ท้องพระโรงวังหน้า
วันที่ ๒-๘ เมษายนนั้น เป็นสัปดาห์ของงานวันอนุรักษ์มรดกไทย ที่กระทรวงวัฒนธรรมโดยกรมศิลปากรนั้นได้มีการเปิด อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์ ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครในวันแรก หลังจาก นายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร นางสาวนิตยา กนกมงคล ผู้อำนวยการสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติและคณะได้ดำเนินการปรับปรุงตามโครงการอนุรักษ์และพัฒนาวังหน้า ภายใต้แผนยุทธศาสตร์แผนงานบูรณาการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว และเพื่ออนุรักษ์อาคารโบราณสถาน พัฒนาการจัดแสดงนิทรรศการถาวรทั้งด้านหน้าเนื้อหาวิชาการที่มีความก้าวหน้ามีรูปแบบการจัดแสดงที่ทันสมัยตามแบบพิพิธภัณฑ์สากล
การจัดแสดงที่อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์ ซึ่งเป็นอาคารสองชั้น ที่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดอาคารจัดแสดงเมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๑๐ นิทรรศการภายในอาคารหลังนี้เดิมจัดแสดงเรื่องประวัติศาสตร์ศิลปะในยุคแรกสร้างในปี ๒๕๖๐ นั้นอาคารหลังนี้ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนถึงปี ๒๕๖๓ โดยจัดห้องแสดงใหม่ทั้งหมด โดยนำเสนอเนื้อหาประวัติศาสตร์โบราณคดี ผ่านการจัดวางโบราณวัตถุที่พบในแหล่งโบราณคดี โบราณวัตถุรับพระราชทานจากพระมหากษัตริย์ และรับมอบจากส่วนราชการต่างๆ ในประเทศไทย รวมจำนวนกว่า ๑,๐๐๐ รายการ โดยจัดวางแบบพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ทำให้ผู้ชมสามารถเห็นได้รอบด้าน หรือ ๓๖๐ องศา ด้วยการจัดแสงเงา และสื่อมัลติมีเดียประกอบการนำเสนอข้อมูลเชิงลึก จัดตั้งระบบควบคุมสิ่งแวดล้อมเพื่อรักษาสภาพโบราณวัตถุให้มั่นคง
พิธีเปิดอาคารประพาสพิพิธภัณฑ์
โดยแบ่งห้องแสดงในพื้นที่ ๒,๘๐๐ ตารางเมตรตามเนื้อหาแต่ละยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ คือ ห้องประวัติศาสตร์โบราณคดีล้านนา นำเสนอเรื่องราวของรัฐสำคัญทางภาคเหนือ ทั้งด้านกลุ่มชนประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจ การปกครอง ศาสนา และศิลปกรรม ที่เจริญอยู่ระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๑๙-๒๑ และสืบต่อถึงสมัยนครเชียงใหม่ โบราณวัตถุชิ้นสำคัญที่จัดแสดง ได้แก่ พระพุทธรูปสกุลเชียงแสน หรือสิงห์ ที่เป็นเอกลักษณ์ของศิลปะและตำนานความศรัทธาของชาวล้านนา ที่แพร่ขยายมาสู่นครรัฐไทยในเวลาต่อมา เครื่องถ้วยจากแหล่งเตาภาคเหนือ และจากการสำรวจพื้นที่ก่อสร้างเขื่อนภูมิพลในอำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ซึ่งสะท้อนเส้นทางการค้า พื้นฐานเศรษฐกิจสำคัญของล้านนา เป็นต้น ห้องประวัติศาสตร์โบราณคดีสุโขทัย นำเสนอเรื่องราวความรุ่งเรืองของอาณาจักรสุโขทัย ทั้งด้านการเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ ศาสนา และศิลปกรรม ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจไปในทุกนครรัฐไทย จนถึงสมัยปัจจุบัน โบราณวัตถุชิ้นสำคัญได้แก่ศิลาจารึก หลักที่ ๑ อันเป็นมรดกความทรงจำแห่งโลกโดยยูเนสโก พระพุทธรูปปางลีลา อันเป็นเอกลักษณ์แห่งศิลปะสุโขทัย ซึ่งเป็นยุคทองของศิลปกรรมที่งดงาม ห้องประวัติศาสตร์โบราณคดีกรุงศรีอยุธยา พื้นที่จัดแสดงแบ่งเป็น ๓ ส่วน จัดวางประจักษ์พยานที่สะท้อนความเจริญรุ่งเรืองทุกด้านของกรุงศรีอยุธยา ศูนย์อำนาจในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๑๙-๒๔ ซึ่งเป็นพื้นฐานโครงสร้างสังคมไทยที่สืบเนื่องมาถึงปัจจุบันห้องประวัติศาสตร์โบราณคดีกรุงรัตนโกสินทร์แบ่งการจัดแสดงออกเป็นสองยุค ห้องแรก นำเสนอเรื่องราวของกรุงธนบุรี การก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ในสมัยรัชกาลที่ ๑ ที่มีการฟื้นคืนบ้านเมืองให้มีความสมบูรณ์ในด้านต่างๆ ตามแบบแผนของกรุงศรีอยุธยา สืบยุคสมัยในรัชกาลที่ ๒-๓ ห้องที่สอง เป็นเรื่องการพัฒนาบ้านเมืองเข้าสู่สมัยใหม่ตั้งแต่ครั้งรัชกาลที่ ๔ จนถึงสมัยปัจจุบัน เป็นจุดเชื่อมเรื่องราวของประวัติศาสตร์โบราณคดีให้เกิดการเรียนรู้สู่ความเจริญทางศิลปวัฒนธรรมที่นำไปสู่นิทรรศการศิลปกรรมประเพณีไทยที่จัใน อาคารหมู่พระวิมาน พระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์โรงราชรถ ตำหนักแดง และสถาปัตยกรรมต่างๆของวังหน้า โดยเฉพาะบรรยากาศท้องพระโรงของพระราชวังบวรสถานมงคลในอดีตเช่นเดียวกันการเรียนรู้ประวัติศาสตร์โบราณคดีจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ทุกแห่งทั่วประเทศ จึงมีความสำคัญต่อการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ไทยศิลปวัฒนธรรมของชาติ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมสำคัญที่สร้างองค์ความรู้จากนักวิชาการที่มีความรู้เฉพาะเรื่องให้กับแผ่นดิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี