ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส เพิ่งออกมายอมรับว่า ฝรั่งเศสมีส่วนต้องรับผิดชอบ ต่อเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์รวันดาในปี 1994 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 800,000 คน และขอให้ชาวรวันดาให้อภัยต่อบทบาทของฝรั่งเศสที่มีต่อเหตุการณ์ดังกล่าว
ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงเดินทางไปเยือนรวันดา เพื่อเริ่มฟื้นความสัมพันธ์ใหม่ของทั้งสองประเทศ นับเป็นผู้นำคนแรกของฝรั่งเศสที่มาเยือนรวันดาในรอบ 15 ปี ในวันที่ มาครง ไปถึง ถนนในกรุงคิกาลี เงียบสงบ ไม่มีป้ายต้อนรับ หรือธงประดับตกแต่งใดๆ ที่โดยปกติมักจะมีเมื่อแขกระดับสูงมาเยือน แสดงถึงความรู้สึกของชาวรวันดาต่อการมาเยือนของผู้นำฝรั่งเศสได้เป็นอย่างดี
คำกล่าวยอมรับความรับผิดชอบต่อบทบาทที่ฝรั่งเศสมีต่อเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวรวันดาของ มาครง มีขึ้นระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่อนุสรณ์สถานการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คิกาลี ซึ่งมีเหยื่อ 250,000 คนถูกฝัง ประธานาธิบดีมาครง ยอมรับว่า ในตอนนั้นฝรั่งเศสไม่รับฟังคำเตือนถึงการสังหารหมู่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในรวันดา พร้อมกับยืนยันว่าฝรั่งเศสไม่ใช่ผู้สมรู้ร่วมคิด ในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ครั้งนั้น แต่ฝรั่งเศสมีหน้าที่ต้องยอมรับความทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้นกับชาวรวันดา จากการใช้เวลาสืบสวนและตรวจสอบความจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนานเกินไป
รวันดาเป็นประเทศเล็กๆ ที่อยู่ทางระหว่างตอนกลางและตะวันออกของทวีปแอฟริกา ประชากรส่วนใหญ่เป็นชนเผ่าฮูตูประมาณ 80% ขณะที่ชาวทุตซีซึ่งมีน้อยกว่า มีผิวขาวกว่าเป็นชนชั้นปกครองและได้รับอภิสิทธิ์ต่างๆ มากกว่าชาวฮูตู เหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในรวันดาเมื่อ 27 ปีก่อน เกิดจากความขัดแย้งระหว่างชนเผ่าฮูตูและชนเผ่าทุตซีในช่วงที่เบลเยียมปกครองรวันดา ในปี 1933 รัฐบาลอาณานิคมเบลเยียมซึ่งหนุนหลังชาวทุตซี ได้ออกบัตรประจำตัวประชาชน ที่ระบุเชื้อชาติชัดเจน ว่าใครเป็นชาวฮูตู หรือทุตซี
หลังจากได้รับเอกราชจากเบลเยียม ชาวฮูตูจึงโค่นล้มชนชั้นปกครองเผ่าทุตซี และขับไล่ออกจากประเทศ หรือกดขี่ผู้ที่ยังอยู่ในประเทศต่อไป
สถานการณ์มาถึงจุดแตกหัก เมื่อเครื่องบินที่มีชูเวนาล ฮับยาริมานา ประธานาธิบดีรวันดา ซึ่งเป็นชาวฮูตู ประธานาธิบดีรวันดา และไซเปรียน ทายามิรา ประธานาธิบดีของบุรุนดี โดยสารอยู่ ถูกยิงตกทำให้ผู้โดยสารทั้งหมดเสียชีวิต สื่อมวลชนเริ่มโหมประโคมข่าวว่า พวกทุตซีเป็นคนสังหารฮับยาริมานาพร้อมเรียกร้องให้ชาวฮูตูสังหารชาวทุตซีทุกคนที่พบ หากชาวฮูตูผู้ใดเพิกเฉยต่อเรื่องนี้ ถือว่าเป็นผู้ทรยศและจะต้องถูกสังหารเช่นเดียวกัน การล่าสังหารชาวทุตซีและชาวฮูตูสายกลางก็เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 7 เมษายน 1994 ขณะที่ชาวทุตซีระบุว่าชาวฮูตูเป็นผู้สังหารฮับยาริมานาเพื่อใช้เป็นเหตุผลในการไล่สังหารพวกเขา
กลุ่มหัวรุนแรงเผ่าฮูตู คือกองกำลังติดอาวุธรวันดา (FAR) และขบวนการพันธมิตรตรวจสอบบัตรประชาชนที่บ่งบอกว่าใครเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ใด เพื่อให้สังหารชาวทุตซีได้ง่ายขึ้นหากใครไม่มีบัตรประชาชนก็สังเกตจากสีผิวที่อ่อนกว่า และสังหารไม่เว้นแม้แต่ทารกการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์รวันดากินเวลา 100 วันผู้เสียชีวิตถึง 800,000 คน คร่าชีวิตชาวทุตซีไป70% มีการข่มขืนกระทำชำเราเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางทำให้ยอดผู้ติดเชื้อเอชไอวีพุ่งสูงขึ้น ทำลายโครงสร้างพื้นฐานและการลดประชากรของประเทศอย่างรุนแรงและทำให้เศรษฐกิจเป็นอัมพาต
ขณะนั้น สหประชาชาติ หรือ UN และเบลเยียมมีกองกำลังอยู่ในรวันดา แต่ UN ไม่ได้รับคำสั่งให้หยุดยั้งการฆ่าล้างในครั้งนั้น ซึ่งเป็นช่วงหนึ่งปีหลังจากทหารสหรัฐฯ ถูกสังหารในโซมาเลีย ทำให้พวกเขาตั้งใจจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งในแอฟริกาอีกไม่นาน เบลเยียมและกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาติถอนตัวหลังจากทหารเบลเยียม10 คน ถูกสังหารในเหตุลอบสังหารรองประธานาธิบดีหญิงของรวันดา UN ทำได้เพียงจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจเพื่อการดูแลผู้อพยพออกจากรวันดาเพียง 250 คนเท่านั้นเพราะทางสหรัฐฯเห็นว่าเหตุร้ายที่เกิดขึ้นในรวันดา เป็นเพียงการจลาจลของประชาชน มิใช่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
หลังจากเหตุการณ์ผ่านไปสามเดือน กว่าที่ทาง UN จะตัดสินใจส่งกองกำลังทหาร 5,000 คนเข้าสู่รวันดา เหตุการณ์ก็จบลงไปก่อนแล้ว ขณะที่ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นพันธมิตรกับรัฐบาลฮูตูในตอนนั้น ส่งกองกำลังพิเศษเพื่อไปช่วยเหลืออพยพคนชาติตัวเองและจัดตั้งพื้นที่ปลอดภัยในเวลาต่อมา พวกเขาถูกกล่าวหาว่าไม่พยายามเพียงพอที่จะหยุดยั้งการสังหารหมู่
การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยุติลงหลังกลุ่มแนวร่วมรักชาติรวันดา (RPF) นำโดย พอล คากาเมชาวเผ่าทุตซี ซึ่งเป็นประธานาธิบดีคนปัจจุบัน เริ่มการโจมตีครั้งใหญ่ โดยเน้นโจมตีที่ทำการรัฐบาล แต่หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าที่จะกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ พวกเขาได้รับการสนับสนุนจากกองทัพรวันดาค่อยๆ ยึดคืนพื้นที่ จนกระทั่งบุกยึดกรุงคิกาลีเป็นผลสำเร็จ ปิดฉากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ลง ท่ามกลางซากปรักหักพัง และกองซากศพทั่วประเทศ หลังเหตุการณ์ดังกล่าว รัฐบาลรวันดาให้ประชาชนระบุตัวตนในบัตรประชาชนว่าเป็นชาวรวันดาเท่านั้น และมีการตั้งศาลอาญาระหว่างประเทศในกรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ เมื่อปี 2002
เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีมาครง ตกลงจะเปิดจดหมายเหตุรวันดาของอดีตประธานาธิบดีฟรองซัวส์ มิตเตอร์รองด์ ผู้นำฝรั่งเศส ที่อยู่ในอำนาจระหว่างการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์รวันดา หลังจากนั้นไม่นาน รวันดาก็ออกรายงานระบุว่า ฝรั่งเศสรู้ล่วงหน้าว่าจะมีการเตรียมการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แต่เจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสยังให้อาวุธ ให้คำปรึกษา ช่วยฝึกและให้การปกป้องรัฐบาลรวันดาในขณะนั้น
ทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศสเปิดเผยว่ามาครง จะเสนอชื่อเอกอัครราชทูตคนใหม่ประจำรวันดาซึ่งจะเป็นทูตฝรั่งเศสคนแรกที่ได้รับการรับรองตั้งแต่ปี 2015 หลังจากทางการรวันดาสั่งปิดสถานทูตฝรั่งเศสในกรุงคิกาลี เนื่องจากผู้พิพากษาฝรั่งเศส ระบุว่าประธานาธิบดีพอล คากาเม ควรถูกดำเนินคดีว่า เป็นชนวนเหตุในการทำให้เกิดสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในปี 1994 และออกหมายจับผู้ต้องหาระหว่างประเทศจำนวน 9 คน ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร และเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในเหตุเครื่องบินตก ซึ่งมีอดีตประธานาธิบดีรวันดาโดยสารอยู่ เมื่อวันที่ 6 เมษายน 1994ด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี