ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย แถลง ว่า รัสเซีย พร้อมหารือสถานะความเป็นกลาง ของยูเครน เพื่อยุติปัญหาขัดแย้ง และ การสู้รบในยูเครน แต่สถานะความเป็นกลางนี้คืออะไร และจะสามารถทำได้หรือไม่
ที่ผ่านมา ทราบกันดีว่ายูเครนมีความปรารถนาที่เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต มานานหลายปีแล้ว และในปี 2019 ได้มีการบรรจุเรื่องการเข้าร่วมเป็นสมาชิก นาโตไว้ในรัฐธรรมนูญของยูเครนด้วย จึงทำให้รัสเซียเรียกร้องให้ยูเครนถอนเรื่องดังกล่าว และให้วางตัวเป็นกลาง
สำนักข่าวอัล จาซีรา รายงานว่า ในแง่กฎหมายระหว่างประเทศneutrality หรือการวางตัวเป็นกลางหมายถึง การที่รัฐต้องวางตัวเป็นกลางต่อคู่สงคราม และไม่เข้าแทรกแซงในความขัดแย้งทางการทหาร โดยประเทศที่วางตัวเป็นกลางในปัจจุบันคือ สวิตเซอร์แลนด์ไอร์แลนด์ สวีเดน ฟินแลนด์ และออสเตรีย อย่างไรก็ตาม ประเทศหลังนั้นเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป ซึ่งมีนโยบายด้านต่างประเทศ ความมั่นคง และกลาโหมร่วมกัน จึงทำให้อียูมีบทบัญญัติ ละเว้นให้สี่ประเทศนี้ เพื่อเลี่ยงภาวะทางตันของอียูโดยรวม
โฟทิออส มุสทากิซ นักวิชาการด้านยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัยพลายมัธ มองว่าการบุกยูเครนของรัสเซียครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเรื่องการกลับมาสถาปนาอาณาจักรโซเวียต 2.0 แต่เป็นเรื่องของการยึดมั่นต่อสิ่งที่สำคัญกับผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ของรัสเซียมากกว่า และรัสเซียไม่ได้ปรารถนาที่จะครอบครองยูเครนทั้งหมด ทำให้ “สถานะความเป็นกลาง” จึงกลายเป็นยาสามัญประจำบ้านในการแก้วิกฤตนี้ โดยมีกรณีของฟินแลนด์เป็นตัวอย่างขณะที่ แคทเทอรีน แอม ไรท์ นักวิชาการด้านการเมืองระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัยนิวคาสเซิ่ล กล่าวกับอัล จาซีรา ว่า เงื่อนไขใดก็ตามที่ประธานาธิบดีเซเลนสกีเรียกร้องนั้นต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง และต้องซื้อใจชาวยูเครนที่กังวลเรื่องการรุกรานของรัสเซียและเจ็บปวดกับสถานการณ์ปัจจุบันด้วย
การเป็นกลางนั้นหมายความว่ายูเครนจะไม่เป็นหุ้นส่วนกับ นาโตแล้วแม้ว่า ฟินแลนด์และสวีเดน ซึ่งมีสถานะเป็นกลาง จะยังเป็นสมาชิก นาโตอยู่ก็ตาม เพราะปูตินมองว่า ยูเครนเป็นส่วนหนึ่งของโลกแห่งรัสเซียเกิดขึ้นด้วยพื้นฐานทางวัฒนธรรม ภาษา และความรุ่งเรืองในอดีตมาร่วมกัน ซึ่งแตกต่างจากกรณีของฟินแลนด์และสวีเดน
ไรท์กล่าวว่า การที่ยูเครนจะเป็นกลาง ทำให้ยูเครนต้องการการรับประกันด้านความมั่นคงจากผู้อื่นที่ไม่ใช่ นาโต เพื่อป้องกันการรุกรานของรัสเซียอีก จึงดูเหมือนยูเครนอาจต้องหันไปพึ่งประเทศอื่นๆ ที่เป็นสมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เพื่อเข้ามาช่วย
ด้านแกรแฮม กิล นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยซิดนีย์กล่าวว่า จากสถานการณ์สู้รบที่รุนแรง และมีกระแสต่อต้านรัสเซียในยูเครนอย่างมาก ทำให้ปูตินจะตระหนัก
ได้ว่า สถานะเป็นกลางของยูเครนดูจะมีความเป็นไปได้
กิลกล่าวว่า ในช่วงแรกของวิกฤตยูเครน ปูตินได้เรียกร้อง นาโตให้รับประกันว่า จะไม่รับยูเครนเข้าเป็นสมาชิก และให้ นาโตถอนทหารออกจากพื้นที่ติดชายแดนรัสเซีย แต่นาโตและสหรัฐฯกลับปฏิเสธข้อเรียกร้องของรัสเซีย เขาจึงมองว่า หากมีการพิจารณาข้อเรียกร้องนี้อย่างจริงจังแต่แรก อาจจะไม่เกิดการสู้รบขึ้น และเขาไม่คิดว่า นาโตและสหรัฐฯ จะกล้าสรุปบทเรียนเช่นนั้น เพราะเท่ากับว่าเป็นการยอมรับว่าตนเองมีส่วนต้องรับผิดชอบต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้
ขณะที่ไรท์ มองว่า สถานะเป็นกลางของยูเครน จะเป็นทางออกที่สันติและทำให้รัสเซียยุติการรุกรานแต่ก็ขึ้นอยู่กับทุกฝ่ายด้วยว่ายอมถอยมากน้อยแค่ไหน และปูตินก็คงต้องการถอนทหารแบบที่รัสเซียต้องไม่เสียหน้าด้วย
สุดท้ายแล้ว สถานะเป็นกลางดูเหมือนจะเป็นใจกลางของการเจรจา และจำเป็นที่ทุกฝ่าย ต้องยอมถอยอุดมคติบางอย่าง ซึ่งจะทำให้สถานะความเป็นกลางนั้น ไม่ใช่แค่เป็นอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงแต่ยังสมเหตุสมผลและปฏิบัติได้จริงด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี