ตอนนี้ จีนกำลังเผชิญกับการระบาดครั้งใหม่ของโควิด-19 ในรอบหลายเดือน เพียงไม่กี่สัปดาห์มีผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้ารายใหม่หลายร้อยคนในหลายเมืองใหญ่ ทำให้เกิดคำถามตามมาว่า โควิดสายพันธุ์เดลต้าคุกคาม“กลยุทธ์โควิดเป็นศูนย์” ของจีนได้อย่างไรและวิธีดั้งเดิมของจีน ยังคงจะรับมือการระบาดระลอกใหม่ได้หรือไม่
การระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลต้าในจีน เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา หนึ่งในผู้โดยสารของสายการบิน แอร์ ไชน่า เที่ยวบินที่ CA910 ซึ่งเดินทางจากกรุงมอสโก ของรัสเซียไปยังนครหนานจิง เมืองเอกของมณฑลเจียงซู ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้า หลังจากผู้โดยสารลงจากเครื่องบินพนักงานก็เข้าไปทำความสะอาด ปรากฏว่าพนักงานทำความสะอาดสนามบิน 9 คนติดเชื้อโควิดเดลต้า จากนั้นได้แพร่ระบาดไปอีก 26 เมืองทั่วประเทศ เจ้าหน้าที่เชื่อว่าพนักงานทำความสะอาดบนเครื่องบินไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19และยอมรับว่าอนุญาตให้เที่ยวบินดังกล่าวลงจอดได้ แม้จะถูกสั่งห้ามบินหลายครั้ง เนื่องจากมีผู้โดยสารติดโควิดเดินทางมาด้วย
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นฤดูร้อนที่มีการท่องเที่ยวสูงสุด มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้าในมณฑลและเขตเทศบาลของจีนอย่างน้อย 16 แห่ง ส่วนใหญ่เชื่อมโยงกับคลัสเตอร์ที่หนานจิง แม้ว่าจะมีผู้ป่วยไม่กี่ร้อยคน ซึ่งค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรกว่า 1,400 ล้านคนแต่หลายฝ่ายก็กังวลเพราะพบผู้ติดเชื้ออยู่ในเมืองใหญ่ๆ เช่น กรุงปักกิ่งเซี่ยงไฮ้ และอู่ฮั่น
เพื่อรับมือกับการระบาดครั้งนี้จีนได้กลับไปใช้วิธีที่คุ้นเคย นั่นคือการตรวจหาเชื้อเชิงรุก มาตรการล็อกดาวน์และตัดขาดเส้นทางคมนาคมขนส่งในบางพื้นที่ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจหาเชื้อ 3 ครั้งให้กับประชาชนในนครหนานจิงแล้ว 9.2ล้านคน และใช้มาตรการล็อกดาวน์กับประชาชนหลายแสนคน ขณะที่ทางการอู่ฮั่นกำลังตรวจหาเชื้อประชาชนทั้งเมือง ที่มีจำนวนกว่า 12 ล้านคน ผู้เชี่ยวชาญเรียกสิ่งเหล่านี้ ว่าเป็นกลยุทธ์การไม่อดทนหรือกำจัดสิ่งที่พบเห็น ไม่เพียงแค่ใช้ในจีนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประเทศอื่นๆ เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และสิงคโปร์ด้วย แต่ความรวดเร็วในการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลต้า ทำให้เกิดคำถามว่า แนวทางดังกล่าว มีความยั่งยืนอย่างแท้จริงในจีนหรือไม่ เมื่อเผชิญกับโควิดสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดได้มากกว่า
BBC รายงานว่า ในขณะเดียวกันบางคนกังวลว่าวัคซีนของจีนจะมีประสิทธิภาพหรือไม่ หลังจากที่ทางการเปิดเผยว่าผู้ติดเชื้อในหนานจิงในช่วงแรกหลายคนได้รับวัคซีนต้านโควิดครบถ้วนแล้ว เจ้าหน้าที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของจีน ระบุว่า ขณะที่ยังไม่มีวัคซีนชนิดใดที่สามารถป้องกันการติดโควิดได้วัคซีนที่ใช้ในปัจจุบันยังคงสามารถควบคุมเชื้อกลายพันธุ์ได้ทุกชนิด แม้ล่าสุด ทางการจีนได้ฉีดวัคซีนต้านโควิดไปแล้วมากกว่า 1,700 ล้านโดส แต่ไม่ได้ระบุจำนวนผู้ที่ได้รับวัคซีนครบถ้วนแล้ว นั่นทำให้ศาสตราจารย์หยาน จง หวงผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขระดับโลกของสภาวิเทศสัมพันธ์ มองว่า การที่จีนไม่เปิดประเทศ หลังจากฉีดวัคซีนไปจำนวนมาก แสดงให้เห็นว่าไม่เต็มใจจะเปลี่ยนวิถีทางรับมือกับการระบาดครั้งล่าสุด และขาดความมั่นใจในวัคซีนของตน
ขณะที่บทบรรณาธิการของ The Global Times เมื่อเร็วๆ นี้ ปฏิเสธแนวคิดเรื่องการเปิดประเทศอีกครั้งแบบเดียวกับอังกฤษ ระบุว่า “แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในทางการเมือง” เนื่องจากจะส่งผลให้เกิด “ค่าใช้จ่ายทางสังคมและความเจ็บปวดที่คาดไม่ถึง”
จิน ตงหยาน นักไวรัสวิทยา จากมหาวิทยาลัยฮ่องกงระบุว่า การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจากทัศนคติที่ผ่อนคลายไปจนถึงการล็อกอย่างเข้มงวด เป็นสไตล์ปกครองของจีน ซึ่งสุดโต่งมาก อาจไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเปลี่ยนไปใช้สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญเรียกว่า “กลยุทธ์บรรเทาผลกระทบ “ที่มุ่งเน้นลดการเสียชีวิตมากกว่า ลดจำนวนผู้ติดเชื้อ ขณะที่หนึ่งในความท้าทายที่สุดสำหรับทางการ คือการโน้มน้าวใจชาวจีนที่ไม่ชอบความเสี่ยง เนื่องจากตอนที่เกิดการแพร่ระบาดในอู่ฮั่น ระบบสาธารณสุขรับผู้ป่วยจนล้นมือ หากเปิดประเทศอีกครั้ง เกรงว่าระบบสาธารณสุขจะไม่อาจรองรับการระบาดระลอกใหม่ได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท
ศาสตราจารย์แนนซี เจคเกอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านชีวจริยธรรม จากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ระบุว่า หากจีนไม่เปลี่ยนแปลงเร็วพอ ผลกระทบจะรุนแรงขึ้นในทุกระดับสังคม แนะว่าควรมีแนวทางที่เหมาะสมขึ้น เช่น การล็อกดาวน์ในระดับท้องถิ่นมากขึ้น และการจัดลำดับความสำคัญ เช่น อนุญาตให้โรงเรียนเปิดได้ ขณะที่โรงยิมและร้านอาหารต้องปิดให้บริการ
พร้อมกับระบุว่า โลกจะถูกแบ่งออกเป็นสองประเภท คือ ผู้ที่ยังคงดำเนินกลยุทธ์โควิดเป็นศูนย์ และผู้ที่เปลี่ยนไปใช้มาตรการบรรเทาผลกระทบ แต่สุดท้ายอาจไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับมัน และในช่วงหลังของการระบาด การเสียชีวิตจะลดลง แต่ไวรัสจะปรากฏขึ้นอีกทุกปีเหมือนเป็นหวัด และหากเป็นเช่นนั้น จีนก็จะต้องอยู่กับมันต่อไปให้ได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี