พระเจ้าเก้าตื้อวัดสวนดอก
เมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ได้ตามรอยสยามไปถึงเรื่อง “ล้านนามหาปกรณัม: มรดกความทรงจำแห่งอภินวบุรี-ศรีหริภุญชัย” ด้วยเป็นผลงานความรู้ใหม่ในเชิงวิเคราะห์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของอาณาจักรล้านนา สมัยราชวงศ์มังราย ที่ไม่ปรากฏในหนังสืออื่นโดยเน้นอภินวบุรี-นครเชียงใหม่และศรีหริภุญชัย-ลำพูน เพื่อเป็นฐานวิชาการใช้เป็นต้นทุนทางวัฒนธรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอันเป็นวิธีการศึกษาประวัติศาสตร์จากหลักฐานและเรียนรู้จากการสำรวจข้อมูล-เอกสารจริง จากสถานที่หรือสิ่งที่ยังเหลือร่องรอยอยู่ โดยเฉพาะเอกสารจีนชั้นต้นของราชสำนักหยวนและราชสำนักหมิงนั้นได้ช่วยให้เข้าใจถึงความสัมพันธ์ของจีนกับโยนรัฐ-เชียงราย (ปาไป่สีฟู่) และเชียงใหม่(ปาไป่ต้าเตี้ยน) โดย ดร.วินัย พงศ์ศรีเพียรนักอักษรศาสตร์เมธีอาวุโสและคณะได้มีผลงานทางวิชาการมาอย่างต่อเนื่องจากการสำรวจเชียงใหม่และประเพณี มาถึงเรื่องสุโขทัยคดี และล้านนามหาปกรณัม
ดร.วินัย พงศ์ศรีเพียร
ด้วยเหตุที่การเรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมานั้น ส่วนมากมักมองข้ามเรื่องอาณาจักรล้านนา มักไปสนใจแต่เรื่องเมืองสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา มากกว่า ทั้งๆ ที่อาณาจักรล้านนาที่ชอบมองผ่านนั้นมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลและข้อมูลสำคัญอยู่มากมาย กล่าวคือด้านทิศตะวันตกนั้นมีอาณาเขตถึงแม่น้ำสาละวิน ซึ่งมีชนชาวกะเหรี่ยง ไทยใหญ่ส่งบรรณาการมาถึงเชียงใหม่ วนด้านทิศเหนือนั้น อาณาจักรล้านนาก็เชื่อมต่อขึ้นไปถึงเมืองเชียงรุ้ง ด้วยความเป็นนักวิชาการของ ดร.วินัย พงศ์ศรีเพียร ผู้ใส่ใจต่อหลักฐานต่างๆ โดยเฉพาะจารึก เอกสารจากต่างชาติจึงมีการถ่ายทอดข้อมูลใหม่ในโครงการ สุโขทัยคดีและล้านนามหาปกรณัมขึ้น โดยมีการบรรยายเผยแพร่และแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันหลายครั้งจนถอดบทเรียนจากการศึกษาข้อมูลและแก้ไขความให้สมจริงกับหลักฐานที่สืบค้นใหม่ ให้เป็นคำตอบทางประวัติศาสตร์มากกว่าความเชื่อจากตำนาน นิทาน เรื่องเล่าซ้ำๆ มากขึ้น..ดังปรากฏว่าเมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๗-๙ นั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ได้ให้ความสำคัญกับดินแดนล้านนาโดยเสด็จประพาสเมืองเชียงใหม่ ซึ่งขณะนั้นยังไม่เป็นประเทศราชของสยาม
งานวิจัยล้านนามหาปกรณัม
ต่อเมื่อมีการศึกษาจากหลักฐานและอ่านความในจารึกก็พบว่า อาณาจักรล้านนานั้นมีเมืองหริภุญไชย เป็นเมืองเก่าแก่คู่กันเมืองเชียงใหม่ และศาสนสถานของเชียงใหม่ คือพระธาตุดอยสุเทพ และวัดเจดีย์หลวง ที่สร้างสมัยพระเจ้าแสนเมืองมานั้น เมื่อเทียบกับเมืองหริภุญไชยแล้วมีเวลาแตกต่างกันมากกว่า ๑,๐๐๐ ปี โดยมีพิงครัฐเป็นอาณาจักรมอญ เมืองเชียงรายนั้นเรียกว่าโยนรัฐ ครั้งนั้นพระยามังรายได้รวมสองรัฐนี้เป็นอาณาจักรใหม่ มีเมืองเชียงใหม่ เป็นศูนย์กลางอาณาจักร แต่ให้หริภุญไชยหรือลำพูนเป็นศูนย์กลางทางพุทธจักร ซึ่งมีความสำคัญมาจนถึงรัชกาลที่ ๕ ด้วยยังพบร่องรอยในอดีตว่ามีกำแพงเมืองที่ใหญ่มาก
มังรายศาสตร์
จากงานเขียนของ เลอแฟต เดอ ฟอง ตาตีน ชาวฝรั่งเศสได้กล่าวถึง ชาวปาไป่แห่งล้านนา จึงแสดงว่ายังมีเอกสารจีนเกี่ยวกับเชียงใหม่ให้ศึกษาสืบค้นอีก ครั้งนั้น ดร.วินัย พงศ์ศรีเพียรและคณะได้ใช้เวลาติดต่อกับส่วนงานด้านประวัติศาสตร์ที่ยูนนานของจีน ได้นำผลงานนั้นมาแปลและมีหนังสืออีกหลายเรื่องให้สืบค้นเรื่องราวมาเผยแพร่ เช่น โคลงเมิงเป้า : โคลงนิราศหริภุญชัย หรือ รุธิราชรำพัน แม้ไม่ได้บอกผู้แต่ง ปีแต่ง ก็นับว่าเป็นวรรณกรรมที่เก่ากว่าผลงานของเช็คสเปียร์ เป็นวรรณกรรมชั้นยอดที่ดีกว่าลิลิตพระลอ เรื่องนี้เป็นโคลงบันทึกการเดินทางจากตะวันออกของวัดพระสิงห์ลงไปใต้ ผ่านวัดกว่า ๓๐ แห่ง โดยแสดงตำแหน่งวัดที่มีอยู่กว่า ๕๐๐ ปีมาแล้ว เป็นผลงานที่นำมาตีความและชำระกันใหม่สันนิษฐานว่า มหาราชเมืองแก้ว น่าจะเป็นผู้แต่งด้วยมีการใช้คำภาษาบาฬีที่มีมาตรฐานสูงมาก ขณะนั้นคัมภีร์บาฬีของเชียงใหม่ได้มีอิทธิพลต่อการศึกษาภาษาบาฬีของพม่ามาก ซึ่งมีเรื่องชินกาลมาลีวงศ์ หรือ ชินกาลมาลีปกรณ์ แต่งโดยพระรัตนปัญญาเถระ เมื่อ พ.ศ. ๑๕๑๗ และในตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ หรือ ตำนาน ๑๕ ราชวงศ์ นั้นพบว่า พระยามังรายหลวง ได้เสด็จจากเชียงแสนมาตั้งเมืองเชียงราย แล้วทำสงครามขยายอิทธิพล มีราชวงศ์กษัตริย์ ต่างก็มีความไม่แตกต่างกัน แม้จะกล่าวถึงหนงจื้อเกา ก็มีเรื่องเล่าคล้ายกับ ขุนเจือง ในตำนาน ผลงานวิจัยเรื่องนี้จึงเป็นมิติใหม่ของวงการศึกษาประวัติศาสตร์ที่ถูกทาง หากจะไม่ใส่ใจเสียเลยก็คงไม่ได้แล้ว ผู้สนใจเรื่องล้านนามหาปกรณัม รีบติดต่อศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร เป็นเบื้องต้น ด้วยพิมพ์จำนวนจำกัดเฉพาะผู้สนใจใฝ่รู้โดยตรงเท่านั้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี