เสมาหินบนภูพระบาท
อาทิตย์นี้ได้ตามรอยสยามไปติดตามภูมิวิถีพิธีกรรมโบราณแห่งเดียวที่มีหลักฐานโบราณคดีว่าภูพระบาท อุดรธานี นั้น เป็นแหล่งมีมนุษย์เข้ามาใช้พื้นที่สร้างกิจกรรมแล้วตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งพบภาพเขียนสีอยู่ตามเพิงหิน กระจัดกระจายอยู่ภายในภูพระบาทมากกว่า ๔๗ แห่ง มีทั้งภาพคนภาพฝ่ามือ ภาพสัตว์ และลวดลายเรขาคณิต จากฝีมือมนุษย์ เมื่อราว ๒,๐๐๐-๓,๐๐๐ ปี โดยสัมพันธ์กับหลักฐานอื่นๆ ที่พบ เช่น ขวานหินขัด ลูกปัดอาเกต และเศษภาชนะดินเผาเนื้อเครื่องดินอยู่บนที่ราบริมลำน้ำโขงและเชิงเขาภูพาน กับพบร่องรอยหลักฐานทางประวัติศาสตร์ว่า ภูพระบาทนั้นเป็นตัวแทนของอารยธรรมที่สืบรุ่นต่อเนื่องจากคนก่อนประวัติศาสตร์ ผ่านเรื่องราวต่างๆ ในพุทธศตวรรษที่ ๑๔-๑๖ ที่มีการได้รับอารยธรรมทวารวดี จากการปักเสาหินล้อมรอบเพิงหินทราย ในการจัดพิธีกรรมนับถือทั้งผี ทั้งพราหมณ์ฮินดู และพุทธศาสนา ซึ่งพบว่ามีการแกะสลักเทวรูป-พระพุทธรูปลงบนเพิงหิน จนสะท้อนถึงการต่อเชื่อมอิทธิพลจากวัฒนธรรมเขมร หรือลพบุรีโดยพบเทวรูปศิลปะเขมรในพุทธศตวรรษที่ ๑๕-๑๘แล้วยังพบว่าได้รับอิทธิพลของวัฒนธรรมล้านช้างแผ่เข้าในราวพุทธศตวรรษที่ ๒๒-๒๓ ซึ่งพบพระพุทธรูปศิลปะสกุลช่างล้านช้างหรือลาวอยู่ตามถ้ำด้วย และพบว่าได้มีการสร้าง รอยพระพุทธบาทบัวบก พระพุทธบาทหลังเต่า พระพุทธบาทบัวบานพระพุทธบาทในถ้ำอุปโมง อยู่รอบบริเวณภูพระบาทด้วย ดังนั้น เมื่อมีการเสนอชื่อเบื้องต้นของมรดกโลกในปี ๒๕๔๗ และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อ พ.ศ.๒๔๖๒ เห็นชอบให้เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านวัฒนธรรมของประเทศ โดยให้กระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันผลักดันการขึ้นทะเบียนแหล่งโบราณคดีแห่งนี้เป็นมรดกโลกต่อไป ด้วยเป็นอุทยานแห่งเดียวที่อยู่ในพื้นที่ของกรมป่าไม้
แผนที่สถานที่บนภูพระบาท
ดังนั้น อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทอ.บ้านผือ จ.อุดรธานี จึงได้จัดให้มีการศึกษาต่อเนื่องและสร้างความร่วมมือกัน โดย นายกิตติพันธ์พานสุวรรณ อธิบดีกรมศิลปากร นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ นายปราโมทย์ ธัญญพืช รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี นายวิมล สุระเสน นายอำเภอ บ้านผือ นายมงคล มีลา นายกเทศมนตรีตำบลกลางใหญ่ และนายเอกพล ศรีทอง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเมืองพาน ร่วมกันนำเสนออุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทเข้าสู่บัญชีมรดกโลกพร้อมกันนั้นได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกำหนดรูปแบบการบริหารจัดการแหล่งมรดกวัฒนธรรม เพื่อนำแผนการบริหารจัดการไปปฏิบัติ โดยผู้บริหารกรมศิลปากร ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ ๘ ขอนแก่น และหัวหน้าอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ประสานการดำเนินการในการส่งเสริมศักยภาพของโบราณสถาน โดยเฉพาะอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ที่ปรากฏร่องรอยอารยธรรมร่วมสมัยกับความเชื่อของมนุษย์ มาตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์จนเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของภูมิภาคอีสาน โดยเฉพาะฝั่งไทยและฝั่งลาวที่มีการใช้มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน สำหรับภูพระบาทได้จดทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติ เมื่อปีพ.ศ.๒๔๒๔ และเมื่อวันที่๒๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๓๕ ได้นำวัฒนธรรมเสมา ซึ่งอยู่ที่บริเวณวัดพระพุทธบาทบัวบานนั้น เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานประวัติศาสตร์ด้วย พร้อมกับได้พัฒนาพื้นที่ร่วมกัน จนมีอัตลักษณ์เฉพาะตนที่โดดเด่น ด้วยเป็นพื้นที่ที่รักษาความเป็นต้นแบบดั้งเดิมที่มนุษย์สร้างขึ้นโดยไม่ถูกรบกวน “ภูพระบาท”แห่งนี้มีพื้นที่ใช้ประกาศเป็นแหล่งมรดกโลกประมาณ๓,๖๖๑ ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ของกรมป่าไม้และพื้นที่อื่นๆที่เกี่ยวเนื่องจนอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทถูกนำเสนอเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมภายใต้เกณฑ์การขึ้นทะเบียนมรดกโลก ที่เป็นลักษณะเด่น คือ ๑.มีเอกลักษณ์ที่หายากยิ่งด้วยลักษณะของภูพระบาทนี้ไม่พบที่ใดในไทย และยังเชื่อว่าในเขตภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือที่อื่นๆ นั้นก็ไม่มีด้วย ๒.เป็นแหล่งที่มีความโดดเด่นในการปรับใช้พื้นที่ของธรรมชาติมาเป็นพื้นที่วัฒนธรรมอันเกิดจากความเชื่อในศาสนาและสร้างเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ วันนี้อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท และแหล่งวัฒนธรรมสีมา วัดพระพุทธบาทบัวบานนั้น ได้รักษาและพัฒนาแหล่งโบราณคดีที่มีความสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องยุคสมัยมาแต่โบราณไว้เป็นอย่างดี นับเป็นแหล่งโบราณคดีและสถานที่ปฏิบัติธรรมที่มีพระเถระรูปสำคัญจากอดีตถึงปัจจุบันเคยมายังสถานที่นี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี