ทุกคนทราบดีว่าการออกกำลังกายเป็นเรื่องดีต่อสุขภาพ ที่สำคัญไม่ว่าคุณจะออกกำลังกายประเภทไหนและช่วงเวลาใด จะต้องมีการอบอุ่นร่างกาย (Warm Up) ก่อนออกกำลังกาย เพื่อเตรียมความพร้อมของร่างกาย ให้กล้ามเนื้อมีความยืดหยุ่น ลดการบาดเจ็บ เมื่อออกกำลังกายเสร็จ เราก็ควรผ่อนคลายร่างกาย (Cool Down) โดยเน้นการยืดเหยียดกล้ามเนื้อ เพื่อลดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ ปรับการทำงานของร่างกายให้กลับเข้าสู่สภาวะปกติ ใช้เวลาอย่างน้อย 5-15 นาที
อย่างไรก็ตาม บางคนอาจไม่ทราบว่า การออกกำลังจะทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้นอาจทำให้หัวใจหยุดเต้นกะทันหันและหัวใจวายได้ในคนที่มีความเสี่ยงหรือมีภาวะโรคหัวใจ โดยร้อยละ 50 ของคนกลุ่มนี้มักไม่รู้ตัวมาก่อนว่ามีโรคหัวใจซ่อนอยู่ ดังนั้น คนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ที่ออกกำลังกายหนัก เช่น การวิ่งมาราธอน ฟุตบอล เป็นต้น จำเป็นต้องตรวจคัดกรองโรคหัวใจ รวมถึงตรวจดูความตีบของหลอดเลือดหัวใจที่อาจซ่อนอยู่ และเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตกะทันหันในขณะออกกำลังกาย
ข้อมูลจาก แพทย์หญิงทรายด้า บูรณะสิน อายุรแพทย์โรคหัวใจและหลอดเลือดโรงพยาบาลเวชธานีเปิดเผยว่า ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (Sudden Cardiac Arrest) คือภาวะที่หัวใจหยุดเต้นกะทันหันโดยไม่มีอาการเตือนล่วงหน้า ส่วนภาวะหัวใจวาย (Heart Attack) คือภาวะที่กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงและไม่สามารถปั๊มเลือดไปเลี้ยงร่างกายให้เพียงพอต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ ซึ่งทั้ง 2 ภาวะสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกช่วงวัย
ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันและภาวะหัวใจวายสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีปัญหาโรคหัวใจแต่กำเนิด มีภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ เส้นเลือดหัวใจตีบ หรือมีประวัติครอบครัวป่วยด้วยโรคหัวใจ ซึ่งหลายคนไม่รู้ตัวและไม่เคยตรวจคัดกรอง ยิ่งถ้าไปออกกำลังกายหนักๆ จนทำให้หัวใจทำงานหนักมากเกินไปก็อาจทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิตได้
สำหรับการตรวจหาความผิดปกติของหลอดเลือดหัวใจก่อนออกกำลังกาย แบ่งได้เป็น 4 วิธี ดังนี้
1.การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (Exercise stress test : EST) หรือที่เรียกง่ายๆ ว่าการวิ่งสายพาน แต่จะไม่สามารถแสดงผลได้หากมีอาการตีบเพียงเล็กน้อยและหัวใจยังสูบฉีดเลือดได้ดี
2.การตรวจคราบหินปูนในหลอดเลือดหัวใจ (Coronary artery calcium scoring) คือการใช้เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ตรวจหาหินปูนที่บริเวณหลอดเลือดแดง หากพบค่าที่สูงกว่า 400 มีโอกาสที่ผู้ป่วยจะเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจตีบในระยะเวลา 2-5 ปีข้างหน้า
3.ตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์หลอดเลือดหัวใจ (coronary CCTA) อาจพิจารณาทำในบุคคลที่มีความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจสูงมาก เช่น คำนวณความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจและหลอดเลือดในระยะเวลา 10 ปีของท่านแล้วมากกว่า 10% หรือมีประวัติในครอบครัว หรือมีภาวะไขมันโลหิตสูงจากพันธุกรรม และต้องการออกกำลังกายแบบเข้มข้น
4.การสวนหัวใจ (Cardiac Catheterization Angiography : CAG) คือการสอดสายสวนขนาดเล็กผ่านหลอดเลือดแดงที่ขาหนีบไปที่หลอดเลือดหัวใจ แล้วฉีดสารทึบรังสีในหลอดเลือดหัวใจและเอกซเรย์ดูตำแหน่งที่ตีบโดยแพทย์สามารถรักษาด้วยการบอลลูนขยายหลอดเหลือดหัวใจและใส่ขดลวดค้ำยัน (stent) ได้ทันทีเมื่อพบตำแหน่งที่ตีบ
สำหรับการตรวจคราบหินปูนในหลอดเลือดหัวใจและการสวนหัวใจ แพทย์จะแนะนำให้ตรวจเพิ่มในคนที่มีความเสี่ยงสูงมากที่จะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หากพบความผิดปกติแพทย์จะรักษาด้วยการรับประทานยา ขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยวิธีใส่ขดลวด (Coronary Stent Implantation) ผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจหรือบายพาส(Coronary Artery Bypass Grafting : CABG) ขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรงของโรค ทั้งนี้ การตรวจพบความผิดปกติของโรคหัวใจตั้งแต่ระยะแรก จะช่วยให้การรักษาไม่ซับซ้อนและผู้ป่วยสามารถดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้อง รวมถึงสามารถเลือกวิธีการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับสภาวะหัวใจได้
การดูหัวใจให้แข็งแรงในผู้สูงอายุและผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เพื่อป้องกันการเกิดโรคหัวใจด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเน้นผัก ผลไม้ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารที่ไม่มีไขมัน น้ำตาลและเกลือโซเดียมสูง งดสูบบุหรี่ ออกกำลังกายตามความเหมาะสม นอนหลับ พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงความเครียด และที่สำคัญคือตรวจสุขภาพเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อคัดกรองโรคและความเสี่ยงในการเกิดโรคที่เกี่ยวกับหัวใจ
ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี