เนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปีการดำเนินงานของมูลนิธิสายเด็ก 1387 ม.ร.ว.สุพินดา จักรพันธุ์ ผู้ก่อตั้งและประธานมูลนิธิฯ พร้อมด้วย อิเลีย สมินอฟ ผู้อำนวยการมูลนิธิฯ เผยในปี 2555 ที่ผ่านมาฮอตไลน์สายเด็ก 1387 มีสายโทร.เข้ามาขอความช่วยเหลือมากถึงเกือบ 7 หมื่นสาย ในขณะที่การบรรเทาปัญหา การให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายเป็นไปอย่างล่าช้า และหลายๆ กรณีที่มูลนิธิฯ ให้ความช่วยเหลือพบว่าสิทธิเด็กถูกเพิกเฉยจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการ พร้อมเรียกร้องทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญของสิทธิเด็ก โดยเฉพาะภาคครัวเรือนที่จะต้องเร่งเข้าไปให้ความรุ้ความเข้าใจแก่ พ่อแม่ ผู้ปกครอง และบุคคลต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเด็ก
ป้าหญิงใหญ่ - ม.ร.ว.สุพินดา จักรพันธุ์ และเด็กๆ ที่มูลนิธิฯ
ม.ร.ว.สุพินดา จักรพันธุ์ หรือ “ป้าหญิงใหญ่” ผู้ก่อตั้งและประธานมูลนิธิสายเด็ก 1387 กล่าวว่า มูลนิธิสายเด็ก 1387 ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2556 เป็นองค์กรเพื่อสาธารณประโยชน์ที่ไม่หวังผลกำไร เพื่อเด็กในประเทศไทย และเป็นเครือข่ายขององค์กร Child Helping International ซึ่งมีองค์กรสมาชิกกว่า 150 ประเทศทั่วโลก ภารกิจของมูลนิธิในปัจจุบัน ประกอบด้วย การให้บริการคำปรึกษา รับแจ้งเรื่องความเดือดร้อนของเด็ก ผ่านทางสายด่วน 1387, ศูนย์ “เดอะฮับสายเด็ก” ตั้งอยู่ที่มุมถนนตัดระหว่างถนนไมตรีจิตกับซอยพันธมิตร นอกจากจะเป็นสำนักงานสายด่วน 1387 แล้ว ยังเปิดเป็นพื้นที่ให้สำหรับเด็กที่มีปัญหา เด็กเร่ร่อนได้เข้ามาใช้พื้นที่ในการแสดงออก พัฒนาศักยภาพของตนเองผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่ศูนย์ได้จัดขึ้น ซึ่งตั้งอยู่ที่และโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็ก ชุมชนชาวมอแกน ที่หมู่เกาะสุรินทร์
ทั้งนี้ เด็กๆ ที่เข้ามาที่เดอะฮับสายเด็ก นอกจากเด็กในพื้นที่แถวหัวลำโพง เขตป้อมปราบฯ ยังมีเด็กเร่ร่อนจากพื้นที่อื่นๆ ที่มาแบบปากต่อปากว่าสถานที่นี้มีกิจกรรมอะไรบ้างที่เป็นประโยชน์ต่อพวกเขา เด็กๆ ที่เข้ามามีปัญหาหลากหลาย ทั้งปัญหาครอบครัว ยาเสพติด ซึ่งเกิดเปิดเดอะฮับขึ้นมา เด็กๆ ที่เข้ามาแรกๆ ก็อาจมาสังเกตุการณ์ และเริ่มเข้ามาทำกิจกรรม จนเกิดความไว้วางไว้กับพี่ๆ ที่เป็นเจ้าหน้าที่ เด็กที่ต้องการความช่วยเหลือก็จะเล่าปัญหาของตัวเองให้ฟัง มูลนิธิฯ ก็จะดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามสภาพปัญหาของเด็ก บางกรณีที่มาสายด่วน ก็มีทั้งเด็กโทรมาเอง หรือมีผู้หวังดีที่ต้องการให้มูลนิธิฯ เข้าไปช่วยเหลือเด็กที่ประสบปัญหา จากปีที่แล้วมีสายโทร.เข้ามารับบริการกว่า 69,000 สาย จากจำนวนนี้มี 167 สาย ที่มูลนิธิฯ เข้าไปช่วยเหลือในการเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย การหาที่พักพิง และการฝึกอาชีพ
“10 ปีที่ผ่านมาของการทำงานมูลนิธิฯ มีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น จากที่เมื่อก่อนสังคมอาจไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องลุกขึ้นมาทำงานเพื่อสิทธิเด็ก แต่สิ่งที่อยากให้สังคมตระหนักคือ เด็กวันนี้คืออนาคตของชาติ ถ้าในวัยเด็กเขาได้รับแต่สิ่งเลวร้าย ทั้งที่เราทุกคนสามารถมอบสิ่งดีๆ ให้กับเขาได้แต่ไม่ทำ แล้วเมื่อเด็กๆ เหล่านั้นโตขึ้นเขาไม่สามารถให้สิ่งที่สวยงามแก่สังคมได้เช่นกันปัญหาเกี่ยวกับเด็ก ไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นหน้าที่ของเราทุกคน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ที่ต้องเข้ามาช่วยกันแก้ไข ช่วยกันสร้างสิ่งดีๆ ให้กับเด็ก เพื่อให้พวกเขาเป็นอนาคตที่ดีของบ้านเราต่อไป
สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากในขณะนี้คือ ปัญหาเด็กเร่ร่อนที่ไม่มีเอกสารแสดงสัญชาติ ยิ่งทำให้พวกเขาเข้าถึงสิทธิพื้นฐานทางกฎหมาย การรักษาพยาบาลได้ยาก ทุกวันนี้เรามี พ.ร.บ.เด็กที่ดีอยู่แล้ว แม้บางอย่างอาจจะต้องมีการแก้ไขปรับปรุงบ้าง แต่สิ่งสำคัญคือผู้ที่มีหน้าที่นำพ.ร.บ.นี้ไปใช้ ยังมีความเข้าใจ หรือการตระหนักถึงการปฎิบัติตามบทบัญญัติที่ยังไม่ดีพอนั่นเอง”
ผลบุญ นันทมานพ, ม.ร.ว.สุพินดา จักรพันธุ์, ทิพยนิภา ไกรฤกษ์ และ อิเลีย สมินอฟ
อิเลีย สมินอฟ ผู้อำนวยการมูลนิธิฯ กล่าวว่า จากการเข้าไปให้ความช่วยเหลือแก่เด็กในรายที่ต้องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย ทำให้มูลนิธิฯ เห็นถึงอุปสรรคสำคัญ ว่าปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังจนถึงได้รับการเพิกเฉยของผู้หน้าที่แก้ไขปัญหาโดยตรง เช่น กรณีเด็กหญิงเร่ร่อนคนหนึ่ง ถูกบังคับให้ขายประเวณี เมื่อเด็กเข้ามาขอความช่วยเหลือ ทางมูลนิธิฯ ต้องพาเด็กไปแจ้งความที่สถานีตำรวจถึง 3 พื้นที่ เด็กก็ต้องให้ปากคำซ้ำๆ จนเกิดความรู้สึกท้อแท้ รู้สึกไม่ไว้ใจเจ้าหน้าที่ หรือกรณีเด็กถูกครูพี่เลี้ยงล่ามโซ่แล้วทิ้งเด็กให้อยู่ลำพัง พ่อแม่เด็กไม่มีความรู้ด้านกฎหมาย และทำอาชีพค้าขาย ยอมความโดยง่าย ไม่เอาเรื่องผู้กระทำผิด เพราะกลัวเสียเวลาในการประกอบอาชีพ เหล่านี้เป็นต้น
“สิ่งที่ผมอยากฝากคืออยากให้ภาคประชาสังคมออกมาเรียกร้องเกี่ยวกับเรื่องมาตรฐานสิทธิเด็กว่า เด็กทุกคนควรจะได้รับการดูแล ได้รับโอกาสอย่างเท่าเทียม การได้รับพัฒนาศัยกภาพเพื่อที่จะสามารถดูแลช่วยเหลือตนเองไม่เป็นภาระสังคม เป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนต้องเข้ามาช่วยกันเรียกร้องให้มากขึ้น”
ท้ายสุด ผู้บริหารมูลนิธิสายเด็ก 1387 สรุปว่า เด็กเป็นอนาคตของชาติ สิ่งที่เกิดขึ้นกับเด็กจะส่งผลถึงคุณภาพของคนและสังคมทั้งในปัจจุบันและอนาคต เด็กที่ทุกละเลย ถูกทารุณกรรมทั้งทางร่างกายและจิตใจ จะเป็นการสร้างสิ่งแวดล้อมและประสบการณ์ให้กับเด็กคนอื่นๆ มองว่าสิ่งเลวร้ายเหล่านั้นเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น หากวันนี้ผู้ใหญ่ทุกคนเห็นความสำคัญของพวกเขา ออกมาช่วยกันแก้ไขปัญหา สร้างประสบการณ์และสิ่งสวยงามให้กับเด็กๆ อย่างจริงจัง โดยสามารถมีส่วนช่วยหลากหลายวิธี หนึ่งในนั้นคือการสนับสนุนการดำเนินงานของมูลนิธิสายเด็ก 1387 โดยการบริจาคเงิน สิ่งของที่จำเป็น หรือเข้าร่วมเป็นอาสาสมัคร สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.02-561-0981 ต่อ 109 หรือ www.chidlinethailand.org, www.thehub.childnetthailand.org, www.facebook.com/childlinethailand
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี