ศูนย์บริการและวิจัยไรฝุ่นศิริราช ภาควิชาปรสิตวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ทำการศึกษาวิจัยพบว่า คนไทยมากกว่าร้อยละ 50 หรือ คนไทยกว่าครึ่งประเทศกำลังเป็นโรคภูมิแพ้ไรฝุ่น (Mite Allergy) ซึ่งความรุนแรงสูงสุดของคนที่เป็นโรคนี้อันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ และข้อมูลที่น่ากลัวและเป็นการตอกย้ำให้ต้องหันมาตระหนักถึงเรื่องนี้อย่างจริงจัง คือตัวไรฝุ่นบ้าน ตัวการสำคัญของโรคภมิแพ้ ซึ่งเป็นเชื้อโรคตระกูลเดียวกับเห็บที่อยู่ในสุนัข มักจะซ่อนตัวอยู่บนที่นอนพื้นที่ส่วนตัวที่ทุกคนต้องใช้เวลาในการพักผ่อน เรียกว่านอนกลิ้งไปกลิ้งมากับเชื้อโรคที่มองไม่เห็นแบบประชิดสนิทตัววันละไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว
จากผลการศึกษาดังกล่าว พันโทแพทย์หญิง ธรัชธิดา วิประกษิต แพทย์หญิงประจำสำนักงานแพทย์ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ให้ความรู้ว่า ไรฝุ่นเป็นสัตว์ตัวเล็กๆ มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น มักอาศัยหลบซ่อนตัวตามซอกมุมต่างๆ ในบ้านที่ไม่ค่อยมีแสงสว่างส่องผ่าน เช่น ห้องนอน ที่นอน หมอน ผ้าห่ม โซฟา พรม และ เฟอร์นิเจอร์ที่ทำด้วยวัสดุเส้นใย เพราะมีคลังอาหารที่ไรฝุ่นชอบกิน เช่น คราบไคล สะเก็ดผิวหนัง รังแค สปอร์ของเชื้อรา ฯลฯ เจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาสร้อนชื้นแบบเมืองไทย ซึ่งในฝุ่น 1 กรัม จะพบปริมาณไรฝุ่นตั้งแต่ 100-10,000 ตัว เลยทีเดียว ซึ่งตัวไรฝุ่นเป็นตัวการสำคัญในการผลิตสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งอยู่ในมูลของไรฝุ่นนั่นเอง สารนี้จะไปกระตุ้นให้ผู้ป่วยมีอาการกำเริบ แม้แต่คนปกติหากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเชื้อในระดับสูง ก็เกิดอาการโรคภูมิแพ้ อาการของคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ไรฝุ่น จะ จาม ไอ น้ำมูกไหล มีผื่นคัน ใต้ตาช้ำ แน่นจมูก หอบ และอาจเกิดภาวะช็อกจนเสียชีวิตได้ หากไปหาหมอหรือกินยาไม่ทัน ซึ่งโรคนี้เป็นโรคเรื้อรังที่รักษาให้หายขาดยาก ดังนั้น จึงต้องกินยาตามอาการอย่างต่อเนื่อง วิธีที่ดีที่สุดคือ หลีกเลี่ยงที่จะอยู่กับแหล่งเพาะเชื้อไรฝุ่นและป้องกันง่ายๆ ด้วยการหมั่นทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
พันโทแพทย์หญิง ธรัชธิดา วิประกษิต
ด้าน พิสิษฐ์ องค์ศรีตระกูล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ดีไฮจีนิค ประเทศไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านบริการทำความสะอาดและกำจัดเชื้อโรคในที่นอน โซฟา และพรม อันดับ 1 ของโลก นำเข้าจากประเทศเยอรมนี ได้แนะนำวิธีการทำความสะอาดแหล่งเพาะเชื้อไรฝุ่นแบบถูกวิธีว่า ต้องพยายามปรับห้องนอน หรือห้องต่างๆ ให้อากาศถ่ายเทสะดวก แสงแดดส่องถึง ขณะเดียวกันต้องทำให้ห้องไม่มีความชื้น เช่น เมื่อเปิดแอร์ก็ต้องตั้งเวลาปิดบ้าง เพื่อให้อากาศภายนอกไหลเวียนเข้ามาในห้อง เพราะไรฝุ่นเจริญเติบโตได้ดีในที่มืดและที่ที่มีความชื้นประมาณ 25-28 องศาเซลเซียส
ส่วนการทำความสะอาด ควรเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนอาทิตย์ละครั้ง นำฟูกหรือที่นอน หมอน ออกมาผึ่งแดดหรือลมอ่อนๆ ห้ามทุบตีหรือปล่อยให้เด็กขึ้นไปกระโดดบนที่นอน หรือโซฟาที่ทำจากเส้นใยสังเคราะห์เด็ดขาด เพราะจะทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจาย เชื้อโรคหรือมูลไรฝุ่นเข้าไปในร่างกายได้ง่ายขึ้น หากเป็นเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ เช่น โซฟา ควรดูดฝุ่น ทุก 2 เดือน พรม ดูดฝุ่นทุก 2 สัปดาห์ โดยใช้เครื่องดูดฝุ่นที่เหมาะกับโซฟาหรือพรมโดยเฉพาะ
ปลา-อัจฉรา บุรารักษ์
“ในบางครั้งปริมาณฝุ่นที่ถูกกักเก็บในที่นอนชั้นลึกๆ ก็ยากต่อการทำความสะอาดโดยทั่วไป จึงควรให้ผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้และความชำนาญด้านสุขอนามัย (Hygiene) และมีเครื่องมือเฉพาะทางในการซานิไทส์ซิ่ง (Sanitizing) ฆ่าเชื้อโรคในที่นอนโดยเฉพาะด้วยแสงอัลตราไวโอเลต Type C และคลื่นความถี่สูง ซึ่งสามารถฆ่าเชื้อโรคบนที่นอนที่อยู่ลึกถึง 6-7 นิ้วได้ ซึ่งคนทั่วไปไม่สามารถทำความสะอาดเองได้ ส่วนพรมและโซฟาผู้เชี่ยวชาญจะดูแลด้วยโฟมแห้งที่สกัดจากสารออร์แกนนิค(Organic) ระบบแห้ง 100 % ซึ่งสามารถขจัดคราบและเชื้อแบคทีเรียได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยในส่วนนี้เป็นการทำความสะอาดใหญ่ ซึ่งทำแค่ 6 เดือนต่อ 1 ครั้ง หรือ ปีละ 2 ครั้ง ก็เพียงพอแล้ว”
ปลา-อัจฉรา บุรารักษ์ เซเลบริตี้เจ้าของธุรกิจชื่อดังมากมาย ผู้มีประสบการณ์ด้านโรคภูมิแพ้ไรฝุ่นโดยตรงเล่าว่า “ปลาเป็นคนให้ความสำคัญกับเรื่องที่นอนมากๆ ถึงมากที่สุด เพราะชีวิตครึ่งหนึ่งเราต้องอยู่บนเตียงนอน เลยให้ความสำคัญกับเรื่องความสะอาดของที่นอนมาก จนบางทีเหมือนคนเป็นโรคจิต ระแวงเชื้อโรคไปหมด เพราะเวลาอาการกำเริบมันทรมาน ซึ่งโดยปกติจะให้แม่บ้านทำความสะอาดที่นอน, พรม, โซฟา บ่อยมาก สัปดาห์ละ 3 ครั้ง และถ้าโซฟาเก่ามากก็จะเปลี่ยนใหม่ และทุกๆ 3-6 เดือน จะเรียกใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญด้านทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคมาทำความสะอาดใหญ่ครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะที่นอนเป็นแหล่งเก็บฝุ่นขั้นเทพ เรายกไปตากแดดเองไม่ไหว แถมไม่มั่นใจว่าจะสะอาดจริงหรือเปล่า เลยต้องพึ่งผู้เชี่ยวชาญค่ะ”
พิสิษฐ์ องค์ศรีตระกูล
เพียงแค่หมั่นทำความสะอาดบ่อยๆ อย่างถูกวิธี ก็ช่วยป้องกันไรฝุ่นเข้ามายึดบ้านได้ แต่หากยังมีข้อสงสัยเรื่องวิธีทำความสะอาดอย่างไรให้ถูกวิธี สามารถปรึกษาฟรี ได้ที่ ดีไฮจีนิค ประเทศไทย โทร.02-281-7103, 02-628-2652 หรือเข้าไปดูข้อมูลได้ที่เว็บไซด์ www.dh-thailand.com
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี