ถ้าเราพูดถึงถนนสาทรเราก็คงคิดถึงตึกสูงแหล่งรวมสถานที่ทำงานของชาวไทยและชาวต่างชาติ และที่สำคัญแหล่งรวมร้านอาหารไทยระดับแนวหน้า ที่ล่าสุดได้ต้อนรับร้านน้องใหม่เพิ่งครบรอบ 1 ปีไปเมื่อไม่นานมานี้ ร้านน้อองใหม่แต่ที่ไม่ใช่มือใหม่ในถนนสายอาหารไทย แต่ประสบความสำเร็จมาจากร้านอาหารอินเดีย Al Saray และร้านอาหารฝรั่งเศส Brasserie 9 ที่หลายคนยกนิ้วให้ ก่อนแตกไลน์สู่ “เรือนนพเก้า” ร้านอาหารไทยที่ชูเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมการกินแบบไทยโบราณไว้อย่างครบเครื่องถึงรสในบรรยากาศนั่งสบายสไตล์โมเดิร์น
สำหรับเดือนเมษายนจะเป็นช่วงที่อากาศร้อนที่สุดของปี หากเราได้กินอะไรที่เย็นๆสดชื่น คงจะดีไม่น้อย และ “ข้าวแช่” ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูฤดูร้อนที่คนส่วนใหญ่เลือกทาน จากการหาข้อมูล พบว่า แต่เดิมข้าวแช่ถูกรังสรรค์ขึ้นมาเพื่อใช้ไหว้ผีไหว้เจ้า ต่อมาได้ถูกปรับสูตรต่างๆจนเหมาะกับการกิน ให้มีหน้าตาที่สวยงาม รสชาติที่น่ากิน กลิ่นที่ชวนให้ลิ้มลองมากขึ้นในสมัยนี้
ซึ่ง “ข้าวแช่” เป็นชื่ออาหารชนิดหนึ่ง มีข้าวสุกขัดแช่น้ำเย็น ซึ่งมักเป็นน้ำดอกไม้ แล้วกินกับเครื่องกับข้าวต่างๆ เช่น ลูกกะปิ พริกหยวกสอดไส้ เนื้อเค็มฝอยผัดหวาน หัวหอมสอดไส้ ผักกาดเค็มผัดหวาน ปลาแห้ง และเครื่องผัดหวานต่างๆ นิยมรับประทานในหน้าร้อน ปัจจุบันอาจใส่น้ำแข็งในข้าวแช่ด้วย
แต่เดิมข้าวแช่เป็นอาหารพื้นบ้านของชาวมอญที่นิยมทำสังเวยเทวดาและถวายพระสงฆ์ ในตรุษสงกรานต์ข้าวแช่เป็นที่รู้จักมากขึ้นจากครั้นเจ้าจอมมารดาซ่อนกลิ่น เจ้าจอมเชื้อสายมอญทาง เจ้าพระมหาโยธา ได้ติดตามรัชกาลที่ 4 ไปถวายราชการที่พระนครคีรี เมืองเพชรบุรี และได้ถ่ายทอดการทำข้าวแช่แก่บ่าวไพร่จนแพร่หลายในจังหวัดเพชรบุรีและในราชสำนัก เมื่อสิ้นรัชกาลรัชกาลที่ 4 ในปี พ.ศ. 2453 แล้ว ข้าวแช่จึงได้เผยแพร่ไปนอกวังและถูกปรับปรุงเพิ่มจนกลายเป็นที่นิยมหลากหลายมากขึ้น
สำหรับ “ข้าวแช่ตำรับเรือนนพเก้า” มีการปรับเปลี่ยนหลายๆ สูตรที่ดีเข้าด้วยกันจนลงตัว ทำให้ถูกปากผู้ใหญ่ในสมัยนี้แม้ แต่คนรุ่นใหม่ก็สามารถเข้าถึงและรู้สึกรื่นรมย์เวลากิน ด้วยบรรยากาศร้านและสถานที่ ไม่ว่าจะเป็น เก้าอี้ โต๊ะ หรือของตกแต่งภายในร้าน ถูกจัดวางไว้อย่างเหมาะสมและหรูหรา ที่สำคัญราคาไม่แพงอย่างที่คิด
โดยสูตรข้าวแช่และเครื่องเคียงนี้ต้องขอชื่นชม “เชฟปิ๊ก” เจ้าของรางวัลเหรียญทองจากการแข่งขันทำอาหารที่มีจิตวิญญาณความเป็นพ่อครัวอาหารไทยอย่างแรงกล้า เราฟังเชฟเล่าเรื่องราวแต่ละขั้นตอนการทำจนเราคนทานก็นึกจินตนาการไปด้วย
ในปีนี้ทางเรือนนพเก้า สาทร ได้รังสรรค์สุดวิจิตรบรรจงลงในภาชนะที่ดูหรูหราล้ำค่า นั่นคือให้บริการด้วยเครื่องเบญจรงค์ลายดอกราชพฤกษ์ ในราคาเบญจรงค์ 15,999 บาทต่อ 1 ชุด ซึ่งทางร้านมีจำหน่ายชุดเบญจรงค์ด้วยแต่ต้องสั่งจองเท่านั้น เพราะเบญจรงค์ชุดนี้จัดทำโดยช่างเขียนชั้นบรมครูของการทำเครื่องเบญจรงค์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เชฟบอกว่า ปีนี้นอกจากความอร่อยที่ไม่เหมือนใคร เชฟปิ๊กเพิ่มความพิเศษให้คุณลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์ การทานข้าวแช่ในชุดเครื่องเบญจรงค์ ลายดอกราชพฤกษ์ ฝีมือช่างศิลป์จากเมืองอยุธยาที่ทำขึ้นพิเศษ เพื่อเสิร์ฟข้าวแช่ที่ร้านอาหารเรือนนพเก้าเท่านั้น
สำหรับตัวข้าว ที่ร้านใช้ข้าวจากสุรินทร์ โดยหนึ่งชุด มีทั้งหมด 3 คอร์ส แต่ละคอร์สเป็นเมนูไทยโบราณคลายร้อน หอม สดชื่น ประกอบไปด้วย
-แตงโมหน้าปลาแห้ง โดยปลาแห้งได้มาจากการนำปลาช่อนแดดเดียวจากจังหวัดสิงห์บุรี นำมาย่างเอง จากนั้นนำมาโขลกให้ฟูหลังจากนั้นนำมาผัดให้แห้งปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย เกลือ หอมแดงเจียว เสิร์ฟพร้อมกับแตงโมแช่เย็น
-ข้าวแช่และเครื่องเคียง 7 อย่าง ซึ่งน้ำข้าวแช่มาจากแหล่งน้ำแร่หมู่บ้านดอยงาม อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย แล้วนำมาฆ่าเชื้อด้วยการต้ม ในอุณหูภูมิ องศาเซียสเซล เป็นเวลา 15 นาที และทิ้งไว้ให้เย็นในโอ่งดินเผาเป็นเวลา 3 วัน
-ลูกกะปิ ใช้กะปิจากระนอง ที่โขลกกะปิ ตะไคร้ กระชาย หัวหอม กะทิ ปั้นเป็นก้อนพอดีคำชุบไข่กับแป้งทอดให้เหลืองและเทคเจอร์เข้ากันอย่างลงตัว
-หอมแดงสอดไส้ปลาแห้ง หอมแดงเป็นหอมแดงจากจังหวัดสุรินทร์ เป็นหอมแดงที่สอดไส้ปลาแห้ง ก่อนนำมาชุบไข่และแป้งลงทอด
-ไข่เค็มชุบแป้งทอด อร่อย มันเค็มไปกับไข่แดงชั้นดีและนำมาชุบแป้งทอด
-พริกหยวกสอดไส้ ไข่ที่ห่อพริกหยวกเชฟจะทอดจนกรอบเป็นตาข่ายสวยงาม นำพริกหยวกมาคว้านเมล็ดยัดไส้หมูสับปรุงรสแล้วนำไปนึ่ง ก่อนห่อด้วยไข่ตาข่าย
-หัวไชโป๊วหอมผัดน้ำมันหมู นำหัวไชโป้วไปผัดกับน้ำตาลมะพร้าว ปรุงรสด้วยน้ำตาลทรายและเกลือ ผัดจนกระทั่งได้เส้นหัวไชโป้วที่มีความวาวใส สวยงาม กรุบกรึบ
-แถมด้วยผักสด ประกอบด้วย มะม่วงเปรี้ยว ต้นหอม กระชาย แตงกวา โดยผักส่วนใหญ่รับมาจากแปลงผักปลอดสารพิษที่มีการปลูกด้วยนวัตกรรมสุดพิเศษ นอกจากนี้ยังมีของหวานอันชื่นใจ อย่าง ส้มฉุน มะยงชิด เป็นเมนูคลายร้อนที่คนไทยในสมัยอดีตนิยมรับประทานในช่วงฤดูร้อน
และปิดท้ายล้างปากด้วยการดื่ม “ชาถวายตัว” โดยชาถวายตัวนี้มีเรื่องราวมาจาก “หม่อมเจ้าสาย ลดาวัลย์” ซึ่งเป็นอัครชายาในหลวงรัชกาลที่ 5 ซึ่งพระองค์ทรงจดบันทึกไว้ว่า ก่อนที่นางในจะถวายตัวให้กับเจ้านายหรือพระมหากษัตริย์จะนิยมดื่มชานี้ เนื่องจากส่วนประกอบของชานี้จะมีใบขลู่ จะช่วยขับของเสียออกจากทางเหงื่อ และเค้าเชื่อกันว่ากลิ่นเหงื่อครั้งที่ 2 จะเป็นกลิ่นดอกไม้หอม เนื่องจากว่าจะมีส่วนประกอบของ ดอกจำปี จำปา ลีลาวดี และกระดังงาไทย ชานมัสการจากสวรรค์บนดิน จังหวัดเชียงราย ชาจากหมู่บ้านดอยงาม ชาจากหมู่บ้านห้วยหินลาดใน และชาจากหมู่แม่จันใต้ ชาทั้งหมดนี้เกิดขึ้นที่ประเทศไทยเท่านั้น หลังจากดื่มไปแล้วกลิ่นตัวหญิงสาวจะหอมอบอวบไปทั้งกายคะ นี่คือเรื่องเล่าจากในอดีตมายาวนานสำหรับเรื่องชาถวายตัว
ทั้งหมดนี้ราคาเพียงท่านละ 699 ++ บาท (เฉพาะทานที่ร้านเท่านั้น ซึ่งจะมีเสิร์ฟเอ็กซ์คลูซีฟเพียง 18 ชุดต่อวัน ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม ถึง 31 พฤษภาคม 2564 มื้อกลางวัน ตั้งแต่เวลา 11.30 รอบสองเวลา 15.00 น.) สำหรับชุดกลับบ้าน ข้าวแช่และเครื่องเคียงจัดใส่ไว้ในตะกร้าสาน พร้อมขนมทองนพเก้า 1 กล่อง ในราคาเพียง 1,299 บาทถ้วน ต่อ 2 ท่าน เรามีชุดสำหรับคุณลูกค้ามุสลิมด้วย สามารถสั่งจองล่วงหน้าได้เช่นกัน
สำรองที่นั่ง/ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ร้านอาหาร เรือนนพเก้า สาทร ซอย 6 โทร : 02 116 3317 , Facebook: https://www.facebook.com
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี