เซาท์ไชนามอร์นิ่งโพสต์ สื่อออนไลน์ฮ่องกงรายงานว่า ในขณะที่สหรัฐฯ ละสายตาจากตะวันออกกลางเพื่อไปจัดการกับรัสเซียที่กำลังทำสงครามในยูเครนแบบอีรุงตุงนังอยู่ในขณะนี้ พันธมิตรของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลางปฏิเสธที่จะตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับรัสเซีย สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วน ในการป้องกันไม่ให้อิหร่านมีบทบาทในภูมิศาสตร์การเมือง หลังอิหร่านใกล้บรรลุข้อตกลงกับชาติตะวันตก ในการรื้อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์ ซึ่งหลายชาติกังวลว่า อาจจะทำให้อิหร่านแข็งแกร่งขึ้น
มหาอำนาจตะวันตกเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องของอิหร่าน ที่จะถอนกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน ออกจากรายชื่อกลุ่มผู้ก่อการร้าย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านในปี 2015 ขณะที่สหรัฐฯ ต้องการการยืนยันจากอิหร่านว่าจะลดกิจกรรมทางทหารในตะวันออกกลาง และไม่โจมตีชาวอเมริกัน ซึ่งเป็นการประนีประนอมทางการทูตที่ทำให้อิสราเอลโกรธเคือง ความกังวลนี้กลายเป็นประเด็นหลัก ในการประชุมที่อิสราเอลเป็นเจ้าภาพเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว โดยมีรัฐมนตรีต่างประเทศของบาห์เรน อียิปต์จอร์แดน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือยูเออี รวมถึงแอนโทนี บลิงเคนรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เข้าร่วมด้วย
ยูซุฟ เอริม นักวิเคราะห์การเมืองในตุรกี กล่าวว่ากระแสการปรองดองที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2020 ระหว่างอิสราเอล ตุรกี และรัฐอาหรับ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมนิกายสุหนี่ ได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดในอนาคต นานาประเทศในภูมิภาคนี้เข้าใจดีว่าสหรัฐฯ อาจออกห่างจากชาติตะวันออกกลางในทศวรรษหน้าหรือสองปีข้างหน้า เนื่องจากสหรัฐฯ มุ่งความสนใจไปที่จีนและรัสเซีย ซึ่งทำให้ประเทศตะวันออกกลางจะต้องแก้ปัญหาในภูมิภาคด้วยตัวเอง
ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ พยายามอย่างหนักเพื่อสร้างความมั่นคงและโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจแบบใหม่ในภูมิภาคนี้ ผ่านการเป็นพันธมิตรพหุภาคีที่มีสหรัฐฯ เป็นจุดศูนย์กลาง อย่างข้อตกลงอับราฮัม ซึ่งลงนามเมื่อเดือนตุลาคม 2020 ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพันธมิตรของสหรัฐฯ อย่าง อิสราเอล และสี่ชาติอาหรับ ได้แก่ บาห์เรน โมร็อกโก ซูดาน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กลับมาเป็นปกติเป็นครั้งแรก
สหรัฐฯ ยังสนับสนุนให้อิสราเอลและตุรกี ฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตและความมั่นคงที่ครั้งหนึ่งเคยใกล้ชิดกันด้วย แม้มีความแตกต่างอย่างลึกซึ้งในประเด็นปาเลสไตน์ แต่อิสราเอลและตุรกีสนับสนุนฝ่ายเดียวกัน คือ อาเซอร์ไบจานในวิกฤตขัดแย้งกับอาร์เมเนีย ในปี 2020
แต่ความพยายามในการสร้างสายสัมพันธ์ทางการทูตไม่คืบหน้านัก จนกระทั่งรัสเซียเปิดปฏิบัติการทางทหารในยูเครน โดยไอแซค เฮอร์ซอก ประธานาธิบดีอิสราเอล เยือนตุรกี เมื่อวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา เพื่อพูดคุยกับทายยิป แอร์โดอัน ผู้นำตุรกี ซึ่งกลายเป็น “การเริ่มต้นความสัมพันธ์ครั้งใหม่” ระหว่างสองประเทศ
แทนที่จะสนับสนุนชาติตะวันตก เพื่อยับยั้งประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ผู้นำตุรกีและอิสราเอล กลับนำความพยายามทางการทูตเป็นตัวกลางช่วยไกล่เกลี่ยวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน ขณะที่ซาอุดีอาระเบียและยูเออี ปฏิเสธสหรัฐฯ และพันธมิตรที่เรียกร้องให้เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการคว่ำบาตรของต่อรัสเซียซึ่งทำให้ราคาพลังงานพุ่งสูงขึ้น
จอร์จิโอ คาเฟียโร ที่ปรึกษาด้านความเสี่ยงทางการเมืองในสหรัฐฯ กล่าวว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประเทศต่างๆ เช่น ยูเออี ซาอุดีอาระเบีย อียิปต์ และอิสราเอล ต่างกระชับความสัมพันธ์กับรัสเซีย และไม่อยากตัดสัมพันธ์เพื่อเอาใจสหรัฐฯ ส่วน เอริม นักวิเคราะห์จากตุรกี กล่าวว่า “ผู้ขับเคลื่อน” ของมหาอำนาจตะวันออกกลางเปลี่ยนไปในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา โดยหวนสู่ระบบการเมืองที่ยึดการกระทำมากกว่าอุดมการณ์ ซึ่งนำความสัมพันธ์ระหว่างอธิปไตยกับอธิปไตยกลับมาเป็นความสำคัญสูงสุดในการกำหนดนโยบายต่างประเทศ
นอกจากนี้ ยังมีการจัดลำดับความสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมถึงการค้าและการลงทุนระดับภูมิภาคของตะวันออกกลาง โดยภูมิภาคอ่าวอาหรับกำลังลงทุนอย่างมากในการกระจายความหลากหลายทางเศรษฐกิจ รอการเปลี่ยนแปลงจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลไปเป็นพลังงานหมุนเวียน
ขณะที่อียิปต์และตุรกี ไม่อาจต่อสู้กับสงครามสินค้าที่มีราคาแพงได้อีกต่อไป และกำลังเผชิญกับแรงกดดันด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์อาหารที่มีความอ่อนไหวทางการเมือง เช่น ข้าวสาลี และน้ำมันปรุงอาหารดอกทานตะวัน ที่ส่วนใหญ่นำเข้าจากรัสเซียและยูเครน
ด้านอิหร่านก็ต้องการให้นานาประเทศยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร เพื่อยกเครื่องอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซที่ล้าสมัย รวมถึงเพิ่มการใช้จ่ายสาธารณะเพื่อบรรเทาเสียงวิพากษ์ของประชาชน และยังต้องการรวมเศรษฐกิจของตนเข้ากับประเทศเพื่อนบ้านให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันเศรษฐกิจจากการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ในอนาคตเช่นกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี