กลายเป็นข่าวที่สร้างความฮือฮาตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากสถานีโทรทัศน์เอบีซีนิวส์ (ABC News) เป็นสื่อแรกในสหรัฐฯ ที่รายงานเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ คิดจะรับเครื่องบินที่ราชวงศ์กาตาร์จะมอบให้เป็นของขวัญ เพื่อนำมาใช้เป็นเครื่องบินประจำตำแหน่งประธานาธิบดี หรือ 'แอร์ฟอร์ซวัน' (Air Force One) ต่อไป เครื่องบินที่ว่าไม่ใช่เครื่องบินธรรมดา แต่เป็นเครื่องบินโบอิง 747-8 ใหม่เอี่ยมถอดด้าม มูลค่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 13,200 ล้านบาท) ซึ่งจะถือเป็นของขวัญล้ำค่าที่สุดชิ้นหนึ่งที่รัฐบาลสหรัฐฯ เคยได้รับ
หลังกลายเป็นประเด็นขึ้นมา ทรัมป์โพสต์บนแพลตฟอร์มสื่อออนไลน์ Truth Social ของตนเอง บอกว่า เครื่องบินเป็นของขวัญจากประเทศการ์ตา ที่สหรัฐฯ ให้การปกป้องด้วยความสำเร็จเป็นอย่างดีมาเป็นเวลาหลายปี เหตุใดที่กองทัพสหรัฐฯ ต้องถูกบังคับให้จ่ายเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นเงินจากภาษีของประชาชน ในเมื่อสามารถรับเครื่องบินได้ฟรีจากประเทศที่ต้องการตอบแทนสหรัฐฯ สำหรับงานที่ทำได้เป็นอย่างดี พร้อมกับย้ำว่า มีแต่ 'คนโง่' เท่านั้น ที่จะไม่รับของขวัญนี้ในนามของประเทศสหรัฐฯ เขาคงเป็นคนที่ไม่ฉลาดนัก หากจะกล่าวว่า ไม่อยากได้เครื่องบินแพง ๆ แบบฟรี ๆ
ทรัมป์กล่าวต่อไปว่า เครื่องบินโบอิ้ง 747 ลำนี้ จะส่งมอบให้กับกองทัพอากาศสหรัฐฯ ภายใต้กระทรวงกลาโหม ไม่ได้ส่งมอบให้เขาเป็นเจ้าของแต่อย่างใด โดยจะถูกใช้งานโดยรัฐบาลให้เป็นเครื่องบินประจำตำแหน่งประธานาธิบดี 'แอร์ฟอร์ซวัน' เป็นการชั่วคราว แทนแอร์ฟอร์ซวันลำเดิม ซึ่งเป็นโบอิง 747-200B และใช้งานมาตั้งแต่ปี 2533 จนกว่าเครื่องบินประจำตำแหน่งลำใหม่ ที่บริษัทโบอิ้งส่งมอบล่าช้า ซึ่งคาดว่าจะล่าช้าถึงปี 2570 จะมาถึง จากนั้น เครื่องบินลำนี้จะถูกบริจาคให้แก่ห้องสมุดประธานาธิบดีทรัมป์ (Donald J. Trump Presidential Library Fund Inc.) เมื่อเขาพ้นจากตำแหน่ง และเขาจะไม่ใช้มันภายหลังจากพ้นตำแหน่งแน่นอน
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทรัมป์เคยพูดว่าเขาไม่พอใจโบอิ้ง เกี่ยวกับความล่าช้าในการส่งมอบเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันลำใหม่ 2 ลำ เขายังบอกด้วยว่าทำเนียบขาวควรจะ "ซื้อเครื่องบิน หรือได้เครื่องบิน หรือทำอะไรบางอย่าง" ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกัน เครื่องบินของกาตาร์ถูกจับภาพได้ที่เมืองปาล์มบีช ในรัฐฟลอริดา ระหว่างที่ทรัมป์ตรวจสอบเครื่องบินลำนั้นอยู่
จากเอกสารสรุปข้อมูลจำเพาะของเครื่องบินเมื่อปี 2015 เครื่องบินลำนี้ได้รับการออกแบบอย่างหรูหราโดยบริษัทฝรั่งเศส Alberto Pinto ประกอบไปด้วยห้องนอน 3 ห้อง ห้องรับรองส่วนตัว เลานจ์ 5 ห้อง สำนักงานส่วนตัว และครัว 5 ห้อง
การตัดสินใจของทรัมป์จุดกระแสวิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะจากหน่วยข่าวกรองและหน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐฯ ที่มองว่าการรับเครื่องบินจากต่างชาติเป็น 'ฝันร้ายด้านความปลอดภัย' แหล่งข่าวจากหน่วยสืบราชการลับระบุว่า เครื่องบินต้องถูกตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อหาอุปกรณ์ดักฟังและประเมินความสมบูรณ์ของโครงสร้าง ซึ่งอาจใช้เวลาหลายเดือนถึง 2 ปี และต้องติดตั้งระบบสื่อสารที่ปลอดภัย ระบบป้องกัน และความสามารถในการป้องกันการโจมตีด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า รวมถึงการปรับปรุงให้สามารถเติมน้ำมันกลางอากาศได้ เพื่อให้ประธานาธิบดีสามารถควบคุมกองทัพในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น การโจมตีด้วยนิวเคลียร์ แน่นอนว่าต้องใช้ความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน เช่น หน่วยสืบราชการลับ ซีไอเอ เอ็นเอสเอ และหน่วยสื่อสารของทำเนียบขาว
สมาชิกวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกัน เช่น ริก สกอตต์ คัดค้านโดยระบุว่า "ผมไม่ขึ้นเครื่องบินกาตาร์ เพราะพวกเขาสนับสนุนฮามาส" และตั้งคำถามถึงความปลอดภัย จอช ฮอว์ลีย์ เห็นว่าควรใช้เครื่องบินที่ผลิตในสหรัฐฯ เพื่อความภาคภูมิใจและความมั่นคง ขณะที่ ซูซาน คอลลินส์ ชี้ว่า การรับของขวัญนี้อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ในหมวดที่ห้ามเจ้าหน้าที่รับของขวัญจากต่างชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสภาคองเกรส เท็ด ครูซ ยังเตือนว่าเครื่องบินนี้อาจเป็น "ม้าโทรจันยุคใหม่" ที่เสี่ยงต่อการจารกรรมและการสอดแนม
ฝ่ายเดโมแครต เช่น ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภา ออกมาคัดค้านและขัดขวางการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรม จนกว่าจะได้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องบินลำนี้ แจ็ค รีด จากคณะกรรมาธิการกองทัพ ระบุว่าการรับเครื่องบินนี้อาจเปิดช่องให้ต่างชาติเข้าถึงระบบสื่อสารที่อ่อนไหว ซึ่งเป็นความเสี่ยงด้านการต่อต้านข่าวกรองอย่างมหาศาล
ด้าน คาโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว ระบุว่า รายละเอียดทางกฎหมายเกี่ยวกับการรับเครื่องบินยังอยู่ในขั้นตอนพิจารณา และยืนยันว่าทุกการบริจาคให้รัฐบาลจะเป็นไปตามกฎหมาย ลีวิทต์ปฏิเสธข้อกังวลว่ากาตาร์อาจเรียกร้องผลประโยชน์ตอบแทน โดยย้ำว่าทรัมป์ทำงานเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนอเมริกันเท่านั้น
ไม่เพียงแต่ประเด็นความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและความมั่นคงเท่านั้น หลายฝ่ายยังติงท่าทีของทรัมป์ ว่าอาจเป็นการผิดจริยธรรมและผิดกฎหมายว่าด้วยนักการเมืองด้วย อดัม ชิฟฟ์ วุฒิสมาชิกจากพรรคเดโมแครต อ้างถึงส่วนหนึ่งของรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ที่ระบุว่า ไม่ควรมีเจ้าหน้าที่รัฐที่ได้รับเลือกตั้งคนใดรับ "ของขวัญใด ๆ... หรือประโยชน์อื่นใด" จากผู้นำของรัฐอื่น โดยที่ไม่ผ่านการเห็นชอบจากสภาคองเกรส ตามกฎหมายว่าด้วยของขวัญและของตกแต่งต่างประเทศ ซึ่งบัญญัติว่าการจะรับของขวัญจากต่างประเทศที่มีมูลค่าเกินที่กำหนดไว้จะต้องได้รับการเห็นชอบจากสภาคองเกรสก่อน ซึ่งปัจจุบัน เจ้าหน้าที่รัฐของสหรัฐฯ สามารถรับของขวัญที่มีมูลค่าไม่เกิน 480 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 16,031 บาท)
ในประเด็นว่าเครื่องบินเป็นของขวัญของทรัมป์หรือไม่นั้น ชีค โมฮัมเหม็ด บิน อับดุลเราะห์มาน บิน จัสซิม อัล-ธานี นายกรัฐมนตรีกาตาร์และรัฐมนตรีต่างประเทศของกาตาร์ ปฏิเสธข้อครหาเกี่ยวกับการมอบเครื่องบิน โดยย้ำในการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น (CNN) เมื่อวันพุธ (14 พ.ค.) ว่านี่เป็นการทำธุรกรรมระหว่างกระทรวงกลาโหมกาตาร์และกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือเพนตากอน ไม่ใช่ของขวัญส่วนตัวให้ทรัมป์ และจะถูกปรับปรุงให้สอดคล้องกับมาตรฐานด้านความปลอดภัยและมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของแอร์ฟอร์ซวัน แต่ยืนยันว่า การโอนเครื่องบินยังอยู่ระหว่างการพิจารณาระหว่างกระทรวงกลาโหมของทั้ง 2 ฝ่าย และยังไม่มีการตัดสินใจขั้นสุดท้าย พร้อมย้ำว่านี่เป็นธุรกรรมที่โปร่งใส และกาตาร์มองว่าการมอบเครื่องบินเป็นการแสดงไมตรีจิตต่อพันธมิตรสำคัญ อัล-ธานีเสริมว่า หากสหรัฐฯ มีความต้องการที่ถูกต้องตามกฎหมาย กาตาร์พร้อมให้ความช่วยเหลือ โดยไม่มีเงื่อนไขแอบแฝง
การรับเครื่องบินจากกาตาร์อาจเป็นโอกาสสำหรับสหรัฐฯ ในการลดภาระงบประมาณในช่วงที่โครงการแอร์ฟอร์ซวันรุ่นใหม่ของโบอิ้ง เผชิญปัญหาค่าใช้จ่ายพุ่งสูงถึง 3,900 ล้านดอลลาร์ และขาดทุนไปแล้ว 2,500 ล้านดอลลาร์ การใช้เครื่องบินชั่วคราวอาจช่วยให้ทรัมป์รักษาภาพลักษณ์ผู้นำที่ประหยัดงบประมาณและเจรจาเพื่อผลประโยชน์ของชาติได้ โดยเฉพาะเมื่อเขาเปรียบเทียบแอร์ฟอร์ซวันรุ่นเก่า กับเครื่องบินทันสมัยของชาติพันธมิตร
การรับเครื่องบินนี้ยังอาจเป็นเครื่องมือสร้างภาพลักษณ์ของทรัมป์ ว่าเขาสามารถเจรจาดีลที่ยิ่งใหญ่ได้ แต่ก็เสี่ยงถูกโจมตีว่าให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์มากกว่าความมั่นคงและจริยธรรม การตัดสินใจครั้งนี้จึงเป็นดาบสองคมที่อาจส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของเขาในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อทั้งรีพับลิกันและเดโมแครตแสดงความกังวล
ขณะเดียวกัน การรับของขวัญมูลค่าสูงจากกาตาร์ ซึ่งบางฝ่ายในสหรัฐฯ วิจารณ์ว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มฮามาส อาจถูกมองว่าเป็นการเปิดช่องให้ต่างชาติมีอิทธิพลต่อนโยบายสหรัฐฯ อีกทั้งการปรับปรุงเครื่องบินให้ได้มาตรฐานแอร์ฟอร์ซวัน อาจใช้เวลาและเงินมากกว่าที่คาด ซึ่งอาจทำให้เป้าหมายประหยัดงบประมาณของทรัมป์ไม่เป็นผล
ดาโน โทนาลี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี