สมโภชพระนคร ๒๐๐ ปี
ด้วยการตั้งบ้านแปงเมืองแต่อดีตนั้น ให้ความสำคัญกับการตั้งเสาหลักเมือง ซึ่งมีการวางดวงชะตาด้วยฤกษ์งามยามดี ดังนั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ ทรงโปรดเกล้าฯให้กระทำพิธียกเสาหลักเมือง ในวันอาทิตย์ เดือน ๖ ขึ้น ๑๐ ค่ำ ตรงกับวันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๓๒๕ เวลา ๐๖.๔๕ นาฬิกา ตามตำราพระราชพิธีนครฐาน โดยใช้ไม้ชัยพฤกษ์เป็นเสาหลักเมือง ประกับด้านนอกด้วยไม้แก่นจันทน์แล้วจึงเป็นหมุดหมายของการประกาศความเป็นอาณาจักรที่มั่นคงและเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้อาณาประชาราษฎร์สักการะนับถือ เดิมนั้นเสาหลักเมืองมีเพียงศาลาที่ปลูกกันแดดกันฝนเท่านั้น ยังไม่มีสิ่งก่อสร้างใดใดที่เป็นพระนคร ครั้งนั้นได้สร้างพลับพลาอาคารไม้ชั่วคราวสำหรับจัดพิธีปราบดาภิเษกในวันที่ ๑๐-๑๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๓๒๕ หลังจากนั้นในปีเถาะ เบญจศก พ.ศ. ๒๓๒๖ จึงโปรดให้ตั้งกองสักเลกไพร่หลวงสมกำลังและเลกหัวเมืองทั้งปวง ออกไประดมรื้อเอาอิฐกำแพงจากเมืองกรุงเก่ารื้อป้อม กำแพงของกรุงธนบุรีข้างตะวันออก แล้วขยายแนวสร้างกำแพงเมืองยาวประมาณ ๗ กิโลเมตรภายในกำแพงให้สร้างพระที่นั่งอมรินทราภิเษกมหาปราสาท เสร็จแล้วยกยอดฉัตร เมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๒๗ และสร้างพระอุโบสถพระอารามหลวง เสร็จแล้วอัญเชิญพระแก้วมรกตประดิษฐานเมื่อวันที่ ๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๓๒๗ ทั้งพระอารามและพระที่นั่งจึงเสร็จพร้อมแล้วได้มีงานฉลองเบื้องต้นในปี พ.ศ.๒๓๒๘ และได้ทรงโปรดเกล้าฯให้มีพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแบบสมบูรณ์ตามโบราณราชประเพณีในเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๓๒๘ อีกครั้งหนึ่งตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๓๑-๒๓๕๒ นั้นได้มีการสร้างพระมณฑปหอมณเฑียรธรรม หอระฆัง เมื่อเสร็จแล้ว จึงทรงโปรดเกล้าฯให้จัดสมโภชพระอารามและพระบรมมหาราชวังนับว่าเป็นการสมโภชพระนครครั้งแรก ในวัน ๖ เดือน ๖ ขึ้น ๑๕ ค่ำ ปี พ.ศ. ๒๓๕๒
ผังกรุงเทพสมัยแรก
ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้มีพระราชพิธีสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๑๐๐ ปีเรียกกันว่า “สมโภชพระนคร” ในวันอังคาร ขึ้น ๔ ค่ำเดือน ๖ ปีมะเมีย จัตวาศก ศักราช ๑๒๔๔ ตรงกับวันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๒๕ โดยใช้วันตั้งเสาหลักเมือง พิธีนี้ตอนเช้าได้อัญเชิญพระบรมรูปของรัชกาลที่ ๑ ขึ้นประดิษฐานบนพระที่นั่งศิวาลัยมหาปราสาท แล้วเลี้ยงพระสงฆ์ทั้งในพระบรมมหาราชวังและรอบกำแพงพระบรมมหาราชวัง จำนวน ๑,๖๒๔ รูป จากนั้นพระองค์ได้เสด็จกระบวนพยุหยาตราสถลมารค ประทับพลับพลาจัตุรมุข ณ ท้องสนามหลวง ทรงก่อพระฤกษ์ศาลหลวง ตอนบ่ายเสด็จพระราชดำเนินออกทรงโปรยทานและทอดพระเนตรจุดดอกไม้เพลิง ณ พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ งานสมโภชครั้งนี้ได้หล่อพระบรมรูปรัชกาลที่ ๑-๔ และบูรณปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พร้อมกับจัดสมโภชวัดฯในวันที่ ๑๗ เมษายนด้วย โดยมีมหรสพฉลองอย่างมโหฬารทั้งในกรุงและหัวเมืองทั่วพระราชอาณาจักร ๗ วัน ๗ คืนมีทั้งโขน ละครใน ละครชาตรี หุ่นกระบอก และการละเล่นต่างๆ ทั่วบริเวณท้องสนามหลวง และให้มีการละเล่นรอบกำแพงพระนครตามระยะป้อมรวม ๑๘ ตำบลตามท้องน้ำ ๕ ตำบล ตามป้อมต่างๆ และตามบริเวณกำแพงเมืองนั้นมีละคร งิ้ว และการแสดงอื่นๆ โดยจัดตั้งแต่วันที่ ๑๘-๒๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๒๕ รวม ๔ วัน ๔ คืนอีกทั้งยังจัดแสดงพิพิธภัณฑ์วัตถุ สิ่งของที่ประดิษฐ์ในประเทศให้ประชาชนได้ชมที่ท้องสนามหลวง ตั้งแต่วันที่๒๖ เมษายน-๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๒๕ รวม ๕๒ วัน นอกจากนี้มีการจัดงานการแสดงสินค้าแห่งชาติ (National Exhibition)หรือ “แนชันนาล เอกษฮีบิชัน” โดยรวบรวมบรรดาผลผลิตในกรุงสยามทั้งมวลมาจัดแสดงเพื่อส่งเสริมให้ชาวต่างชาติได้รู้จักสินค้าไทยมากยิ่งขึ้น งานนี้ได้รับการสนับสนุนจากสถานทูตต่างๆ และชาวยุโรปที่รับราชการอยู่กับราชสํานักสยาม เช่น ชาวอิตาเลียนอังกฤษ และเยอรมัน งานสมโภชครั้งนี้จึงเป็นต้นแบบในการจัดงานสมโภชพระนคร ๑๕๐ ปี ในรัชกาลที่ ๗และงานสมโภชพระนคร ๒๐๐ ปี ในรัชกาลที่ ๙โดยมีการสร้างสิ่งที่เป็นอนุสรณ์ในวาระสำคัญทุกครั้ง ส่วนงานสมโภชพระนครทุกปีนั้น เพิ่งมาเริ่มจัดกันภายหลังจนกลายเป็นงานรื่นเริงบันเทิงใจ ที่ยังคงรูปแบบแต่งตัวย้อนยุค มีการแสดงละคร โขน ดนตรี การแสดงแสง สี เสียง อภิปรายวิชาการโดย กระทรวงวัฒนธรรม และกรมศิลปากร ต่อจากเทศกาลสงกรานต์...ตามสถานการณ์ที่ให้ผู้คนได้เที่ยวเตร่ถ่ายภาพกันไม่เหมือนอดีตกาล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี