ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ต้อนรับนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ที่ทำเนียบขาวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งไบเดนเรียกเธอว่าเป็น “เพื่อนผู้ยิ่งใหญ่” ของสหรัฐฯ และนับเป็นการเยือนทำเนียบขาวครั้งสุดท้ายของนางแมร์เคิล นายกรัฐมนตรีหญิงเหล็กของเยอรมนี หลังอยู่ในตำแหน่งผู้นำประเทศมายาวนานถึง 16 ปี ก่อนก้าวลงจากตำแหน่งในปีนี้
สหรัฐอเมริกา และเยอรมนี เป็นพันธมิตรสำคัญขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต แต่ก็มีความบาดหมางกันหลายครั้งในประเด็นปัญหาสำคัญ โดยเฉพาะโครงการวางท่อส่งก๊าซ Nord Stream 2 จากรัสเซียมายังเยอรมนีผ่านทะเลบอลติก ซึ่งสหรัฐฯ เกรงว่าจะทำให้ยุโรปพึ่งพาก๊าซจากรัสเซียเกินไป
ประธานาธิบดีไบเดนแถลงข่าวร่วมกับแมร์เคิลว่า สหรัฐฯและเยอรมนีจะยืนหยัดร่วมกันเพื่อปกป้องชาติสมาชิกของนาโตในยุโรปตะวันออก ต่อการรุกรานของรัสเซีย และย้ำความวิตกกังวลเกี่ยวกับโครงการวางท่อส่งก๊าซ Nord Stream 2 ซึ่งแมร์เคิลและเขาเห็นพ้องต้องกันว่าต้องไม่ปล่อยให้รัสเซียใช้พลังงาน เป็นอาวุธเพื่อข่มขู่คุกคามประเทศเพื่อนบ้าน
ทั้งนี้ รัสเซียกำลังเร่งสร้างท่อวางก๊าซให้แล้วเสร็จ ซึ่งจะทำให้รัสเซียส่งก๊าซไปยังเยอรมนี และยูเครนก็จะไม่ได้ค่าขนส่งก๊าซมหาศาล นางแมร์เคิลบอกว่า ยูเครนยังคงเป็นประเทศทางผ่านสำหรับก๊าซธรรมชาติ และมีสิทธิ์ที่จะปกป้องอธิปไตยเหมือนประเทศอื่นๆ และย้ำว่า เยอรมนีพร้อมที่จะตอบโต้หากรัสเซียไม่เคารพในสิทธิ์การเป็นประเทศทางผ่านของยูเครน
ส่วนประเด็นการหารือเกี่ยวกับจีน แมร์เคิลย้ำว่า เยอรมนีมีความสัมพันธ์ทางการค้าที่แน่นแฟ้นกับจีน และกระตือรือร้นที่จะร่วมมือกับชาติตะวันตกในการรับมือกับเรื่องสิทธิแรงงานของจีนการค้า และความมั่นคงทางไซเบอร์แต่การสื่อสารดังกล่าว จะต้องอยู่บนพื้นฐานของค่านิยมร่วมกันระหว่างสหรัฐ และเยอรมนี
ไบเดน วัย 78 ปี และแมร์เคิล วัย 66 ปี ยังหารือกันในประเด็นอื่นๆ ทั้งเรื่องความร่วมมือในการต่อสู้กับภัยคุกคามประชาธิปไตยทั่วโลก การตอบโต้การโจมตีไซเบอร์จากรัสเซียและการรุกรานดินแดนในยุโรปตะวันตกรวมทั้งการผลักดันของจีนเพื่อครอบงำเทคโนโลยีชั้นสูง และยังหยิบยกเรื่องการแก้ปัญหาโควิด-19ระบาดและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ขึ้นมาพูดคุยด้วย แต่ผู้นำทั้ง 2 คนไม่ได้มีเวลามากนักในการทำงานร่วมกัน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเศรษฐกิจใหญ่สุดและอันดับ 4 ของโลก
นางแมร์เคิล ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาตั้งแต่ปี 2005 เตรียมวางมือจากรัฐบาลเยอรมนี หลังการเลือกตั้งแห่งชาติในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งหมายความว่า เธอจะถูกมองว่าเป็นแค่ “เป็ดง่อย” ในช่วงเวลาอีกไม่กี่เดือนที่อยู่ในอำนาจ
การเยือนสหรัฐฯ ครั้งนี้แมร์เคิล ยังได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัย จอห์นส์ ฮอปกินส์ โดยยกย่องว่าเธอเป็น “ผู้นำระดับโลกที่มีหลักการและกล้าหาญ”
แมร์เคิล บอกว่า เธอเป็นเพียงนักเรียนธรรมดาคนหนึ่งที่ศึกษาข้อมูลจากมหาวิทยาลัย จอห์นส์ ฮอปกินส์ ระหว่างการระบาดของโควิด-19 พร้อมกับย้ำว่า “เราต้องการชีวิตปกติกลับคืนมา และเราก็จะไม่ยอมแพ้”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี