ช่วงเวลาที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ในหลายๆ ระลอกที่ผ่านมา ล้วนส่งผลต่อการใช้ชีวิตของเด็กๆ อยู่ไม่น้อย ไหนจะเรื่องการเรียนซึ่งมีทั้งไปเรียนที่โรงเรียนและเรียนออนไลน์อยู่ที่บ้าน เรื่องการออกไปเรียนรู้ตามวัยในการทำกิจกรรมต่างๆนอกบ้านเป็นวิถีการดำเนินชีวิตแบบใหม่ที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ถ้าออกนอกบ้านต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ ก่อนไปเรียนที่โรงเรียนต้องมีการตรวจ ATK เป็นระยะ ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายทุกวัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อแล้วนำไปแพร่เชื้อให้เพื่อนๆ
ที่โรงเรียน บางโรงเรียนต้องสลับวันกันไปเรียนกับเพื่อนเพื่อเว้นระยะห่างขณะนั่งเรียนในห้องเรียน รวมถึงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แต่ละชนิดจะป้องกันเชื้อกลายพันธุ์ใหม่ๆ ได้หรือไม่ แน่นอนว่าสถานการณ์เช่นนี้ย่อมทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองรู้สึกวิตกกังวลกับผลกระทบที่มีต่อลูกรักในด้านต่างๆ อยู่ไม่น้อย เพราะนอกจากเรื่องของสุขภาพแล้ว ทักษะการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป ต่างส่งผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็ก จนอาจทำให้พวกเขาพลาดโอกาสในการนำสิ่งที่ได้เรียนรู้นำไปต่อยอดและดำเนินชีวิตในสังคมต่อไป
ข้อมูลจาก รศ.พญ.ทิพวรรณ หรรษคุณาชัย กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก เปิดเผยว่า การเลี้ยงลูกท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้เป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับพ่อแม่ยุคใหม่ที่จะต้องพร้อมรับมือและปรับตัวตลอดเวลา ทั้งเรื่องโภชนาการเพื่อรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่และหลากหลายการนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ การใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างเหมาะสม ควบคู่กับการเลี้ยงดูและจัดกิจกรรมที่สร้างสรรค์ ส่งเสริมพัฒนาการตามวัย เพื่อให้ลูกน้อยเติบโตทั้งร่างกาย สติปัญญาและจิตใจ พร้อมเรียนรู้ในทุกช่วงเวลาของชีวิต
โอกาสที่ลูกๆ ต้องเสียไป พ่อแม่ทำอะไรได้บ้าง
ในเมื่อเรายังต้องอยู่ท่ามกลางวิกฤตที่ไม่รู้จะจบสิ้นเมื่อไร ในฐานะพ่อแม่ นอกจากต้องประคับประคองจิตใจไม่ให้หลุดลอยไปกับความเครียดแล้ว มีอะไรที่คุณควรจะทำให้กับลูกๆ ในช่วงเวลานี้บ้าง ลองมาดูกัน
สร้างความสัมพันธ์ที่ดี ถือเป็นโอกาสที่ดีในการมีเวลาอยู่ร่วมกันมากขึ้น พ่อแม่ต้องทำงานที่บ้าน ส่วนลูกต้องเรียนออนไลน์ การทำงานควบคู่ไปกับการเลี้ยงลูกและดูแลเรื่องการศึกษา อาจทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองรู้สึกเครียด แต่คุณต้องรู้จักจัดตารางเวลางาน การจัดการอารมณ์ตนเอง รวมถึงมีเวลาคุณภาพให้กับลูก โดยการพูดคุย รับฟัง ชื่นชมในสิ่งที่ลูกทำความดี แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องที่ต้องปรับทัศนคติ มีช่วงเวลาการทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันอย่างสนุกสนานไปกับลูก เช่น การทำอาหาร การจัดบ้าน การปลูกต้นไม้ การร้องเพลง ออกกำลังกายทุกวัน เพื่อปลดปล่อย
พลังงานของเด็กและลดความตึงเครียด ถือเป็นโอกาสดีที่พ่อแม่จะได้ใช้ชีวิตครอบครัวร่วมกันกับลูกๆ มากขึ้น ทำให้ลูกรู้สึกถึงความรัก ความผูกพัน ความเอื้ออาทรและความมั่นคงของครอบครัว
สอนลูกด้วยความรัก คุณต้องประคองสติให้ดีแม้จะต้องทำงานที่บ้าน (Work From Home) และรับมือกับความเครียดรอบด้าน บางครั้งลูกอาจดื้อไม่ฟัง จนทำให้คุณรู้สึกเหนื่อย หงุดหงิด อารมณ์เสียได้ง่ายๆ ขอเตือนว่าอย่าระเบิดอารมณ์ใส่เด็กๆ เพราะการดุว่า ตำหนิ ตะคอกลูก หรือฉุนเฉียวใส่ลูกอาจทำให้เขาเกิดการต่อต้าน ไม่ค่อยเชื่อฟังและยังเป็นการทำร้ายจิตใจเด็ก แต่ให้คุณลองเปลี่ยนวิธีเป็นการชื่นชม ผ่านทั้งคำพูด ท่าทาง สีหน้า น้ำเสียง เมื่อเขาทำในสิ่งที่คุณต้องการแทน เช่น ชื่นชมลูกเมื่อเล่นของเล่นแล้วเก็บเข้าที่ หรือมีสมาธิ ตั้งใจ รับผิดชอบเรียนออนไลน์ได้ด้วยตนเองอย่างเต็มที่
ฝึกลูกทำกิจวัตรตามเวลา การบริหารเวลา เป็นทักษะหนึ่งที่สำคัญและจำเป็นในการใช้ชีวิต คุณควรฝึกให้ลูกรู้จักจัดตารางกิจวัตรประจำวันในแต่ละวันด้วยตัวเอง เช่น เจ็ดโมงเช้าต้องตื่นมาอาบน้ำ แปรงฟัน รับประทานอาหารเช้า เข้าเรียนออนไลน์แปดโมงตรงเวลา สามทุ่มต้องเข้านอน นอกจากจะเป็นการกำหนดเวลาว่าลูกจะต้องทำอะไรในแต่ละวันแล้ว ยังช่วยฝึกให้ลูกรู้จักวางแผนล่วงหน้า มีระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบทำตามกิจกรรมที่วางไว้ รู้จักการแก้ปัญหา มีความยืดหยุ่น รู้จักรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดี
จัดเวลาให้สมดุล เพื่อแบ่งเวลาสำหรับเรื่องการเรียนและกิจกรรมต่างๆ ไปด้วยกันอย่างเหมาะสม เพราะนอกจากเรื่องเรียนแล้ว ลูกก็ต้องการเวลาสำหรับวิ่งเล่นหรือผ่อนคลายอย่างอิสระเช่นกัน ดังนั้นคุณควรกำหนดเวลาว่าลูกจะต้องทำอะไรในแต่ละวันบ้าง และอย่าลืมปล่อยให้มีช่วงเวลา Free Time เพื่อเด็กจะได้ดูการ์ตูน หรือทำกิจกรรมอื่นที่อยากทำบ้าง เพราะหากกำหนดตารางแน่นจนไม่มีเวลา แทนที่ลูกจะเข้าใจและเรียนรู้การบริหารเวลาที่ดี อาจกลายเป็นทำให้ลูกเครียด กดดัน และไม่มีความสุขได้
เติมสังคมที่ขาดหายไป การพลาดช่วงเวลาที่เด็กจะได้อยู่กับเพื่อน รวมถึงการเรียนรู้ที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนในวัยเดียวกัน เด็กๆ จะรู้สึกว่าชีวิตเขาไม่เหมือนเดิมซึ่งอาจจะเหงาและคิดถึงเพื่อนฉะนั้นคุณอาจต้องใช้เทคโนโลยีเป็นตัวเชื่อมโยงให้การติดต่อกับเพื่อนๆ ไม่ขาดหาย โดยการรวมกลุ่มจัด Online Hangout ผ่านแอปต่างๆ ให้เด็กได้มีโอกาสพูดคุย แบ่งปันความรู้สึก เห็นหน้าค่าตากันให้คลายเหงาบ้าง หรือถ้าสนิทกับเพื่อนคนไหนเป็นพิเศษก็ลองจัดให้เรียนออนไลน์ไปพร้อมกัน ลูกจะรู้สึกได้เรียนกับเพื่อนเหมือนอยู่โรงเรียน สร้างความกระตือรือร้นให้การเรียนออนไลน์ไม่น่าเบื่อ
แม้การดูแลลูกๆ ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ระบาดจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่หากพ่อแม่ผู้ปกครองรู้จักปรับตัว เรียนรู้ เข้าใจ และแก้ไขปัญหาในหนทางใหม่ๆ วิกฤตครั้งนี้ก็เป็นโอกาสสำหรับสมาชิกในครอบครัวได้มีเวลาอยู่ร่วมกันมากขึ้นเพื่อสร้างความรัก ความเข้าใจอย่างมีความสุขและอบอุ่น ซึ่งเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุด
ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี