วันจันทร์ ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2568
มหาวิทยาลัยคือแหล่งปลูกฝังบ่มเพาะวิชาการความรู้ ควบคู่กับการปลูกฝังความละอายต่อความชั่วทั้งปวง หากผู้บริหารมหาวิทยาลัยไม่ยึดมั่นในความถูกต้องอย่างเคร่งครัด แถมยังละเมิดกฎหมาย มหาวิทยาลัยของไทยก็ไม่มีคุณค่าใดๆ อีก
แนวหน้าวาไรตี้สัปดาห์นี้ ดร.เฉลิมชัย ยอดมาลัย นำคุณไปสนทนากับ ดร.จอห์นนพดลวศินสุนทร อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ผู้กล้าทวงถามความจริงและความชอบธรรมกับผู้บริหารมหาวิทยาลัย และสภามหาวิทยาลัย
เรียนถามอาจารย์ในฐานะคนรุ่นใหม่ว่า ประสบกับเหตุไม่สุจริต ไม่โปร่งใสใดๆ บ้างจากมหาวิทยาลัย
ดร.จอห์นนพดล : ขอบอกว่าไม่ใช่แค่ผมเพียงคนเดียวเท่านั้นที่พบความไม่สุจริต ไม่โปร่งใสในมหาวิทยาลัย ในความจริงประชาคมมหาวิทยาลัยไทยต่างทราบเหตุไม่สุจริตภายในมหาวิทยาลัยต่างๆมาโดยตลอด ตัวอย่างเช่น ย้อนหลังไป 5 ปี พบว่ามีการฟ้องร้องคดีมากมายในมหาวิทยาลัย บางแห่งเกิดความขัดแย้งรุนแรงถึงขนาดก่อเหตุอาชญากรรมฆ่ากันจนกลายเป็นข่าวดัง ปัญหาต่างๆ ยังคงมีอยู่ แต่ไม่ถูกเปิดเผย เพราะเป็นเรื่องภายใน คนภายนอกไม่ทราบเรื่อง
ต้นเหตุของปัญหาอยู่ที่ไหนครับ
ดร.จอห์นนพดล : มหาวิทยาลัยคือองค์กรที่ต้องมีกฎระเบียบแบบแผนปฏิบัติงาน เพื่อให้ดำเนินกิจการได้ราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ถ้ากฎระเบียบและคำสั่งไม่เป็นธรรม สมาชิกทุกคนก็ไม่ได้รับความเป็นธรรม องค์กรมีปัญหา มีความขัดแย้งภายใน ดังนั้นจึงกล่าวว่าปัญหามาจากความไม่เป็นธรรมในองค์กร
คนไทยจำนวนมากคิดเอาเองว่าโรงเรียน มหาวิทยาลัย และวัดคือที่ซึ่งปราศจากการทุจริต และคิดเอาเองอีกว่าครูอาจารย์และพระมีความรู้ มีเหตุผล ดังนั้นจึงไม่มีเหตุทุจริตซึ่งไม่จริงเลย ผมขอถามอาจารย์ว่าอะไรคือมูลเหตุความขัดแย้ง และเหตุทุจริตในมหาวิทยาลัยอำนาจ และผลประโยชน์ ใช่ไหมครับ
ดร.จอห์นนพดล : ผลประโยชน์กับอำนาจเป็นเรื่องปกติของสังคม หากสังคมใดให้ผลตอบแทนเป็นธรรมกับสมาชิก ก็ไม่น่ามีปัญหาเกิดขึ้น ย้ำว่าหากโครงสร้างองค์กร การจัดการภายในองค์กร และวัฒนธรรมองค์กรดำเนินไปอย่างถูกต้อง มีหลักธรรมาภิบาล การจัดแบ่งผลประโยชน์ภายในองค์กรไม่มีปัญหา แม้อาจจะเกิดปัญหาบ้างก็ขจัดปัญหาให้ลุล่วงไปได้ด้วยหลักธรรมาภิบาล แต่ปัญหาอยู่ที่การจัดแบ่งผลประโยชน์ไม่เป็นธรรม วัฒนธรรมองค์กรไม่ส่งเสริมความดีงาม และปราศจากธรรมาภิบาล ปัญหาจึงเกิดขึ้น แล้วไม่สามารถสะสางปัญหาได้ปล่อยให้หมักหมมยาวนาน ทุกอย่างจึงเลวร้ายพูดสั้นๆ คือโครงสร้างขององค์กรมีความอยุติธรรมหลายจุด

ผมถามตรงประเด็น อาจารย์ฟ้องร้องมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ และผู้บริหารมหาวิทยาลัย ทั้งหมดกี่คดีครับ
ดร.จอห์นนพดล : โดยส่วนตัวผมฟ้องไปแล้ว 16 คดีครับ เน้นแค่ส่วนตัวผมเท่านั้น ไม่นับรวมคนอื่นๆ และในมหาวิทยาลัยอื่นๆ นะครับ
คดีอะไรบ้างครับ
ดร.จอห์นนพดล : เป็นคดีด้านปกครอง ซึ่งเรียกคดี บ. คดีเกี่ยวกับการบริหารงานทั้งสิ้น ซึ่งมีเหตุกระทบกระเทือนสิทธิ์ของผู้ฟ้องร้อง มูลเหตุมาจากเรื่องของโครงสร้างการบริหารจัดการที่ไม่ยุติธรรมครับ
แสดงว่าคนอื่นๆ ในมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่ไม่ฟ้องร้อง เหตุใดอาจารย์ลุกขึ้นสู้ครับ
ดร.จอห์นนพดล : ผมขอย้ำว่า concept โดยอุดมคติของสถาบันอุดมศึกษาคือแหล่งสร้างปัญญา บ่มเพาะวิชาการ มหาวิทยาลัยต้องเป็นสถานที่ของอภิปรายกันด้วยปัญญาและเหตุผลเมื่อความเห็นต่างกันต้องคุยกัน หากหาข้อสรุปไม่ได้ ต้องอาศัยอำนาจศาลยุติธรรม ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา เพราะการให้ศาลตัดสินดีกว่าอาจารย์ชักปืนยิงกันดังเคยเป็นข่าวในมหาวิทยาลัยบางแห่งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา สังคมอาจารย์คือสังคมต้องคุยกันด้วยเหตุผลเมื่อหาข้อยุติไม่ได้ก็อาศัยอำนาจศาลชี้ขาด เมื่อศาลตัดสินแล้วก็ต้องยึดคำพิพากษาเป็นบรรทัดฐาน ไม่ใช่ศาลตัดสินแล้วยังตะแบงต่อ หรือเอาชนะคะคานด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง เพราะสุดท้าย ผู้เสียหายหนักที่สุดคือมหาวิทยาลัย
คดีที่อาจารย์ฟ้องมหาวิทยาลัยและผู้บริหารคือคดีที่ผมพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือมหาวิทยาลัยจ่ายเงินเดือนให้อาจารย์ไม่ถูกต้องตามสิทธิ์ที่ต้องได้ ถูกต้องไหมครับ
ดร.จอห์นนพดล : ครับ ล่าสุดศาลปกครองสูงสุดอ่านคำพิพากษาคดีนี้ พิพากษาให้ผมชนะผมต่อสู้คดีนี้ 7 ปี เป็นคดีตัวอย่างที่ทำให้สาธารณชนเห็นชัดว่ามหาวิทยาลัยของรัฐบางแห่งไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย คือตั้งแต่ปี 2542 มีมติ ครม. กำหนดว่ามหาวิทยาลัยไม่มีการบรรจุข้าราชการอีกต่อไป แต่ให้จ้างพนักงานของรัฐชนิดใหม่เรียกว่า พนักงานมหาวิทยาลัยตามสัญญาจ้างที่มีวาระกำหนด โดยพนักงานมหาวิทยาลัยไม่ได้รับสิทธิ์ต่างๆ เหมือนข้าราชการ ครม. มีมติให้จ่ายเงินค่าจ้าง 1.7 เท่าของเงินเดือนข้าราชการแรกเริ่มบรรจุ พูดง่ายๆ คือจ่ายเงินเดือนให้สูงกว่าข้าราชการ เพราะสิทธิ์อื่นถูกตัดไปวิธีนี้ก็เพื่อดึงดูดให้คนมีความรู้ด้านวิชาการสนใจเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย แต่ปรากฏว่าผ่านไป 21-22 ปีแล้วจนถึงปัจจุบัน ยังคงเกิดปัญหาการจ่ายเงินเดือนไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ในมหาวิทยาลัยหลายแห่งทั้งๆ ที่มหาวิทยาลัยได้รับเงินจากสำนักงบประมาณฯแต่ไม่ยอมทำตามระเบียบ คือไม่ยอมจ่ายเงินให้ครบ 1.7 เท่าของเงินเดือนราชการบรรจุใหม่ให้พนักงานมหาวิทยาลัย

ผมสงสัยว่าเหตุใดคนสอนหนังสือรายอื่นๆ ในมหาวิทยาลัยทนทานกับเรื่องไม่เป็นธรรมแบบนี้ได้
ดร.จอห์นนพดล : ผมสู้เพราะเห็นว่าไม่เป็นธรรม ผมสู้เพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของผม และของส่วนรวม การที่คนอื่นๆ ไม่ออกมาต่อสู้ ผมมองว่าเขาคงเกรงว่าต่อสู้แล้วจะไม่ได้รับการต่อสัญญาจ้างทุก 4 ปี แต่ผมไม่กลัว ถ้าหากผมมีจุดอ่อนในการทำงานแล้วเขาไม่ต่อสัญญา ผมยอมรับได้แต่เขาเล่นเกมคือไม่ต่อสัญญาเมื่อทำงานครบ 4 ปีส่วนตัวผมได้รับการต่อสัญญามา 2 ครั้ง จากนั้นก็ไม่ต่ออีก ผมไม่ได้ถูกไล่ออก แต่เขาไม่ต่อสัญญาจ้างปัญหาการไม่ต่อสัญญาจ้างเกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยหลายแห่งมาก มีการฟ้องร้องกันมาก สำหรับผมชนะคดีนี้แล้ว
อีกเรื่องคือผู้บริหารมหาวิทยาลัยราชภัฏต่างๆ และมหาวิทยาลัยเปิดบางแห่ง มีอายุเกิน 60 ปี แต่ไม่ยอมลงจากตำแหน่ง บางรายอยู่ในตำแหน่งแบบผูกขาด เป็นเพราะอะไรครับ มีเรื่องผลประโยชน์และอำนาจเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่
ดร.จอห์นนพดล : จริงๆ แล้วข้าราชการเมื่ออายุครบ 60 ปี ต้องเกษียณราชการทุกคน มหาวิทยาลัยราชภัฏคือสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ ต้องอยู่ในกฎระเบียบนี้ แต่มหัศจรรย์ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏ และราชมงคล รวมถึงมหาวิทยาลัยเปิดบางแห่งกลับมีผู้บริหารที่อายุเกิน 60 ปีอยู่ในตำแหน่งมากมาย โดยอ้างคำสั่ง คสช. มาตรา 44 เป็นข้อแก้ตัว เพื่อให้ตัวเองอยู่ในตำแหน่งต่อไปได้ โดยไม่สนใจพระราชบัญญัติที่เป็นกฎหมายซึ่งมีศักดิ์สูงกว่า คนกลุ่มนี้ตะแบงเพื่อผลประโยชน์ของตนไม่เคารพความถูกต้อง จึงเป็นเหตุให้มีการฟ้องร้องศาลปกครองมากมาย ถึงแม้ศาลตัดสินไปแล้ว ก็ยังมีคนจงใจทำผิดอีก โดยอ้าง มาตรา 44 ของ คสช.ซึ่งปัจจุบันก็ไม่ควรจะอ้างอีกต่อไป แต่เขาก็ยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไป
พูดตรงๆ ในมหาวิทยาลัยรามคำแหงมีผู้บริหารมากมายที่อายุเกิน 60 ปี และล่าสุดมีมหาวิทยาลัยเก่าแก่บางแห่งก็เอาอย่างบ้าง อาจารย์มองเรื่องนี้อย่างไรครับ
ดร.จอห์นนพดล : ผมเน้นเรื่องผู้บริหารมหาวิทยาลัยที่อายุเกิน 60 ปีเท่านั้น ผมไม่คัดค้านการจ้างอาจารย์อายุเกิน 60 ปี ให้สอนหนังสือต่อเพราะอาจารย์ที่สอนไม่มีหน้าที่บริหาร เรื่องนี้ผมมองที่วัฒนธรรมองค์กร เพราะองค์กรต้องเตรียมผู้บริหารรุ่นใหม่ไว้เพื่ออนาคต และคุณภาพด้านวิชาการของมหาวิทยาลัย ต้องสร้างคนรุ่นใหม่ไว้มิฉะนั้นจะเกิดปัญหารอยต่อของคณะผู้บริหาร บางมหาวิทยาลัยอธิการบดีอายุเกิน 60 ปี แล้วผูกขาดตำแหน่งต่ออีกกว่า 10 ปี เรื่องแบบนี้ไม่สง่างาม ไม่มีการสร้างผู้บริหารรุ่นใหม่เข้าไปรับผิดชอบอนาคตของมหาวิทยาลัย ปมปัญหาเรื่องนี้มาจากการได้มาซึ่งสมาชิกสภามหาวิทยาลัยที่ไม่มีคุณภาพ ปราศจากคุณธรรม ทุกคนทราบดีว่าสภามหาวิทยาลัยมีอิทธิพลเหนือผู้บริหารมหาวิทยาลัยหลายคนเรียกระบบผลัดกันเกาหลังและแบ่งปันผลประโยชน์โดยมิชอบ บางรายเป็นนายกสภามหาวิทยาลัยเกือบ 20 ปี แต่ยังพยายามผูกขาดตำแหน่งต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งน่าสมเพชมาก แต่กลับไม่เคยดูว่ามหาวิทยาลัยที่ตนเองผูกขาดตำแหน่งนายกสภาฯ เจริญก้าวหน้าทางวิชาการหรือไม่อยู่มากี่ปีแล้วมหาวิทยาลัยไม่เคยพัฒนา แต่ยังอุตส่าห์หวงตำแหน่ง โดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร ไม่เคยสนใจว่าอาจารย์ในมหาวิทยาลัยมีพัฒนาการด้านวิชาการมากขึ้นหรือไม่ ไม่สนใจว่านิสิตนักศึกษามีความรู้ดีเทียบเท่ามหาวิทยาลัยที่ได้คุณภาพในนานาชาติหรือไม่ ส่วนอาจารย์ที่ไม่อยากต่อสู้เพื่อความถูกต้องก็เอาเวลาไปทำงานนอกมหาวิทยาลัย เช่น ขายของออนไลน์ หรือรับ jobs จากเอกชน ซึ่งพบได้มากมายในมหาวิทยาลัยเก่าแก่ของไทย เพราะอาจารย์เห็นว่ามหาวิทยาลัยไม่ได้สนับสนุนให้ตนมีความก้าวหน้าทางวิชาการ ไม่ส่งเสริมให้อาจารย์เติบโตในสายงาน มีแต่เล่นพรรคเล่นพวก จึงเอาเวลาของมหาวิทยาลัยไปทำงานอื่นแทนที่จะทุ่มเทให้มหาวิทยาลัยและนิสิตนักศึกษา
มีทางแก้ปัญหาไหมครับ
ดร.จอห์นนพดล : มีครับ ตอนนี้มีอาจารย์ท่านหนึ่งในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่กำลังศึกษา modelของอังกฤษ เรื่องสภาพนักงานมหาวิทยาลัย ซึ่งหากเรื่องนี้สำเร็จ จะสามารถแก้ปัญหาเน่าเฟะในมหาวิทยาลัยได้ แต่ที่มากกว่านั้นคือต้องแก้กฎหมายเกี่ยวกับการบริหารมหาวิทยาลัยเพื่อให้มีโครงสร้างมหาวิทยาลัยที่ดีกว่าเดิม และมีการคานอำนาจมากกว่าเดิม และต้องเน้นจิตสำนึกธรรมาภิบาลของผู้บริหารด้วย อย่าลืมว่าอาจารย์มหาวิทยาลัยมีฐานะเป็นผู้นำความคิดของสังคม หากมหาวิทยาลัยเละเทะจะมีใครเชื่อถือ ดังนั้นอาจารย์ต้องกล้าต่อสู้เพื่อความถูกต้องเป็นอันดับแรก ก่อนคิดจะเปลี่ยนแปลงมหาวิทยาลัยให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป สำหรับผม ผมต้องการผลักดันให้แก้โครงสร้างเชิงอำนาจภายในมหาวิทยาลัยให้ได้ก่อน โดยเฉพาะเรื่องผิดปกติของสภามหาวิทยาลัย ถ้าทำสำเร็จมหาวิทยาลัยไทยจะดีกว่าเดิม มีธรรมาภิบาลมากขึ้น แล้วขยะต่างๆ ที่ซุกไว้ใต้พรมมายาวนานจะถูกกำจัดไป ผมเน้นว่าต้องรื้อโครงสร้างที่ไม่เป็นธรรมในมหาวิทยาลัยออกให้หมด
คุณจะได้พบรายการดีที่ครบครัน ด้วยสาระและความรู้ รายการแนวหน้าวาไรตี้ ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00-16.30 น. ทางโทรทัศน์TNN 2 ช่อง 784 ดิจิทัลทีวีหรือ True Visions 8 และชมรายการย้อนหลังได้ที่YouTube แนวหน้าวาไรตี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี