การบำรุงเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดโดยเฉพาะผู้มีบุตรยากไม่ว่าจะเตรียมตัวทำIUI, IVF, ICSI หรือวางแผนท้องธรรมชาติหัวใจหลักคือต้องเตรียมตัว "บำรุงก่อนตั้งครรภ์" ล่วงหน้าอย่างน้อย3เดือน" ก่อนเข้าสู่กระบวนการทางการแพทย์
“ครูก้อย”นัชชาลอยชูศักดิ์ที่ปรึกษาผู้มีบุตรยากและผู้ก่อตั้งเพจBabyandmom.co.th
ยืนหนึ่งในใจผู้มีบุตรยากเพจที่ให้ความรู้และการเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์สำหรับผู้มีบุตรยากตามหลักวิทยาศาสตร์ที่ได้ศึกษาและรวบรวมงานวิจัยเกี่ยวกับหลักโภชนาการในการรับประทานอาหารที่จะช่วยเสริมภาวะเจริญพันธุ์ช่วยบำรุงไข่บำรุงมดลูกและปรับสมดุลฮอร์โมนเพื่อเตรียมพร้อมก่อนการตั้งครรภ์จนได้รับความไว้วางใจจากผู้มีบุตรยากมายาวนาน
“ครูก้อย” ได้รวบรวมหลักโภชนาการเสริมภาวะเจริญพันธุ์ (Fertility Diet) หรือเรียกว่า "คัมภีร์อาหารของครูก้อย" นั้นคือการทานอาหารให้หลากหลายและครบ5 หมู่ประกอบไปด้วยอาหารหมู่หลัก (Macronutrients) 70% และเสริมวิตามินและแร่ธาตุ (Micronutrients) 30% โดยสรุปออกมาเป็น6 วิธีบำรุงเตรียมตั้งครรภ์สำหรับผู้มีบุตรยากดังนี้
1.เพิ่มโปรตีน
โปรตีนเป็นสารอาหารที่สำคัญที่สุดในการสร้างและซ่อมแซมเซลล์การบำรุงไข่ให้ได้ไข่โตสวยสมบูรณ์ไข่ตกตามปกติและผนังมดลูกที่แข็งแรงนั้นผู้หญิงเตรียมตั้งครรภ์ต้องทานโปรตีนให้เพียงพอต่อวันคือ1.5กรัมต่อน้ำหนักตัว1กิโลกรัมโดยควรเลือกทานโปรตีนจากแหล่งที่ให้โปรตีนชั้นดีให้โปรตีนสูงและปลอดภัยโปรตีนจากสัตว์เช่นไข่เนื้อปลานมแพะอกไก่โปรตีนจากพืช (Plant-Based Protein) เช่นถั่วเหลืองอัลมอนด์งาดำควินัวเมล็ดฟักทองเป็นต้น
มีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารAmerican Journal of obstetrics and gynecology เมื่อปี2008 ศึกษาพบว่าผู้หญิงที่เปลี่ยนการรับประทานโปรตีนจากสัตว์มาเป็นโปรตีนจากพืชอาจช่วยลดความเสี่ยงจากการมีบุตรยากเนื่องปัญหาเรื่องไข่ไม่ตกได้ถึง50% ซึ่งส่งผลต่ออัตราความสำเร็จในการทำเด็กหลอดแก้วและอัตราการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติด้วย
2. ลดคาร์บ
ลดคาร์บหรือคาร์โบไฮเดรตคนไทยนั้นทานข้าวเป็นอาหารหลักแต่ถ้าเน้นข้าวขาวเยอะไปเมื่อทานเข้าไปร่างกายจะเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาลเมื่อร่างกายเผาผลาญไม่หมดจะส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นซึ่งการทำงานของร่างกายนั้นจะเปลี่ยนกลูโคสที่มีมากเกินไปให้กลายเป็นไขมันมีความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานชนิดที่2และโรคอ้วนซึ่งโรคเหล่านี้ส่งผลต่อการตั้งครรภ์ยากทั้งสิ้น
จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารNutrients เมื่อปี2017ศึกษาพบว่าการทานอาหารแบบลดคาร์บประเภทRefined Carb ลง (Low Carbohydrate Diets) ช่วยลดระดับอินซูลินส่งผลต่อฮอร์โมนที่สมดุลวงจรการตกไข่เป็นปกติขึ้นทำให้มีอัตราการตั้งครรภ์สูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับคนที่รับประทานอาหารตามปกติอีกทั้งยังลดความเสี่ยงการเป็นโรคเบาหวานและโรคอ้วนอีกด้วยยิ่งไปกว่านั้นจากงานวิจัยศึกษาพบว่าการลดคาร์บลงในการรับประทานอาหารต่อวันและเสริมโปรตีนเพิ่มขึ้นยังช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จจากการทำเด็กหลอดแก้วได้สูงถึง83%
ดังนั้น“ครูก้อย ”จึงแนะนำผู้หญิงที่เตรียมตั้งครรภ์ควรเลือกทานคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนหรือคาร์โบไฮเดรตที่ไม่ขัดสี (Complex Carb) ได้แก่ข้าวกล้องควินัวธัญพืชที่ช่วยเสริมภาวะเจริญพันธ์ (Fertility) เช่นอัลมอนด์แฟล็กซีดและลูกเดือยให้คาร์บเชิงซ้อนและยังให้โปรตีนและกรดไขมันดีและงาดำซึ่งมีสาร "เซซามิน" สูงซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยปกป้องเซลล์ไข่ให้สวยและทานเมล็ดฟักทองวันละละ1 กำมือช่วยเพิ่มZinc บำรุงไข่ให้สุกและไข่ตกตามปกติโปรตีนสูงไฟเบอร์สูงให้กรดไขมันดีและช่วยลดคอเลสเตอรอลได้อีกด้วย
3. งดหวาน
น้ำตาลคือตัวร้ายทำลายเซลล์รวมไปถึงเซลล์ไข่ของผู้หญิงมีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารFertility and Sterility เมื่อปี2012ศึกษาพบว่าการทานอาหารแบบเพิ่มโปรตีนและลดคาร์บลง(เนื่องจากร่างกายจะเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาล)ส่งผลให้ลดระดับน้ำตาลในเลือดลงได้การทานแบบลดน้ำตาลลงนี้มีอัตราการตั้งครรภ์เพิ่มขึ้นจาก16.6%เป็น83%เลยทีเดียว
โดย“ครูก้อย”แนะนำคนวางแผนท้องที่อยู่ในช่วงบำรุงไข่ต้องงดหวานโดยเด็ดขาดโดยหากต้องการความหวานควรเลือกทาน "น้ำผึ้งชันโรง" และ "น้ำอินทผลัม”เพราะเป็นความหวานที่มีประโยชน์ปลอดภัยไม่เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด
น้ำผึ้งชันโรงเป็นน้ำหวานจากตัวชันโรงเป็นแมลงตัวเล็กๆที่ไม่มีเหล็กใน ( Stingless bee) ซึ่งตัวชันโรงจะกินน้ำหวานจากเกสรดอกไม้เท่านั้นไม่เหมือนผึ้งเลี้ยงที่กินน้ำตาลจึงทำให้น้ำผึ้งที่ได้มีวิตามินและสารอาหารที่หลากหลายและให้สารต้านอนุมูลอิสระ "ฟีนอลิก" (Phenolic) สูงกว่าน้ำผึ้งทั่วไป5-10 เท่าช่วยปกป้องเซลล์ไข่ให้สมบูรณ์ลักษณะสีของน้ำผึ้งชันโรงและรสชาติเปรี้ยวอมหวานเกิดจากการหมักบ่มตามธรรมชาติและยังมี "โพรไบโอติกส์" (Probiotics) และ "พรีไบโอติกส์" (Prebiotics)จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อลำไส้และมดลูกอีกด้วย
จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารBrazilian Journal of Phamacognosyเมื่อปี2016ศึกษาถึงสรรพคุณของน้ำผึ้งชันโรงต่อfertility พบว่าน้ำผึ้งชันโรงช่วยลดความเครียดซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการท้องยากเพราะเมื่อเราเครียดร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนความเครียดที่ชื่อว่าคอร์ติซอลออกมาและจะขัดขวางสมดุลของฮอร์โมนเพศนอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มโปรเจสเตอร์โรนหรือฮอร์โมนเพศหญิงและเพิ่มอัตราสำเร็จของการตั้งครรภ์อีกด้วย
น้ำอินทผลัมมีธาตุเหล็กและไฟเบอร์สูงผู้หญิงที่เตรียมตั้งครรภ์ควรดื่มเพื่อเพิ่มธาตุเหล็กป้องกันภาวะโลหิตจางและยังเหมาะสำหรับผู้หญิงที่ใส่ตัวอ่อนเพราะช่วยในการฝังตัวของตัวอ่อนและช่วยลดอาการท้องผูกนอกจากนี้ยังมีฟีลกูลีนช่วยบำรุงสเปิร์มสำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์ควรดื่มก่อนคลอดน้ำอินทผลัมช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงคลอดง่ายและยังช่วยกระตุ้นน้ำนมเป็นการเตรียมน้ำนมให้พร้อมสำหรับลูกน้อย
4. ทานกรดไขมันดี
ไขมันดี (HDL) หรือไขมันไม่อิ่มตัว (unsaturated fat) หรือโอเมก้า 3 มีความจำเป็นอย่างมากต่อระบบสืบพันธุ์เพศหญิงโดยร่างกายต้องใช้ไขมันดีในการผลิตฮอร์โมนเพศหากร่างกายไม่ได้รับไขมันดีอย่างเพียงพอร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเพศได้น้อยลงส่งผลให้ฮอร์โมนไม่สมดุลซึ่งมีในปลาทะเลFish Oil อะโวคาโดธัญพืชจำพวกงาดำแฟล็กซีดและอัลมอนด์เมล็ดฟักทองน้ำมันมะกอกน้ำมันเมล็ดดอกคำฝอยเป็นต้น
จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารThe American Journal of Clinical Nutrition เมื่อปี 2016 ศึกษาพบว่าการรับประทานการรับประทานโอเมก้า 3 ช่วยให้ฮอร์โมนสมดุลการตกไข่เป็นปกติและยังช่วยให้ไข่มีคุณภาพนอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนตัวสำคัญในการทำให้มดลูกหนาตัวเตรียมพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์อีกด้วยยิ่งไปกว่านั้นสำหรับผู้หญิงที่ต้องใช้กระบวนการทางการแพทย์ในการทำเด็กหลอดแก้วการได้รับโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ล่วงหน้าก่อนเข้าสู่กระบวนการส่งผลต่ออัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์อีกด้วย
5. เน้นสารแอนตี้ออกซิแดนท์
สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) หมายถึงสารที่ช่วยต่อต้านหรือกำจัดอนุมูลอิสระ (Free Radicals) ในร่างกายมีงานวิจัยศึกษาถึงประโยชน์ของสารต้านอนุมูลอิสระที่มีผลต่อภาวะเจริญพันธุ์พบว่าการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระจะเข้าไปขัดขวางการทำลายเซลล์จากอนุมูลอิสระยังช่วยชะลอความเสื่อมสภาพของเซลล์ต่างๆจึงช่วยลดความเสื่อมสภาพของร่างกายช่วยคงความอ่อนเยาว์และมีอายุที่ยืนยาวมากขึ้นโดยอาหารที่ให้สารต้านอนุมูลอิสระสูงได้แก่ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ส้มมะนาวมะกรูดผักผลไม้เช่นผักเคลผักโขมกะหล่ำม่วงมะเขือเทศบีทรูทแครอททับทิมธัญพืชเช่นถั่วต่างๆงาดำควินัวแฟล็กซีด
จากการศึกษาพบกว่าน้ำมะกรูดคั้นสดอุดมไปด้วยมีวิตามินซีสูงไบโอฟลาโวนอยด์ (Bioflavonoids) และสารต้านอนุมูลอิสระเควอซิทีน (Quercetin) สูงที่สุด
“ไบโอฟลาโวนอยด์”หรือ “วิตามินพี”เป็นวิตามินที่จำเป็นต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมวิตามินซีและยังช่วยสร้างความแข็งแรงให้กับเนื้อเยื่อเกี่ยวพันและเส้นเลือดฝอยโดยเฉพาะบริเวณมดลูกที่มีเส้นเลือดหล่อเลี้ยงจำนวนมากทำให้มดลูกแข็งแรงเพราะมีเลือดไปเลี้ยงอย่างเพียงพอส่งผลให้ตัวอ่อนฝังตัวง่ายขึ้นและช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันลดการอักเสบและการติดเชื้อของเนื้อเยื่อโดยเฉพาะที่มดลูกซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งของการแท้งในระยะเริ่มต้นและ “ไบโอฟลาโวนอยด์”ยังไปเสริมการทำงานของวิตามินซีที่ช่วยเรื่องการเพิ่มระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สำคัญในการตั้งครรภ์
สอดคล้องกับงานวิจัยจากThe University of Texas ที่ศึกษาพบว่าผู้หญิง53%ที่ทานอาหารวิตามินซีและไบโอฟลาโวนอยด์สูงจะมีช่วงลูเตียลเฟส (Luteal Phase) ยาวขึ้นลูเตียลเฟสคือระยะหลังการตกไข่ที่ระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนสูงขึ้นร่างกายจะสร้างมดลูกให้หนาขึ้นพร้อมรับการฝังตัวของตัวอ่อนหากช่วงระยะเวลานี้สั้นโอกาสในการฝังตัวของตัวอ่อนก็ลดลง
อีกทั้งในน้ำมะกรูดคั้นสดยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ"เควอซิทีน" สูงที่สุดโดยการศึกษาเปรียบเทียบปริมาณ“สารเควอซิทิน”ในผักผลไม้รสเปรี้ยวชนิดต่างๆพบว่าในมะกรูดมีสารเควอซิทินสูงที่สุดถึง43±9มิลลิกรัมต่อมะกรูด100กรัมซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระเควอซิทีนมีสรรพคุณในการช่วยบำรุงเซลล์ไข่ป้องกันเซลล์ไข่จากการถูกทำลายจากอนุมูลอิสระทำให้ไข่สวยสมบูรณ์เพิ่มโอกาสตั้งครรภ์
ยังมีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารOncotargetเมื่อปี2017ศึกษาพบว่าสารเควอซิทินช่วยลดการเสื่อมสภาพของเซลล์ไข่โดยปริมาณสารต่อต้านอนุมูลอิสระ“Quercetin”ที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้เปอร์เซ็นต์ความผิดปกติของเซลล์ไข่ลดลงอย่างมากโดยเฉพาะการเลี้ยงไข่ที่24ชั่วโมงจะเห็นว่าหากไม่มี “สารต้านอนุมูลอิสระเควอซิทิน”ไข่จะฝ่อเสียเกือบ80%แต่ในกรณีที่มีเควอซิทินเพียง10ไมโครโมลาร์จะช่วยลดความเสียหายได้เกือบครึ่งหนึ่งซึ่งอาจเพิ่มโอกาสในความสำเร็จจนถึงระดับบลาสโตซีสต์ได้อีกเท่าตัว
นอกจากนี้อนุมูลอิสระจะสร้างความเสียหายต่อเซลล์ไข่ได้มากยิ่งขึ้นในกระบวนการ “ทำเด็กหลอดแก้ว”เนื่องจากเซลล์ไข่ที่เก็บออกมาจะไม่มีของเหลวที่เรียกว่า “follicular fluid” ป้องกันอยู่เหมือนในร่างกายมนุษย์ทำให้เซลล์ไข่ถูกทำลายและเสื่อมสภาพเร็วขึ้นดังนั้นผู้หญิงที่มีบุตรยากนอกจากจะบำรุงเซลล์ไข่ให้สมบูรณ์ที่สุดเพื่อจะได้มีวัตถุดิบที่มีคุณภาพแล้วต้องป้องกันเซลล์ไข่ให้ถูกทำลายน้อยที่สุดก่อนเข้ากระบวนการทางการแพทย์ด้วยการทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ
6. เสริมวิตามินบำรุง
จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารClinical Medicine Insight Women's Healthเมื่อปี2019 ได้รวบรวมผลการศึกษาถึงความสำคัญของMicronutrients ซึ่งได้แก่ "วิตามินและแร่ธาตุ" ที่จำเป็นที่ผู้หญิงวางแผนท้องที่ควรได้รับล่วงหน้าก่อนตั้งครรภ์งานวิจัยศึกษาพบว่าสาเหตุของภาวะมีบุตรยากนอกจากการทานอาหารที่ไม่ถูกหลักโภชนาการแล้วการขาดวิตามินและแร่ธาตุก็เป็นสาเหตุหลักประการหนึ่งเพราะวิตามินและแร่ธาตุมีบทบาทสำคัญในการช่วยเสริมให้ระบบต่างๆในร่างกายให้ทำงานได้อย่างปกติและสมบูรณ์รวมถึงระบบสืบพันธุ์การได้รับวิตามินและแร่ธาตุที่เพียงพอนอกจากจะส่งผลให้ผู้หญิงมีลูกง่ายขึ้นแล้วยังช่วยลดความเสี่ยงทารกพิการแต่กำเนิดอีกด้วยซึ่งผู้หญิงวางแผนท้องควรทานวิตามินบำรุงต่อเนื่องล่วงหน้าอย่างน้อย3 เดือนก่อนตั้งครรภ์โดย ครูก้อย ขอแนะนำ โอวาออลล์(OVA ALL)สำหรับสตรี
วางแผนตั้งครรภ์ที่มีวิตามินและแร่ธาตุครบถ้วนในซองเดียว ประกอบด้วย 4 เม็ด ได้แก่
ดังนั้น การได้รับวิตามินและแร่ธาตุที่เพียงพอ "ก่อนการตั้งครรภ์" จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อโอกาสในการตั้งครรภ์และยังส่งผลต่อการเจริญเติบโตของตัวอ่อนที่สมบูรณ์ และนี่คือ6 วิธีบำรุงเตรียมตั้งครรภ์สำหรับผู้มีบุตรยากที่ครูก้อยได้ศึกษาและรวบรวมงานวิจัยเกี่ยวกับหลักโภชนาการโดยเน้นอาหาร70% วิตามิน30% “อาหารก็ต้องกินวิตามินก็ห้ามขาด"บำรุงก่อนเตรียมตั้งครรภ์ล่วงหน้า3 เดือนยิ่งบำรุงอย่างถูกต้องถูกวิธีและต่อเนื่องโอกาสประสบความสำเร็จในการตั้งครรภ์และเป็นครรภ์ที่สมบูรณ์แข็งแรงก็จะมีมากขึ้น“ครูก้อย”นัชชาลอยชูศักดิ์กล่าวทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี