เชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นโรคระบาดที่ทุกคนหวาดกลัวกันในปัจจุบัน อย่างที่เราทราบกันว่าทำให้มีอาการทางระบบทางเดินหายใจเป็นหลัก เช่น จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส น้ำมูก ไอ เจ็บคอ ไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และถ้าลงไปที่ปอดก็จะทำให้มีอาการไอ เหนื่อย หายใจลำบากได้ เพราะปอดอักเสบ แต่หลายๆ คนก็สามารถมีอาการทางตาได้ 0.8-31.6%
“ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ” ที่คำโบราณกล่าวไว้ อาจจะมีส่วนจริงหลายอย่าง ข้อมูลจาก นพ.ธีรวีร์หงษ์หยก จักษุแพทย์ ให้ข้อมูลว่า ในกรณีโควิดนี้ ดวงตาก็เป็นเหมือน “หน้าต่าง” ให้ไวรัสร้าย เข้ามาหาเราได้เพราะเยื่อบุตาอันแสนบอบบางนักเมื่อเทียบกับปราการทางผิวหนังที่หนากว่า ทำให้เชื้อโรคร้ายแทรกเข้าไปได้ยากกว่า
คนที่เอามือไม่สะอาดมาจับตา ขยี้ตา จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคทางตา ได้หลายอย่าง โดยเฉพาะ “ตาแดง” (ที่ฝรั่งเรียก pink eye) หรือที่หมอตาเรียกว่า “เยื่อบุตาอักเสบ” ซึ่งพบได้หลายสาเหตุ ที่พบได้บ่อยที่สุดและติดต่อได้ง่าย คือ เยื่อบุตาอักเสบจากไวรัส ปกติจะเป็น adenovirus ที่พบได้บ่อยแต่ช่วงนี้อย่างที่เราตระหนักกันว่าโควิดระบาด เชื้อ coronavirus ก็ทำให้ตาแดงได้เช่นกัน ซึ่งอาจเป็นแค่อาการเดียวของผู้ป่วยโควิด หรือเป็นอาการนำของโรคก็ได้ มักเป็นทั้ง 2 ตาหลังอาการทางระบบทางเดินหายใจ 2-21 วัน โดยจะมีอาการตาแดง น้ำตาไหล ระคายเคืองหรือคันตาอาจมีขี้ตาร่วมด้วยได้บ้างโดยเฉพาะตอนเช้า แล้วโดยที่แดงค่อนข้างห่างจากตาดำ ที่เยื่อบุตาขาวหมอตาจะพบตุ่มใสๆ หรือ follicle ร่วมด้วยได้
สำหรับการรักษา ประคับประคองตามอาการ ตาแดงมักจะหายเองได้ใน 1-2 สัปดาห์ อาจประคบเย็นถ้ามีอาการมาก ให้รักษาความสะอาดเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไปสู่คนอื่น ผ้าหรือปลอกหมอนที่โดนน้ำตาอย่าใช้ร่วมกับคนอื่น ถ้าน้ำตาไหลให้ซับด้วยทิชชู่ ทิ้งลงถังขยะ แล้วไปล้างมือสะอาด ไม่เอาน้ำตาไปป้ายสู่พื้นผิวอื่นๆ งดการใส่คอนแทคเลนส์ งดว่ายน้ำ ถ้าจะมาตรวจตาแนะนำให้ปรึกษาทาง Telemedicine ก่อนได้ ซึ่งมีใช้กันหลายโรงพยาบาลทั้งรัฐบาลและเอกชน หมอตาจะสามารถแยกได้ว่าเป็นตาแดง ที่น่าจะหายเองได้ หรือตาแดงจากภาวะที่อันตรายกับการมองเห็นจำเป็นต้องมาตรวจที่โรงพยาบาล
การป้องกันเยื่อบุตาอักเสบจากไวรัส ด้วยการสร้างสุขนิสัยที่ดีถ้ามือไม่สะอาดห้ามเอามาจับหน้าหรือดวงตา ควรล้างมือให้สะอาดก่อนทุกครั้ง สำหรับคนที่มีภูมิแพ้ที่ตาควรได้รับรักษา ให้ควบคุมภูมิแพ้ที่ตาให้ดีโดยการดูแลสิ่งแวดล้อมไม่ขยี้ตา ประคบเย็นเมื่อมีอาการคันตาแทนการขยี้ตา หยอดน้ำตาเทียม พบหมอตา และปรึกษาหมอภูมิแพ้ช่วยดูแลรักษา เพราะการที่ภูมิแพ้ไม่ได้ดูแลควบคุม จะมีโอกาสเอามือมาจับตาได้บ่อยขึ้น และก่อโรคตาตามมาได้หลายอย่าง ส่วนการใส่แว่นอาจจะปกป้องดวงตาได้ ในหลายสถานการณ์และป้องกันมือที่ไม่สะอาดเผลอมาโดนตาได้บางส่วนด้วย แต่ในทางตรงข้ามการใส่คอนแทคเลนส์อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการมีเยื่อบุตาอักเสบเพราะเป็นสิ่งแปลกปลอมถูไถที่ตา และเพิ่มโอกาสพาเชื้อโรคจากมือมาสู่ตาได้ง่ายขึ้น
ในคนไข้โรคโควิด-19 นอกจากมีอาการทางตาแล้วยังมีอาการทางผิวหนังเป็นผื่นได้ด้วย ข้อมูลจาก พญ.แพรวพรรณ บุณยรัตพันธุ์ แพทย์ชำนาญการพิเศษ สถาบันบำราศนราดูร เปิดเผยว่า ผื่นในกลุ่มคนไข้โควิด เริ่มมีรายงานครั้งแรกจากทางประเทศอิตาลีในปีที่แล้วช่วงเดือนมีนาคม และเริ่มมีรายงานออกมาเรื่อยๆ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นทางประเทศยุโรปกับทางอเมริกาเป็นหลัก อุบัติการของผื่นในแต่ละประเทศก็ค่อนข้างแตกต่างกันอย่างเช่น ประเทศจีนรายงานเพียง 0.2% ประเทศอิตาลีรายงานถึง 20% ส่วนในประเทศอินเดียอยู่ที่ 7% ส่วนที่สถาบันบำราศนราดูร ช่วงปีที่แล้วเราพบคนไข้ 5 รายจาก 200 กว่าราย (2.5%) มีผื่นช่วงที่เป็นโควิดแต่ผื่นส่วนใหญ่เราสงสัยจากการแพ้ยา
ผื่นที่มีรายงานออกมาก็ค่อนข้างหลากหลาย ส่วนใหญ่เป็นผื่นที่เราเจอได้ในกลุ่มคนไข้ที่ติดเชื้อไวรัส ได้แก่
l ผื่นที่มีรายงานมากที่สุดก็คือผื่น “COVID-toe” ซึ่งมีลักษณะเป็นปื้นแดงบางทีออกม่วงคล้ำบริเวณปลายมือปลายเท้าผื่นชนิดนี้มีรายงานออกมามากที่สุดแต่มักพบมากที่ทางยุโรปกับอเมริกา ในประเทศเอเชียมีรายงานรวบรวมไว้ว่าพบรายงานคนไข้เพียงแค่หนึ่งคนจากอินเดีย ส่วนตัวที่คุณหมอได้ดูแลคนไข้ที่สถาบันบำราศนราดูรและได้รายงานตีพิมพ์ไม่ได้พบผื่นชนิดนี้ และรายงานจากทาง รพ.จุฬาลงกรณ์ ก็ไม่พบผื่นชนิดนี้เช่นกัน
l ผื่นที่มีลักษณะเป็นตุ่มแดงผสมกับจุดแดงรวมกัน หรือMaculopapular rash (MP rash)ผื่นชนิดนี้จริงๆ พบได้ในการติดเชื้อไวรัสตัวอื่นๆ มีตั้งแต่ไม่มีอาการถึงมีอาการคันร่วมด้วย
l ผื่นมีลักษณะเป็นตุ่มน้ำ(Vesicular rash) โดยพบแบบที่พบในโรคสุกใสคือค่อยๆ ขึ้นมา ทำให้ตุ่มน้ำมีหน้าตาหลายแบบ หรือแบบขึ้นพร้อมกันก็ได้
l ผื่นแบบลมพิษ (Urticarial rash) ลักษณะนูนแดง บวมๆ ยุบๆมีอาการคันร่วมได้
l ผื่นร่างแหแบบที่ต่อกันไม่ครบวง (Livedo racemose) และครบวง (Livedo reticularis)
l Retiform purpura และกลุ่ม vasculitis ที่เกิดจากหลอดเลือดอักเสบ มักเจอในคนไข้ที่ป่วยหนักๆ
l นอกจากนี้ ยังมีผื่นอีกหลายแบบที่มีรายงาน แต่เป็นการรายงานคนไข้เพียง 1 ราย หรือไม่กี่ราย
การรักษา เน้นรักษาตัวโรคโควิด-19 และผื่นนั้นจะรักษาตามอาการ ไข้ อาการทางระบบทางเดินหายใจ และ “ความเสี่ยง” ยังเป็นอาการหลักและปัจจัยหลัก ถ้าหากมีอาการดังกล่าวและมีประวัติเสี่ยงร่วมกับมีผื่น แนะนำให้ไปพบแพทย์
ในช่วงวิกฤตการระบาดของไวรัสโควิด-19 นี้ ขอให้ทุกท่านสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง ตรวจคัดกรองอุณหภูมิ สแกนไทยชนะหากต้องเดินทางไปนอกบ้าน และถ้าไม่จำเป็นก็ให้ล็อกดาวน์ตัวเองอยู่บ้านในช่วงนี้
ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี