ในวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ.2436 นั้น มีเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศอกสั่นขวัญหนีและระลึกถึงความรักชาติที่ทุกคนได้ช่วยกันคลี่คลายวิกฤติของประเทศให้ผ่านไปด้วยดี อาทิตย์นี้ขอระลึกถึง 120 ปีวิกฤตการณ์ ร.ศ.112 ถึงกรณีความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเมื่อเรือ “แองกงสตัง” (Inconstant) และเรือปืน “โกแมต” (Comète) ของกองทัพเรือฝรั่งเศสได้ล่วงล้ำอ่าวไทยถึงปากแม่น้ำและขออนุญาตแล่นเรือผ่านปากแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อไปสมทบกับเรือ“ลูแตง” (Le Lutin) ในแม่น้ำเจ้าพระยา การเจรจาต่อรองในครั้งนั้นสยามปฏิเสธ ผู้บังคับบัญชาฝ่ายฝรั่งเศส พลเรือตรีแอดการ์ อูว์มัน (Edgar Humann) เมินเฉยต่อความต้องการของสยามและคำสั่งจากรัฐบาลฝรั่งเศสก่อนหน้าจะเกิดการสู้รบนั้นพลเรือตรี อูว์มัน ได้รับคำสั่งห้ามเข้าสู่ปากแม่น้ำเพราะสยามได้เตรียมการรบไว้เป็นอย่างดี กำลังสยามขณะนั้นมีป้อมแหลมฟ้าผ่าหรือพระจุลจอมเกล้า ซึ่งเพิ่งปรับปรุงและติดตั้งปืนเสือหมอบขนาด 6 นิ้ว 7 กระบอกแล้ว ป้อมผีเสื้อสมุทร 3 กระบอก ฝ่ายสยามได้จมเรือสำเภาและเรือบรรทุกหินในแม่น้ำเป็นแนวป้องกันและบีบบังคับให้เส้นทางเดินเรือเป็นทางแคบผ่านเพียงทางเดียว
เรือปืนฝ่ายสยาม 5 ลำ จอดทอดสมออยู่หลังแนวสิ่งกีดขวางมีเรือมกุฎราชกุมาร,เรือทูลกระหม่อม, เรือหาญหักศัตรู,เรือนฤเบนทร์บุตรี และเรือมูรธาวสิตสวัสดิ์ซึ่งเรือรบที่ทันสมัย 2 ลำคือ เรือมกุฎราชกุมาร และเรือมูรธาวสิตสวัสดิ์ นอกนั้นเป็นเรือปืนเก่าหรือเรือกลไฟที่ดัดแปลงมาสู้รบ โดยมีการวางข่ายและทุ่นระเบิด 16 ลูก ผู้บังคับบัญชาป้อม คือ พลเรือโทพระยาชลยุทธโยธิน (อองเดร ดู เปลซี เดอ ริเชอลิเออ) เป็นชาวดัทช์ที่เข้ามารับราชการอยู่กับสยาม ดังนั้นเมื่อฝรั่งเศสตัดสินใจนำเรือเข้าปากแม่น้ำในสภาพอากาศมืดครึ้มหลังอาทิตย์ตกดินในวันที่13 กรกฎาคม ผ่านการป้องกันของสยามให้ได้ ขณะนั้นกองทัพเรือสยามได้ประจำสถานีรบและเตรียมพร้อมขั้นสูงสุด เมื่อเรือรบฝรั่งเศสได้แล่นตามเรือกลไฟนำร่องฌองบัปติสต์เซย์ (Jean Baptiste Say) เข้าสู่ปากแม่น้ำ เมื่อเวลา 18.15 น.นั้น ฝนได้หยุดตกและทหารในป้อมได้เห็นเรือรบฝรั่งเศสแล่นผ่านกระโจมไฟต่อมา 2-3 นาที หลังจากนั้น
เรือฝรั่งเศสได้แล่นผ่านทุ่นดำเข้ามาในระยะยิงของป้อม ทหารประจำป้อมได้รับคำสั่งให้ยิงเตือน 3 นัด ในเวลา 18.30 น.โดยป้อมปืนยิงเตือนด้วยกระสุนเปล่า 2 นัดแต่เรือรบฝรั่งเศสยังคงแล่นต่อไปอีก ดังนั้นการยิงกระสุนนัดที่ 3 สยามจึงใช้กระสุนจริงยิงเตือน กระสุนตกลงในน้ำหน้าเรือฌองบัปติสต์เซย์เมื่อแน่ใจว่าฝรั่งเศสเพิกเฉยต่อสัญญาณเตือนแล้ว กระสุนปืนนัดที่ 4 จากเรือปืนมกุฎราชกุมาร และเรือปืนมูรธาวสิตสวัสดิ์ ก็เปิดฉากยิงเมื่อเวลา 18.50 น. เรือแองกองสตองยิงตอบโต้กับป้อมในขณะที่เรือโกแมตยิงสู้กับเรือปืนสยาม ซึ่งมีเรือขนาดเล็กที่บรรจุระเบิดถูกส่งมาพุ่งชนเรือฝรั่งเศสแต่พลาดเป้า การต่อสู้กินเวลาประมาณ 25 นาที ในที่สุด พลเรือตรี อูว์มัน สามารถนำเรือรบฝ่าแนวป้องกันของสยามไปได้ และสามารถจมเรือปืนฝ่ายสยามได้ 1 ลำ ความเสียหายครั้งนี้มีทหารสยามตาย 10 นาย บาดเจ็บ 12 นาย ฝรั่งเศสนั้น เรือฌองบัปติสต์เซย์ถูกยิงด้วยปืนใหญ่เกยตื้นที่แหลมลำพูราย เรือแองกองสตองและเรือโกแมตถูกยิงเสียหายแต่สามารถแล่นผ่านไปในแม่น้ำเจ้าพระยาและจอดทอดสมออยู่ที่สถานทูตฝรั่งเศสทหารฝรั่งเศสตาย 3 นาย บาดเจ็บ 2 นาย ป้อมปืนของสยามนั้นไม่ได้รับความเสียหาย
เช้าวันรุ่งขึ้นสยามได้ส่งเรือเข้ามาควบคุมเรือกลไฟฌองบัปติสต์เซย์และพยายามจมเรือแต่ไม่สำเร็จ พร้อมกับคุมตัวลูกเรือส่งตัวเข้าคุกกรุงเทพฯ วันต่อมาเรือปืนฝรั่งเศสฟอร์แฟต (Forfait) ได้มาถึงปากน้ำและส่งเรือพร้อมทหารเต็มลำเข้ายึดเรือฌองบัปติสต์เซย์ แต่เรือกลับถูกทหารสยามที่ยึดเรืออยู่โจมตีขับไล่ถอยไป เมื่อพลเรือตรี อูว์มัน มาถึงกรุงเทพฯจึงทำการปิดล้อมและหันกระบอกปืนมาทางพระบรมมหาราชวัง ด้วยความสามารถทางการทูตที่เจรจาความกันหลายครั้งนั้นต่อมาในวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ.2436 จึงมีการลงนามในสนธิสัญญาถือเป็นการสิ้นสุดการรบในครั้งนั้น แต่ก็ยังมีเรื่องยืดเยื้อถึงการเสียดินแดน-ยึดจันทบูรและตราดของฝรั่งเศสในเวลาต่อมา เหตุการณ์นี้จึงเป็นบทเรียนของความรักแผ่นดินที่สอนให้คนไทยได้จดจำมาจนทุกวันนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี