แสตมป์ไทยชุดแรก
วันที่ ๔ สิงหาคมที่ผ่านมา เป็นวันสื่อสารแห่งชาติ หรือวันกำเนิดกิจการไปรษณีย์โทรเลขสยาม โดยคณะกรรมการจัดงานปีการสื่อสารโลกได้พิจารณาเห็นว่า วันที่ ๔ สิงหาคม ๒๔๒๖ นั้้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สถาปนากิจการไปรษณีย์โทรเลข โดยตั้้งกรมไปรษณีย์และตั้งกรมโทรเลขเป็นครั้งแรกในสยาม
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงจัดตั้งการไปรษณีย์ขึ้นในสยาม เพื่อดูแลกิจการไปรษณีย์ ครั้งนั้้นพระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ เตรียมการจัดตั้งการไปรษณีย์ตามแบบอย่างในต่างประเทศ และดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการกรมไปรษณีย์เป็นพระองค์แรกและได้เปิดรับฝากส่งหนังสือ (จดหมาย) ในเขตพระนครและธนบุรีเป็นการทดลองเมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๒๖ ที่ทำการแห่งแรกตั้งอยู่ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาตอนปากคลองโอ่งอ่าง เรียกว่า “ไปรษณียาคาร” ในวันเดียวกันยังมีการจัดตั้งกรมโทรเลข เพื่อดูแลกิจการโทรเลข ซึ่งเป็นการให้บริการการสื่อสารโทรคมนาคมเป็นกิจการแรกของประเทศสยามต่อมาพ.ศ.๒๔๒๙ กรมโทรเลข นั้้นได้รับโอนกิจการโทรศัพท์จากกระทรวงกลาโหมมาดำเนินการ และขยายบริการโดยเปิดให้ประชาชนได้เช่าใช้เครื่องโทรศัพท์ภายในกรุงเทพฯ และธนบุรีเป็นครั้งแรกพ.ศ.๒๔๔๑ ได้ยุบรวมกิจการกรมโทรเลขเข้ากับกรมไปรษณีย์ ใช้ชื่อใหม่ว่า “กรมไปรษณีย์โทรเลข” โดยดำเนินกิจการไปรษณีย์ โทรศัพท์ และโทรเลข และได้ย้ายที่ทำการมาอยู่ที่ถนนเจริญกรุง
ตรากรมไปรษณีย์และโทรเลขสยาม
ต่อมา พ.ศ.๒๔๗๒ ได้โอนคลังออมสินจากกรมพระคลังมหาสมบัติ มาดำเนินการรับฝากเงินจากประชาชน ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๗๒ และได้แยกคลังออมสินออกไปจัดตั้งเป็นรัฐวิสาหกิจในชื่อ ธนาคารออมสิน ในวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๐ ต่อมาได้โอนกิจการโทรศัพท์กรุงเทพฯ และธนบุรี ให้องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยในปี พ.ศ.๒๔๙๗ ในปี พ.ศ.๒๕๑๙ ได้มีการจัดตั้งการสื่อสารแห่งประเทศไทย เป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงคมนาคม โดยรับมอบกิจการด้านปฏิบัติการและกิจการให้บริการไปรษณีย์จากกรมไปรษณีย์โทรเลขมาดำเนินการ เปิดดำเนินการเมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๒๐ ต่อมาได้มีการแปรรูปเป็นบริษัท ๒ บริษัท คือ ไปรษณีย์ไทย และ กสท โทรคมนาคม มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมการสื่อสารในประเทศไทยได้เริ่มต้นขึ้นในรัชกาลที่ ๕ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กิจการสื่อสารของไทยได้พัฒนาก้าวหน้ามาเป็นสำดับ มีการจัดตั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารของทางราชการขึ้นอีกหลายหน่วยงาน เช่น กรมประชาสัมพันธ์ บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด และองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย เป็นต้นในส่วนของภาคเอกชนก็มีบริษัทห้างร้านที่ดำเนินกิจการด้านการสื่อสารเพิ่มมากขึ้นหน่วยงานเหล่านี้ได้ร่วมกันสนองพระราชปณิธานในอันที่จะพัฒนากิจการสื่อสารของประเทศให้เจริญก้าวหน้าตลอดมาจนบัดนี้
ปัจจุบันเทคโนโลยีด้านการสื่อสารได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศและบทบาทของภาคเอกชนมีมากขึ้น รวมทั้งการแข่งขันในกิจการสื่อสารทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก ได้ทวีความเข้มข้นยิ่งขึ้น ความได้เปรียบในเรื่องเศรษฐกิจของโลกในยุคโลกาภิวัตน์ขึ้นอยู่กับการมีระบบการสื่อสารให้เจริญก้าวหน้าทัดเทียมกับประเทศอื่น คณะรัฐมนตรีได้ตระหนักถึงบทบาทความสำคัญของการสื่อสารดังกล่าวเป็นอย่างดี จึงได้มีมติเมื่อวันที่ ๒สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ กำหนดให้วันที่ ๔ สิงหาคมของทุกปีเป็น “วันสื่อสารแห่งชาติ” นับตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๒๖ เป็นต้นมาจากกิจการกรมไปรษณีย์และกรมโทรเลข โดยทำให้จากการส่งจดหมาย ส่งโทรเลข ส่งวิทยุ พูดโทรศัพท์ นั้นได้มีการพัฒนากิจการสื่อสารตามยุคสมัยด้วยเครื่องมือสื่อสารที่ทันสมัยจากดาวเทียม และเครือข่ายระบบดิจิทัลและอื่นๆ...จนเป็นโลกไร้พรมแดนที่กว้างไกลด้วยข่าวสารข้อมูลมาจนทุกวันนี้ จนต้องมีการควบคุมและเฝ้าระวังมากขึ้น...ระหว่างข่าวจริงและข่าวปลอม ส่วนใครจะจริงหรือปลอมนั้นถึงพูดไม่ได้ แต่ปิดการแพร่หลายของเรื่องจริงเรื่องปลอมได้ยากนัก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี