ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เวนดี้ อาร์.เชอร์แมน รัฐมนตรีช่วยกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางเยือนราชอาณาจักรไทยช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อเข้าหารือทางยุทธศาสตร์กับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีโดย เชอร์แมน ยืนยันความมุ่งมั่นที่สหรัฐฯมีต่อชาวไทยในการต่อสู้กับโรคโควิด-19ซึ่งรวมไปถึงความช่วยเหลือด้านการรับมือรวมมูลค่า 30 ล้านดอลลาร์ ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องในประเด็นนี้ถือเป็นเจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ที่อาวุโสที่สุดคนแรกของรัฐบาลไบเดนที่เยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ก่อนหน้าการเยือนไทย เชอร์แมนได้เยือนกรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักเลขาธิการอาเซียน และได้เข้าพบเรตโน มาร์ซูดี รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย จากนั้นได้เดินทาง
ไปเยือนกัมพูชา และให้คำมั่นต่อสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เรื่องการช่วยเหลือรับมือโควิด-19 มูลค่า 11 ล้านดอลลาร์
การเยือนกัมพูชาของเชอร์แมนมีความสำคัญในเชิงสัญลักษณ์ด้วย เพราะยังไม่เคยมีเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระดับสูงขนาดนี้เยือนกัมพูชา นับตั้งแต่สมัยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นต้นมา
อย่างไรก็ตาม นิคเคอิ เอเชีย ระบุว่า แม้สหรัฐฯ จะขยับเข้ามา ผู้เชี่ยวชาญมองว่ารัฐบาลสหรัฐฯรอนานเกินไป จนทำให้จีนเข้ามามีความสำคัญต่อภูมิภาคนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
เช่นกรณีกัมพูชา การหายไปของสหรัฐฯ ทำให้จีนมีอิทธิพลต่อกัมพูชามาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาผ่านโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ก่อนหน้านี้ สมเด็จฮุนเซน เคยแสดงความไม่พอใจที่กัมพูชาไม่มีทางเลือกในทางการทูตมากนัก โดยกล่าวว่า หากเขาไม่พึ่งจีน แล้วจะให้ไปพึ่งใคร
ขณะที่ความคลางแคลงใจในความมุ่งมั่นของสหรัฐฯต่ออาเซียนก็ยังมีอยู่ เพราะการเยือนของเชอร์แมนมีขึ้นหลังไบเดนเข้ารับตำแหน่งนานถึงสี่เดือน ผู้นำชาติอาเซียนอยู่ในรายชื่อท้ายๆ ของผู้นำต่างชาติที่นายไบเดนจะหารือด้วยหลังการรับตำแหน่ง ขณะที่การช่วยเหลือของสหรัฐฯ ต่ออาเซียนก็ยังน้อยเมื่อเทียบกับจีน
สหรัฐฯ และอาเซียน มีกำหนดจัดประชุมในระดับรัฐมนตรีต่างประเทศขึ้นเป็นครั้งแรกในวันที่ 25 พฤษภาคมผ่านทางวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ แต่ปรากฏว่านายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนตะวันออกกลางในขณะนั้น ต้องยกเลิกการประชุมเพราะความยุ่งยากทางเทคนิคหลังปล่อยให้รัฐมนตรีของอาเซียนต้องรอเก้อ เจ้าหน้าที่อาเซียนหลายคนมองว่านี่คือการดูหมิ่นดูแคลนอาเซียน และจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีกำหนดวันประชุมใหม่
หากย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยของประธานาธิบดีบารัก โอบามา ซึ่งนายไบเดนดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดี ได้มีนโยบายปักหมุดเอเชียเพื่อจัดสมดุลใหม่ แต่สงครามในซีเรียและตะวันออกกลางทำให้โอบามาหันเหความสนใจ เป็นการเปิดทางให้จีนเข้ามาขยายอิทธิพลในทะเลจีนใต้
โมฮัมหมัด โรซีดิน นักวิเคราะห์จากภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของมหาวิทยาลัยดิโปเนโกโรของอินโดนีเซีย กล่าวว่า หากเราดูทิศทางนโยบายต่างประเทศของประธานาธิบดีไบเดน ดูเหมือนว่าอเมริกากำลังให้ความสำคัญกับตะวันออกกลางมากกว่าอินโด-แปซิฟิก นั่นเป็นเพราะนโยบายต่างประเทศสหรัฐฯดั้งเดิมให้ความสำคัญกับตะวันออกกลางมานานแล้ว เพราะมีหลายความกังวลในบริเวณนั้น เช่น น้ำมัน อิหร่าน และซาอุดีอาระเบีย
นิคเคอิ เอเชียระบุว่า เมื่อตัดกลับมาที่จีน ดูเหมือนจะนำหน้าสหรัฐฯในการเข้าหาอาเซียน ปัจจัยมาจากการที่จีนประสบความสำเร็จในการรับมือกับโควิด-19 ได้รวดเร็วและเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ ขณะที่นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ได้พบกับบุคคลระดับสูงของชาติอาเซียนไปหลายคนแล้วแบบตัวต่อตัว และยังเชิญผู้แทนอาเซียนไปเยือนเทศบาลนครฉงชิ่งในสัปดาห์หน้า ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าจีนจะประกาศความช่วยเหลือต่ออาเซียนในการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากสถานการณ์ระบาดด้วย
ด้าน The Star สื่อของมาเลเซียรายงานว่า วัคซีนต้านโควิด-19 จากจีนกำลังมีความสำคัญต่อชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเผชิญจำนวนผู้ติดเชื้อสูงขึ้นเพราะวัคซีนจากจีนนั้นเข้าถึงได้ ในขณะที่การเข้าถึงวัคซีนและเวชภัณฑ์จากชาติตะวันตก รวมถึงบริษัทยายักษ์ใหญ่นั้นเป็นไปได้ยาก เฮง วันนะริท ประธานสถาบันAsian Vision Institute ในกัมพูชา ระบุกับ The Star ว่า จีนได้จัดสรรวัคซีนป้องกันโควิดให้ชาติต่างๆ เพื่อแสดงบทบาทความเป็นผู้นำ ส่วนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นถือเป็นเพื่อนบ้าน ทำให้จีนให้ความสนใจภูมิภาคนี้เป็นพิเศษ
ทั้งนี้ กัมพูชาได้รับวัคซีนจากจีนทั้ง Sinovac และ Sinopharm รวมกว่า6 ล้านโดสแล้ว ขณะที่อินโดนีเซีย ได้วัคซีนมาแล้วมากกว่า 90 ล้านโดส ทั้งแบบพร้อมใช้และแบบเข้มข้นเพื่อนำมาผสม จากทั้ง Sinovac/Sinopharm และ AstraZeneca ส่วนฟิลิปปินส์ได้รับวัคซีน Sinovac มาแล้วถึง 5.5 ล้านโดส การปันส่วนวัคซีนที่สหรัฐฯ มีให้กับชาติในอาเซียน จึงดูเล็กน้อยไปเลย เมื่อเทียบกับของจีนแผ่นดินใหญ่
สหรัฐฯ จึงอาจต้องออกแรงมากและหนักขึ้น หากจะหวัง “งัด” อิทธิพลของจีนในภูมิภาคนี้ได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี