บริเวณปราสาทสด๊กก๊อกธม
อาทิตย์นี้ได้ตามรอยสยามเข้าไปสืบค้นภูมิพราหมณ์โบราณ ที่ปราสาทสด๊กก๊อกธม ซึ่งตั้งอยู่บ้านหนองหญ้าแก้ว หมู่ที่ ๙ ตำบลโคกสูง อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นอุทยานประวัติศาสตร์แห่งใหม่ และมีพิธีเปิดเป็นทางการเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๕ เวลา ๐๙.๔๓ น. ที่ผ่านมา
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดและทอดพระเนตรศูนย์การเรียนรู้และอุทยานประวัติศาสตร์สด๊กก๊อกธม ด้วยเหตุที่เป็นปราสาทขนาดใหญ่อยู่ใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชาประมาณ๑ กิโลเมตร เคยอยู่ในพื้นที่อันตรายมาก่อน และด้วยความสำคัญทางประวัติศาสตร์ จึงทำให้กรมศิลปากรต้องบูรณะให้ฟื้นคืนรูปปราสาทด้วยวิชาการแบบใหม่คือวิธีอนัสติโลซิส เป็นวิธีเรียงก้อนหินเข้าที่ซึ่งต้องใช้เวลานานมาก
คณะผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรมและกรมศิลปากร
ศาสนสถานหรือปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๑๕๙๕ ในสมัยพระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ ๒ (พ.ศ.๑๕๙๓-๑๖๐๙) เพื่อประทานแด่พระราชครูผู้ลาสิกขาจากสมณเพศคือ “ศรีชเยนทรวรมัน” ซึ่งมีนามเดิมว่า “สทาศิวะ” ด้วยเหตุที่พระราชครูผู้นี้มีศักดิ์เป็นพระชามาดาของพระเจ้าสุริยวรมันที่ ๑ อีกทั้งยังเป็นผู้ประกอบพิธีบรมราชาภิเษกถวายแด่ พระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ ๒ ปราสาทแห่งนี้จึงถูกสร้างเป็นพิเศษคือ สร้างปราสาทที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมเขมร สำหรับศาสนาพราหมณ์ลัทธิไศวนิกาย ประกอบด้วยปราสาทองค์ประธานประดิษฐานศิวลึงค์และฐานโยนีสำหรับพิธีกรรม บรรณาลัย ๒ หลัง หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ซึ่งล้อมรอบด้วยระเบียงคดและกำแพงแก้ว อาคารทั้งหมดนั้นก่อด้วยหินทรายและศิลาแลง ตกแต่งพื้นผิวในพื้นที่สำคัญด้วยการแกะสลักลวดลายลงบนเนื้อหินให้เป็นภาพเล่าเรื่องราวในศาสนาพราหมณ์ฮินดูประกอบกับลายพันธุ์พฤกษาที่เป็นศิลปะขอมแบบคลัง-บาปวน ที่มีอายุในปลายพุทธศตวรรษที่ ๑๖ ตามผังของปราสาทที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออกนั้น มี “บาราย” ขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้า เชื่อมต่อด้วย ทางดำเนินประดับที่มี “เสานางเรียง” และซุ้มประตู “โคปุระ” และอาคารมีระเบียงคดหรือโคปุระสร้างจากหินทรายและศิลาแลงล้อมรอบปราสาทชั้นในไว้หลักฐานสำคัญมากคือพบศิลาจารึก ๒ หลัก จารึกเป็นอักษรขอมโบราณจารึกหลักที่ ๑ บอกถึงอายุการสร้างและวัตถุประสงค์ของการสร้าง สำหรับจารึกหลักที่ ๒ เป็นจารึกที่สำคัญมากจารึกถึงลำดับรายพระนามกษัตริย์เขมรสมัยเมืองพระนครถึงพระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ ๒ เดิมนั้นปราสาทแห่งนี้น่าจะมีชื่อเดิม ปราสาทศทาศิวะไหมหรืออะไร แต่ด้วยเหตุที่ปราสาทใหญ่ที่มีต้นกกขึ้นรกรุงรัง ชาวบ้านจึงเรียกใหม่จากถูกเรียกว่าปราสาทเมืองพร้าว มาก่อนแล้ว เป็นปราสาทสด๊กก๊อกธม คำว่า “สด๊กก๊อกธม”เป็นภาษาเขมร คำว่า “สด๊ก” มาจากคำว่า “สด๊อก” แปลว่า รก ทึบ คำว่า“ก๊อก” แปลว่า ต้นกก และคำว่า“ธม” แปลว่า ใหญ่ ดังนั้น “สด๊กก๊อกธม” จึง แปลว่า ปราสาทขนาดใหญ่ที่รกไปด้วยต้นกกกรมศิลปากรได้อนุรักษ์ปราสาทสด๊กก๊อกธม ตั้งแต่ พุทธศักราช ๒๕๓๖-๒๕๕๗ ตามหลักการอนุรักษ์และบูรณะโดยวิธีอนัสติโลซิส บนพื้นฐานของงานโบราณคดีและดำเนินการปรับปรุงภูมิทัศน์เบื้องต้นเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว โดยมีลานจอดรถห้องสุขา ซุ้มจำหน่ายของที่ระลึกระบบน้ำ ระบบไฟ และดูแลความสะอาดภายในบริเวณปราสาท สำนักศิลปากรที่ ๕ปราจีนบุรี ผู้รับผิดชอบพื้นที่ได้ดำเนินการประสานจังหวัดสระแก้วตั้งคณะกรรมการพัฒนาเพิ่มศักยภาพโบราณสถานปราสาทสด๊กก๊อกธมให้เป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมสู่อาเซียน โดยมีการเตรียมรายละเอียดในการจัดทำแผนแม่บท แผนปฏิบัติการ บริหารจัดการและปรับภูมิทัศน์เป็นอุทยานประวัติศาสตร์แห่งใหม่ ตามมติของการประชุมเมื่อวันที่ ๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙ แม้จะอยู่ห่างไกลใกล้ชายแดน ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่น่าสนใจยิ่งหากไปตลาดโรงเกลือ อรัญประเทศ จ.สระแก้ว แล้วไม่ไปปราสาทเขาโล้น ไม่ไปอุทยานประวัติศาสตร์แห่งใหม่นี้ก็เสียดายโอกาสครับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี