข้ามาในประเทศไทยซึ่งทำให้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากรนั้น จะมีดำริโครงการร่วมกันจัดนิทรรศการ ศิลปะคันธาระจากอารยธรรมแม่น้ำสินธุ ขึ้น โดย นายประทีปเพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร ได้ให้ความสำคัญกับพระพุทธรูปศิลปะคันธาระที่เป็นต้นแบบจากปากีสถาน ตามที่มีการจัดเสวนาเรื่องสัมพันธ์ “หลากมิติไทย-ปากีสถาน” ทางออนไลน์ เป็นการร่วมแลกเปลี่ยนความรู้แหล่งโบราณคดีและโบราณวัตถุจากพิพิธภัณฑ์ซึ่งกันและกัน ในวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๓ ที่ผ่านมา โดยมี ศ.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ, ดร.วรรณา เรียนแจ้ง, ผศ.สุดแดนวิสุทธิลักษณ์, กาญจนา โอษฐ์ยิ้มพราย, ยุทธนาวรากร แสงอร่าม เป็นวิทยากร ให้สาระความรู้จากการเดินทางเรียนรู้ในแหล่งสำคัญ
สำหรับแหล่งอารยธรรมแม่น้ำสินธุนั้นปัจจุบันอยู่ในปากีสถาน เป็นแหล่งสำคัญของการสร้างสถูปเจดีย์สำคัญและพระพุทธรูปขึ้นครั้งแรก โดยเฉพาะการสร้างพระพุทธรูปองค์แรกของโลกขึ้นมาแทนสัญลักษณ์ทางพุทธศาสนา จากรอยพระบาท-ธรรมจักร มาเป็นพระพุทธรูปนั้นได้มีการสร้าง พระพุทธรูป ศิลปะคันธาระและ พระพุทธรูปผอม หรือ พระพุทธเจ้าปางบำเพ็ญทุกกริยา ซึ่งส่งผลให้ได้รับอิทธิพลและมีการจำลองแบบสร้างขึ้นอยู่หลายแห่งในไทยอันทำให้เกิดความสนใจใคร่รู้และหาโอกาสเดินทางไปชมแหล่งโบราณคดีสำคัญในปากีสถาน คือแคว้นคันธาระ ตั้งอยู่ในหุบเขาเปศวาร์ ซึ่งอยู่ระหว่างเทือกเขาสุไลมานติดพรมแดนของอัฟกานิสถานและมีแม่น้ำสินธุไหลขนาบข้าง เป็นดินแดนที่รับวัฒนธรรมอินเดียและผสมกับวัฒนธรรมกรีกไซเธียน ปาร์เธียน และกุษาณะ ที่อยู่รอบคันธาระ ที่เป็นต้นเหตุให้เกิดศิลปะแบบคันธาระ และภาษาคันธารี ถือเป็นศูนย์กลางการศึกษาพระพุทธศาสนาสมัยโบราณ ซึ่งมีการค้นพบธรรมบทภาษาคันธารีอยู่หลายแห่ง เช่น พบในเมืองโขตาน เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ของจีน พบในอัฟกานิสถานว่าด้วยเรื่องปฐมเทศนาคำสวดมนต์ เป็นต้น และพบทั้งคัมภีร์ใบลานและเปลือกไม้ นอกจากนี้ยังพบว่าตามผนังถ้ำผนังสถูปสำคัญได้สร้างรูปพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยดินสีเหลือง เจริญสมาธิภาวนา ไว้ด้วย
พระพุทธรูปคันธาระ
อีกแห่ง คือ เมืองตักศิลา ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐปัญจาบ เป็นมหาวิทยาลัยและศูนย์กลางของศิลปวิชาการของอินเดียโบราณตั้งแต่ก่อนพุทธกาล มีสำนักอาจารย์ทิศาปาโมกข์สั่งสอนศิลปวิทยาต่างๆ แก่ศิษย์ที่มาเล่าเรียนในแถบดินแดนชมพูทวีป มีบุคคลสำคัญหลายท่านสำเร็จการศึกษาจากที่แห่งนี้ เช่น พระเจ้าปเสนทิโกศล หมอชีวกโกมารภัจจ์ องคุลีมาล เป็นต้น
เมืองตักศิลานี้เป็นนครหลวงแห่งแคว้นคันธาระ เป็นหนึ่งในบรรดา๑๖ แคว้นของชมพูทวีป สร้างขึ้นโดยชาวอารยันต่อมาได้ตกอยู่ภายใต้อารยธรรมอื่นๆ มากมาย เช่นอารยธรรมกรีกโดยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชและอารยธรรมฮินดูหลายราชวงศ์ ในสมัยพุทธกาลนั้นได้มีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำแคว้นและรุ่งเรืองมานับพันปี โดยมีความรุ่งเรืองถึงขีดสุดในสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราช พระองค์ได้สร้างตักศิลาให้มีชื่อเสียงพร้อมๆ กับการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ในคริสต์ศตวรรษที่ ๕ หลังสุดชนชาติเฮฟทาไลต์ (Hephthalite) ได้ยกทัพมาตีอินเดียและทำลายพระพุทธศาสนา ทำให้เมืองตักศิลาพินาศสูญสิ้น แต่บัดนั้น ปัจจุบันมีพิพิธภัณฑ์ตักศิลารวบรวมหลักฐานเกี่ยวกับความเป็นอยู่และภูมิปัญญาของชาวตักศิลายุคต่างๆ ไว้เป็นอย่างดีโดยนำมาจากสถูปเจดีย์ วัดวาอาราม และปฏิมากรรม แบบศิลปะคันธาระ จำนวนมากและยังเหลือร่องรอยของแหล่งโบราณคดีโบราณให้เดินชมด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี