วันอังคาร ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2568
จนถึงตอนนี้ สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ยังคงไม่ปักใจเชื่อว่ารัสเซียเดินหน้าถอนทหารออกจากพรมแดนติดกับยูเครน โดยชี้ว่าเป็นเพียงคำลวง เพราะในตอนนี้ ทหารรัสเซียประชิดพรมแดนยูเครนโอบล้อม 3 ด้านมากกว่า 170,000 นาย เป็นการรวมพลทหารรัสเซียมากที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 และเตือนว่า หากเกิดสงครามการปะทะกันทางทหารเกิดขึ้นจริง นักวิเคราะห์ประเมินกันว่าน่าจะมีคนต้องสังเวยชีวิต ทั้งทหารและพลเรือน ไม่น้อยกว่า 75,000 คนอีกนับล้านอาจต้องพลัดถิ่น เศรษฐกิจในพื้นที่ และในภูมิภาคอาจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ผลกระทบด้านมนุษยธรรมสุดที่จะประเมิน
แล้วมันจะมีหนทางทางการทูตในการหาทางออกจากการเผชิญหน้าครั้งนี้ เพื่อให้จบลงอย่างสันติได้หรือไม่?
นักการทูตเองได้พยายามหาทางออกจากวิกฤตนี้เช่นกัน ชี้ว่าทุกฝ่ายสามารถออกจากเส้นทางสู่สงครามได้ หากแต่เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะการประนีประนอมใดๆ ย่อมแลกด้วยราคาที่ต้องจ่าย ลองดูหนทางออกอย่างสันติทั้ง 5 ทางกันว่ามีอะไรบ้าง ที่จะทำให้ไม่ต้องสูญเสียเลือดเนื้อกัน
1.ชาติตะวันตกเกลี้ยกล่อมให้ปธน.วลาดีมีร์ ปูติน ถอยกลับไป
ภายใต้ฉากทัศน์นี้ กลุ่มมหาอำนาจตะวันตกต้องพยายามยับยั้งการบุกรุกใดๆ อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการโน้มน้าวปูติน ถึงผลกระทบ ค่าใช้จ่าย และผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเสียหายต่อชีวิต การถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ หรือการตอบโต้ทางการทูตที่จะรุนแรงขั้นสุด หากเขาเดินหน้าเข้าสู่สมรภูมิ ซึ่งจะเป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องยืดเยื้อนานไปอีกหลายปีที่อาจจะทำให้การสนับสนุนปูตินในประเทศก็จะลดน้อยลงเรื่อยๆ อีกทั้งจะเป็นภัยต่อการเป็นผู้นำของเขาอีกด้วย
2.นาโตและรัสเซีย เห็นพ้องต่อข้อตกลงด้านความมั่นคงฉบับใหม่
เรื่องนี้กลุ่มชาติตะวันตกค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้วว่า พวกเขาจะไม่ประนีประนอมในหลักการสำคัญ เช่น อธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน สิทธิในการแสวงหาสมาชิกของนาโต ที่จะต้อง “เปิดประตูต้อนรับ” ประเทศใดๆ ที่ประสงค์จะเข้าร่วม อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ และนาโต ก็ยอมรับว่ามีประเด็นร่วมกัน เพื่อแสวงหาความมั่นคงในยุโรปที่กว้างขวางมากขึ้น ซึ่งอาจรวมถึง การฟื้นตัวของข้อตกลงควบคุมอาวุธที่หมดอายุลง เพื่อลดจำนวนขีปนาวุธของทั้ง 2 ฝั่ง การเพิ่มพูนความเชื่อมั่นระหว่างกองกำลังรัสเซียและนาโต เพิ่มความโปร่งใสมากขึ้นในการฝึกซ้อมทางทหาร และตำแหน่งในการติดตั้งขีปนาวุธ ตลอดจนความร่วมมือในการทดสอบอาวุธต่อต้านดาวเทียม
แต่แม้จะสามารถบรรลุประเด็นเหล่านี้ได้ รัสเซียก็อาจยังไม่พึงใจนัก เพราะประเด็นการยอมรับยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโต ยังเป็นสิ่งที่รัสเซียเรียกร้องเป็นลำดับต้นๆ
3.ยูเครนและรัสเซีย สามารถฟื้นข้อตกลงกรุงมินสก์
นี่เป็นการเจรจาตกลงกันเมื่อปี 2014-2015 ในกรุงมินสก์ เมืองหลวงของเบลารุส เพื่อหาทางยุติสงครามระหว่างรัฐบาลยูเครน กับ กลุ่มกบฏฝักใฝ่รัสเซียในภาคตะวันออกของยูเครน แต่การเจรจาดังกล่าวล้มเหลว และการต่อสู้ก็ดำเนินต่อไป แต่อย่างน้อยก็เป็นหนทางสู่การเจรจาหยุดยิงของทั้งสองฝ่าย
ชาติตะวันตกต่างมองว่า การรื้อฟื้นข้อตกลงกรุงมินสก์จะเป็นทางออกที่ดีสำหรับวิกฤตครั้งนี้ โดยประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ระบุว่าข้อตกลงกรุงมินสก์ จะเป็นหนทางเดียวในการสร้างสันติภาพได้ แต่ปัญหาคือ บทบัญญัติในข้อตกลงยังมีความซับซ้อนและถูกถกเถียงกันอยู่มาก โดยรัสเซียเรียกร้องให้ยูเครนต้องจัดเลือกตั้งท้องถิ่น เพื่อหวังสร้างนักการเมืองโปรรัสเซีย แต่ยูเครนต้องการให้รัสเซียถอนกำลังทหารออกไปเสียก่อน
.jpg)
4.ยูเครนกลายเป็นชาติที่ “เป็นกลาง”เหมือนฟินแลนด์
แต่จะทำได้ไหม? ในการให้ยูเครนกลายเป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่ตะวันตกหรือรัสเซียเหมือนกับที่ฟินแลนด์เป็น ในความยึดมั่นความเป็นกลาง ระหว่างสงครามเย็น มีความเป็นอิสระ อธิปไตย และเป็นรัฐประชาธิปไตย อีกทั้งยังไม่ได้เป็นชาติสมาชิกนาโตด้วย
ยูเครนจะเป็นอย่างนั้นได้ไหม? ในทางทฤษฎี ปูตินน่าจะต้องการเช่นนั้นที่ไม่อยากให้ยูเครนเข้าร่วมกับนาโต ปัญหาคือยูเครนหนุนเรื่องนี้ไหม? คำตอบคือ “อาจจะไม่” เพราะการเป็นกลางจะกระทบต่อยูเครนตรงที่อิทธิพลของรัสเซียจะยังคงแผ่ขยายในยูเครนต่อไป และก็จะทำให้การเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปต้องอยู่ไกลออกไปอีก
5.ปล่อยให้การเผชิญหน้าในปัจจุบัน กลายเป็นสถานภาพปกติ
นักวิเคราะห์มองว่า นี่อาจจะเป็นหนทางที่เป็นไปได้ จากสถานการณ์การเผชิญหน้าในปัจจุบัน แต่ความเข้มข้นจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไปหรือไม่?
เป็นไปได้ที่รัสเซียอาจจะค่อยๆถอนทหารกลับออกไป และประกาศว่าการซ้อมรบร่วมยุติลงแล้ว แต่ในขณะเดียวกันก็อาจยังคงมีทหารและอาวุธประจำการหลงเหลืออยู่บ้าง และยังอาจสามารถสนับสนุนกลุ่มฝักใฝ่รัสเซียในภูมิภาคดอนบาสต่อไป ส่วนเศรษฐกิจและการเมืองของยูเครนก็จะถูกคุกคามโดยรัสเซียอย่างต่อเนื่อง
ส่วนยุโรปก็อาจยังประจำการกองกำลังในยุโรปตะวันออกต่อไป นักการเมืองและนักการทูตเดินหน้าเจรจากับรัสเซียต่อไป ยูเครนก็อาจตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนชินไปในที่สุด อย่างน้อย ความขัดแย้งก็ไม่ยกระดับขึ้นไปเป็นสงครามอย่างเต็มรูปแบบ
นักวิเคราะห์เชื่อว่า การเผชิญหน้าอย่างช้าๆ จะค่อยๆ หายไปจากหัวข้อข่าว และความตึงเครียดนี้ก็จะค่อยๆ หยุดได้รับความสนใจจากประชาชน
ทางออกทั้ง 5 ทางเหล่านี้ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย และยังไม่มีทางใดที่ดูจะเป็นไปได้มากนัก เพราะทั้งหมดล้วนขึ้นกับการประนีประนอม ซึ่งเมื่อพิจารณาสภาพปัจจุบันแล้ว ทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่พร้อมที่จะประนีประนอมใดๆ ต่อกัน
แต่อย่างน้อย ความหวังเดียวในเวลานี้คือ ทุกฝ่ายยังดูเหมือนเต็มใจที่จะพูดคุยต่อกัน ถึงแม้ว่าสุดท้ายจะไร้ผลก็ตาม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี