กงศุลใหญ่รับมอบคืนที่ สรอ.
การเรียกร้องโบราณวัตถุที่ถูกลักลอบออกจากประเทศนั้้น ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น แต่ก็ไม่เคยหยุดการลักลอบขนย้ายออกไปโดยไม่มีใครรู้ จึงเป็นเรื่องน่าติดตามถึงวิธีการและความใส่ใจของคนในพื้นที่นั้้น ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๑ เป็นบทเรียนหนึ่งถึงการขอกลับคืนมาแล้วว่าต้องผ่านขบวนการกฎหมายระหว่างประเทศและการตามกลับคืนจากความร่วมมือหลายฝ่ายเป็นอย่างดี
สำหรับ ทับหลัง ๒ ชิ้น จากปราสาทเขาโล้นและปราสาทเขาน้อย แม้จะเป็นข่าวที่น่ายินดีที่ได้กลับคืน จากอีกหลายๆ ชิ้น ที่มีกลุ่มเรียกร้องเทวรูปที่ถูกลักลอบออกไป จนต้องตั้้งคณะกรรมการติดตามทำงานเกิดขึ้น แม้จะเนิ่นนานปีด้วยอะไรก็ตามต้องถือว่าเป็นความสำเร็จในความพยายามเป็นเบื้องต้นกับโบราณวัตถุอีกหลายชิ้นที่ยังลอยนวลอยู่นอกประเทศ ความสำคัญของปราสาท ๒ แห่งนั้้นต้องติดตามหลักฐานเรียนรู้กันต่อ คือ ปราสาทบนยอดเขาโล้น ชื่อเดิมเรียก พนมสันเกโคน-Phnoṃ Saṅkè Kòṅ ตั้้งอยู่บ้านเจริญสุข ตำบลทัพราช อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว เป็นปราสาทที่เป็นมรดกอารยธรรม “อังควร์พนม” ที่เหลืออยู่ในจังหวัดสระแก้ว ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาโล้น ซึ่งเป็นยอดเขาเตี้ยอยู่บนเชิงเขาสะแกกรอง มีปราสาท ๔ หลัง แต่เหลืออยู่เฉพาะหลังกลาง ส่วนปราสาทด้านหน้า ๒ หลัง และด้านหลัง ๑ หลัง ได้ปรักหักพังไปหมด ลักษณะปราสาทคล้ายกับปราสาทเขาน้อย ก่อด้วยอิฐเผามีหินทรายเป็นพื้นฐาน มีส่วนชำรุดที่ยอดของปราสาท ที่วงกบประตูหินทราย เดิมนั้้นมีจารึกอักษรโบราณและที่เสากรอบวงกบประตูมีลายบัวคว่ำบัวหงาย จากตัวปราสาทไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มีสระน้ำขนาดใหญ่ ๒ แห่ง และมีแนวถนนโบราณทอดยาวจากตัวปราสาทถึงสระน้ำ รอบภูเขาลูกนี้มีลักษณะเป็นหมู่บ้านหรือชุมชนโบราณในอดีตมีจารึกภาษาสันสกฤต-เขมร ตรงกรอบประตูด้านทิศใต้ว่า“...กำเสตงศฺรีนฺฤปตีนฺทราธิปติวรมะ (Kaṃsteṅ Śrī Nṛpatīndrādhipativarma) รับพระราชทานดินแดนจากพระเจ้าสูริยวรมันที่ ๑ ได้สร้างเทวสถานไว้บนภูเขาดิน (Vnaṃ j ti) “มฤตสังชญกะ” (Mṛta Śạṅgchỵaka) เพื่อประดิษฐานรูปพระศัมภู (พระศิวะ)พระเทวีและพระศิวลึงค์ (อีศลิงคะ) เมื่อมหาศักราช ๙๒๙(พ.ศ.๑๕๕๐) และจารึกภาษาสันสกฤต-เขมรบนกรอบประตูฝั่งทิศเหนือ (K.232 N) ระบุว่า“ในมหาศักราช ๙๒๘ (พ.ศ.๑๕๔๙) หรือ ๙๓๘? นั้้น พระเจ้าสูริยวรมันที่ ๑ โปรดให้ “มรตาญโขลญศรีวีรวรมัน” (Martāñ Khloñ Śrī Vīravarman) ประดิษฐานเสาศิลาจารึก (śilāstambha) ที่ภูเขาหญ้า(āy vnaṃ ti nā) ถวายข้าทาสชายหญิงจำนวน ๘๙ คน พร้อมด้วยครัวเรือนธัญพืชและผ้าแพรพรรณชั้นดีส่วนเสาศิลา ที่ปรากฏความในจารึกK.232 N อาจหมายถึง “จารึกพระเจ้าสูริยวรมันที่ ๑” ก็ได้ต้องไปศึกษาจากจารึกนิรนามที่ได้มาจากจังหวัดสระแก้ว ซึ่งเก็บรักษาที่หอพระสมุดวชิรญาณ ทับหลังที่ได้กลับคืนเป็นรูปบุคคลรวบพระเกศาไม่สวมศิราภรณ์ นั่งชันเข่าถือพระขรรค์ในซุ้มรวยนาคสามเหลี่ยม ๕ หยัก ตกแต่งด้วยพวยกระหนกใบไม้ อยู่เหนือรูปเกียรติมุขหรือหน้ากาลคายท่อนพวงมาลัย ที่ใช้มือจับก้านแยกออกจากปากทั้งสองด้าน ส่วนปราสาทหนองหงส์นั้้นเป็นปราสาทที่สร้างขึ้นให้เป็นสัญลักษณ์ของเขาพระสุเมรุ คือเป็นศูนย์กลางแห่งจักรวาล ความเชื่อของศาสนาฮินดู ปราสาทหนองหงส์สร้างโดยอิฐสามก้อน อยู่บนฐานสูงเหมือนตั้งอยู่บนเขาสำหรับที่ประทับของเทพเจ้า ตั้งตรงกลางของการก่อสร้างทั้งหมดนั้้นมีกำแพงแก้วเป็นปราการล้อมรอบ มีสระน้ำขนาดใหญ่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ แทนสัญลักษณ์เป็นมหาสมุทร ตามรูปแบบของเทวสถานในศาสนาฮินดู ทับหลังของปราสาทนี้เป็นรูปพระยมทรงกระบือประทับเหนือหน้ากาลที่มีพวงมาลัยใบโค้งตามแบบศิลปะบาปวน อายุกว่า ๑,๐๐๐ ปี ค้นพบว่าถูกนำไปจัดแสดงในสถาบันศิลปะ “ชอง มูน ลี” รัฐแคลิฟอร์เนียสหรัฐอเมริกา การที่รัฐบาลไทยได้รับมอบทับหลังปราสาทหนองหงส์ จังหวัดบุรีรัมย์ และทับหลังปราสาทเขาโล้น จังหวัดสระแก้ว จากรัฐบาสหรัฐอเมริกา โดยมีพิธีส่งมอบโบราณวัตถุเมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคมณ นครลอสแองเจลิส ระหว่างสำนักงานสืบสวนความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ปราสาทหนองหงส์ สร้างขึ้นบนพื้นฐานคติสัญลักษณ์แห่งเขาพระสุเมรุ คือศูนย์กลางแห่งจักรวาล ความเชื่อของศาสนาฮินดู ปราสาทหนองหงส์สร้างโดยอิฐสามก้อน บนฐานสูงเหมือนตั้งอยู่บนเขาสำหรับที่ประทับของเทพเจ้าตั้งตรงกลางของการก่อสร้างทั้งหมด มีกำแพงแก้วเป็นปราการล้อมรอบ มีสระน้ำขนาดใหญ่ ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ แทนสัญลักษณ์เป็นมหาสมุทร ตามคติศาสนาฮินดูสหรัฐอเมริกา (Homeland Security Investigations : HSI) ผู้ส่งมอบ และกงสุลใหญ่ณ นครลอสแองเจลิส ผู้รับมอบแทนกรมศิลปากรในนามราชอาณาจักรไทย พร้อมทั้งดูแลในการส่งทับหลังทั้งสองรายการออกจากท่าอากาศยานนครลอสแองเจลิสถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคมนี้ เป็นการประสานงานร่วมกันจนกลับคืนมายังแผ่นดินไทย ในเบื้องต้นไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เพื่อนำทับหลังทั้งสองรายการจัดแสดงให้ความรู้แก่ประชาชนโดยเปิดให้ชมนิทรรศการ “ทับหลังปราสาทหนองหงส์ และปราสาทเขาโล้น กลับคืนสู่ประเทศไทย” นับเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา ที่มีภาครัฐและภาคประชาชนได้ร่วมกัน จึงเป็นบทเรียนหนึ่งที่จะต่อเชื่อมขอคืนไปยังโบราณวัตถุสำคัญอีกหลายชิ้นที่ยังแสดงอยู่ในต่างประเทศต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี