วันศุกร์ ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ผู้หญิง
NIA เผยผลสำเร็จงาน ‘SITE 2022’ พร้อมประกาศเตรียมพบอีเว้นท์จริงครั้งใหญ่เต็มรูปแบบในงาน ‘SITE 2023’

NIA เผยผลสำเร็จงาน ‘SITE 2022’ พร้อมประกาศเตรียมพบอีเว้นท์จริงครั้งใหญ่เต็มรูปแบบในงาน ‘SITE 2023’

วันเสาร์ ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2565, 14.29 น.
Tag : NIA SITE 2022 อีเว้นท์ SITE 2023
  •  

NIA เผยผลสำเร็จงาน STARTUP x INNOVATION THAILAND EXPO 2022 พร้อมประกาศเตรียมพบกับ SITE 2023 อีเว้นท์จริงครั้งใหญ่ เต็มรูปแบบ!!! วันที่ 22-24 มิถุนายน 66

ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เผยความสำเร็จของงานสตาร์ทอัพและอินโนเวชั่นไทยแลนด์เอ็กซ์โป 2022 (STARTUP x INNOVATION THAILAND EXPO 2022) ภายใต้แนวคิด 'Reconnecting the World เชื่อมเรา เชื่อมโลก กลับมาเจอกัน'ที่เพิ่งผ่านพ้นไปว่า เป็นเวทีที่สร้างปรากฏการณ์การรวมพลังของทุกภาคีทั้งสตาร์ทอัพ นวัตกร ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และเครือข่ายพันธมิตรทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ ในการร่วมรังสรรค์ระบบนิเวศสตาร์ทอัพและระบบนวัตกรรมเมือง เพื่อรองรับการเปิดเมืองด้วย ‘นวัตกรรม’ หลังวิกฤตโควิด-19 คลี่คลายผ่านการต่อยอดแพลตฟอร์มในรูปแบบ “เมตาเวิร์ส (Metaverse)” เต็มรูปแบบครั้งแรกของไทย ควบคู่ไปกับการจัดอีเว้นท์จริง เพื่อสร้างแรงดึงดูดและโอกาสการเข้าถึงของผู้คนในต่างประเทศมากขึ้น พร้อมสัมผัสประสบการณ์ใหม่ที่ตื่นตาตื่นใจกว่าที่เคยโดยผู้เข้าชมงานสามารถสร้างกราฟิกแทนตัวบุคคลที่เรียกว่า “อวาตาร (Avatar)” และทำกิจกรรมต่างๆ ในโลกเสมือนคู่ขนานไปกับโลกจริงทางกายภาพได้อย่างกลมกลืนจากทั่วทุกมุมโลกเรียกได้ว่าเป็นสะพานเชื่อมผู้คนในแวดวงนวัตกรรมจากทั่วโลกได้เข้ามาพบปะ เรียนรู้ และร่วมกันพัฒนาให้ไทยก้าวไปสู่การเป็นเมืองนวัตกรรมที่ดียิ่งขึ้น ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและสุขภาพ


ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)หรือ NIA กล่าวว่าNIA จัดงาน SITE ปีนี้เป็นปีที่ 3 แล้ว โดยปีแรกของการจัดงาน SITE เป็นการรวมงานระหว่าง Startup Thailand กับ InnovationThailandแต่การมาของโควิด – 19 ทำให้ไม่สามารถจัดงานรูปแบบกายภาพหรือไฮบริดได้ ในปีแรกจึงเป็นการจัดงานแบบออนไลน์ 100% ซึ่ง NIA มีผู้ประกอบการสตาร์อัพที่เชี่ยวชาญเรื่องการจัดงานสัมมนา การทำการถ่ายทอดสด มาร์เก็ตเพลส ฯลฯ ผ่านแพลตฟอร์มและได้มีการนำ AI เข้ามาช่วยเก็บข้อมูลด้วยในปีที่ 2 การจัดงานมีความโดดเด่นมากขึ้น มีการนำเทคนิคการตัดต่อ กราฟิกมาผสมผสาน ส่วนปีที่ 3 เมื่อโลกเกิดเมตาเวิร์ส ก็มีการเอาเทคโนโลยีของสตาร์ทอัพที่เรากรูมเข้ามาใช้ซึ่ง NIA ทำหน้าที่เหมือนเป็น Sandboxให้กับสตาร์ทอัพตลอด 3ปีที่ผ่านมา

สำหรับธีมงานในปีนี้ แบ่งออกเป็น 3 ประเด็นหลักโดยวันแรกนำเสนอเรื่อง Global Innovation City หรือ เมืองนวัตกรรมจากทั่วโลก โดยมีวิทยากรจากแต่ละเมืองมาร่วมให้ความรู้และนำเสนอปัญหาความเหลื่อมล้ำต่างๆ ในสังคมที่เห็นได้อย่างชัดเจนในช่วงวิกฤตที่ผ่านมา ทำให้การช่วยเหลือ ‘ผู้คน’กลายเป็นหัวใจของการสร้างสรรค์นวัตกรรม รวมถึงตัวอย่างความสำเร็จของประเทศเพื่อนบ้านที่นำนวัตกรรมไปตอบโจทย์ความเหลื่อมล้ำในเมืองที่สามารถนำมาปรับใช้ได้ทั้งการช่วยเหลือคนในระดับรากหญ้า การสร้างรายได้เศรษฐกิจใหม่ การวางแผนที่นำทาง(roadmap) เพื่อให้ครอบคลุมทั้งประเทศ และระบบกลไกในการผลักดันให้ผู้คนใช้นวัตกรรมที่เหมาะสมกับตัวเอง

“วันแรกเราได้ผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ มาร่วมเสวนาบนเวทีเพื่อนำเสนอปัญหาความเหลื่อมล้ำของกรุงเทพฯ มีการพูดคุยถึงการทำนวัตกรรมทางสังคมและจะมีการพูดถึงการขับเคลื่อนย่านนวัตกรรมร่วมกันกับกทม. นอกจากกทม.แล้วยังมีวิทยากรท่านอื่นๆ มาเล่าเรื่องการเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมในเมืองไทย เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่นโคราช

ในวันแรกได้มีการพูดถึงเรื่องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลังจากการเปิดเมืองด้วยการดึงนวัตกรเข้าไป แต่จะทำเรื่องธุรกิจอย่างเดียวไม่ได้ ต้องทำเรื่องของสังคมด้วย ซึ่งนวัตกรรมทางสังคมจะเป็นตัวแก้ปัญหา นอกจากนี้ยังมีการถอดบทเรียนจากเมืองสำคัญอื่นๆ ว่าพวกเขามีพื้นที่ทางนวัตกรรมอย่างไรบ้าง พูดได้ว่าโควิด-19 ถือเป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้นวัตกรรมบางชนิดเติบโต และวันแรกของการจัดงานได้มีอวาตารของศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มาร่วมเปิดงานซึ่งถือเป็นรัฐมนตรีอวาตารคนแรกของไทย”

วันที่สองนำเสนอเรื่อง Innovation Thailand หรือการพัฒนาเมืองนวัตกรรมของไทยที่มีเป้าหมายในการดึงภาคีต่างๆ เข้ามาร่วมพัฒนาให้ไทยเป็นชาตินวัตกรรมและเป็นสถานที่ที่เหมาะกับการลงทุนของเหล่าสตาร์ทอัพ สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาลที่มุ่งผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นประเทศที่มีความสามารถด้านนวัตกรรมลำดับ30 ของดัชนีนวัตกรรมโลกภายในปี 2030

“Innovation Thailand เป็นเรื่องของการสร้างแบรนด์ งาน SITEเป็นการวมตัวกันของวิสาหกิจชุมชน เอสเอ็มอี องค์กร ทุกคนเป็นตัวแทนของระบบนวัตกรรมทั้งระบบทำให้เห็นว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียว ในวันที่ 2 จะมีการเชิญบริษัทขนาดใหญ่มาพูดคุยกันว่าบริษัทเหล่านี้ตอบสนองการเปิดเมืองอย่างไร การสร้างนวัตกรรมรูปแบบองค์กรเป็นอย่างไร และมีการเชิญทายาทธุรกิจมาสร้างแรงบันดาลใจ และมีส่วนสำคัญในการสร้างกำลังคนด้านนวัตกรรมในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังมีการเชิญทูตจากประเทศอิสราเอล ฟินแลนด์ ฮังการี มาเสวนาเรื่องการทูตนวัตกรรม ซึ่งวันนี้อิสราเอลเน้นเรื่องการสร้างยูนิคอร์น ส่วนฟินแลนด์เขาเน้นเรื่องเทคโนโลยีด้านการศึกษาซึ่งเป็นการเตรียมคนเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระยะยาว ส่วนฮังการีซึ่งเป็นประเทศที่ผ่านการเปลี่ยนแปลงมองว่าเขาจะพัฒนานวัตกรรมของเขาอย่างไรและยังมีทูตไทยจากเอกอัครราชทูตไทยในประเทศสวีเดน ฟินแลนด์ เดนมาร์ก และนอร์เวย์ ในนาม Thailand and the Nordic Countries Innovation Unit (TNIU) ที่ทำงานร่วมกันในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและนวัตกรรม ซึ่งในวันที่ 2 นี้ จะเห็นว่าการขับเคลื่อน Innovation Thailand มีทั้งองค์กรขนาดใหญ่ คนรุ่นใหม่ และหน่วยงานราชการที่ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อม” 

สำหรับ‘เทคโนโลยีเชิงลึก’ หรือ Deeptech ยังเป็นโอกาสและการลงทุนที่จำเป็นสำหรับประเทศไทย เนื่องจากเทคโนโลยีเชิงลึกจะกลายเป็นรากฐานของเศรษฐกิจในอนาคตที่ยั่งยืน ทั้งนี้ ยังมีมิติด้านการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพจากAngel Investor และ VCที่มองว่านอกจากสตาร์ทอัพที่พัฒนาเรื่อง Web 3.0 จะเป็นแนวโน้มที่น่าสนใจหลังโควิดแล้วยังมีกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตและสามารถพัฒนาไปได้อีกไกล ได้แก่ กลุ่มธุรกิจอาหาร เกษตร สุขภาพและเวลเนส ท่องเที่ยว ไฟแนนซ์ โบโอเทคโนโลยี รวมถึงฟินเทคที่ไทยถือว่ามีความแข็งแกร่งในธุรกิจนี้แล้วระดับหนึ่ง

และวันสุดท้ายนำเสนอเกี่ยวกับMetaverseซึ่งคือเทคโนโลยีโลกเสมือนที่มีศักยภาพ เข้ามาช่วยตอบโจทย์ความเหลื่อมล้ำได้อย่างชัดเจน สร้างความเท่าเทียม ทางสังคม เศรษฐกิจ การศึกษาและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ทดสอบ(sandbox)ในการสร้างแบบจำลอง ทดลอง ในหลากหลายวงการ เช่น การศึกษา ซึ่งนอกจากช่วยลดค่าใช้จ่ายยังทำให้เห็นภาพของการวิจัยต่างๆ และชิ้นงานที่ชัดเจนขึ้น สำหรับการแพทย์ จะช่วยฝึกทักษะยากให้เกิดความแม่นยำก่อนลงมือจริง ทั้งนี้ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเมตาเวิร์สเกิดขึ้นจำนวนมาก และมีโอกาสอย่างยิ่งที่จะกลายเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีใหม่ในการสร้างรายได้มหาศาลเข้าประเทศ ซึ่งมีกลุ่มนักลงทุนทั่วโลกกำลังให้ความสนใจเป็นพิเศษเราจึงควรเตรียมพร้อมเพื่อที่จะไม่ได้ตกขบวนและเสียโอกาสนี้ไป

“แค่ครึ่งปีนี้มีคนทำเรื่องเมตาเวิร์สแทบทุกสัปดาห์ โดยภาพรวมของเมตาเวิร์สยังใหม่อยู่ และคนมักจะมองเมตาเวิร์สเหมือนมองก้อนน้ำแข็งที่ลอยอยู่เหนือน้ำ คือ การซื้อที่ดินในโลกดิจิทัล การทำงานร่วมกันกับ web 3.0 และการปฏิสัมพันธ์กับโลกนั้น และการลงทุน ซึ่งไม่ใช่แค่การมีอสังหาริมทรัพย์ดิจิทัลอย่างเดียว แต่มันคือการสร้างไลฟ์สไตล์สร้างคุณค่าใหม่ การมี art appreciation มี ownership และการเข้าไปสู่ digital currency

มันคือการเปลี่ยน mindset จากโลกกายภาพไปเป็นอีกโลกหนึ่ง เพราะคุณอาจมีตัวตนอีกแบบหนึ่ง มีคุณค่าทางเศรษฐกิจและสังคมอีกแบบหนึ่ง ซึ่งมันเพิ่งเป็นการเริ่มต้นเท่านั้นเองถ้าเปลี่ยนแล้วจะทำให้มูลค่าหรือคุณค่าทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์เกิดขึ้นได้”

“สำหรับแพลตฟอร์มเมตาเวิร์สของ SITE2022 ปีนี้มีคนเข้าร่วมจนถึงวันนี้มีจำนวน 5 พันคนแล้ว และ 3 พันจาก 5 พันคนนั้นมี digital wallet ทำให้เห็นว่าคนที่เข้าไปก็เริ่มมีกิจกรรม มีแนวความคิดและการใช้ชีวิตในโลกเมตาเวิร์ส”

ดร.พันธุ์อาจ กล่าวสรุปว่า สำหรับยอดการเข้าชมงานในช่วง 2-3 ปีนี้ไม่ได้เน้นการนับยอดผู้ที่เดินเข้างานเหมือนนอดีต แต่มองในเรื่อง Engagement ซึ่งตลอด 3 วันของการจัดงานมีเข้าชมงานผ่านสื่อสังคมออนไลน์ของ NIA, Startup Thailand และ Innovation Thailand อย่างล้นหลามกว่า 1.9 ล้านคน ซึ่งถือว่าไม่น้อยสำหรับหน่วยงานราชการ มีผู้เข้าร่วมงานทั้งทางเว็บไซต์และโลกเมตาเวิร์สมากกว่า 6,000 คน เกิดการรับรู้ของนานาชาติมากกว่า 10 ประเทศกับคลังความรู้ด้านการพัฒนาเมืองนวัตกรรมและการเปิดพื้นที่นวัตกรรมให้เกิดการเชื่อมต่อกันทั้งระดับประเทศและระดับโลกในเวทีฟอรั่มรวม 35 หัวข้อ โดยสุดยอดสตาร์ทอัพและนวัตกรชั้นนำของเมืองไทย และวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากในประเทศและต่างประเทศกว่า 70 ท่าน ที่มาร่วมแชร์ความรู้และประสบการณ์สามารถเข้าชมย้อนหลังผ่านทางยูทูปของ NIAมีบูธนำเสนอผลงานและบริการจากสตาร์ทอัพ นวัตกร พันธมิตรนวัตกรรมไทยในเมตาเวิร์สมากกว่า 100 บูธ มี 30 เมนทอร์ที่มีชื่อเสียงจากหลายหลายวงการมาร่วมงานมีกลุ่มนักลงทุนมากกว่า 20 รายและสตาร์ทอัพมากกว่า 50 ราย ที่นอกจากจะมาเจอกัน อัพเดทเทรนด์และความก้าวหน้าใหม่ๆ ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีแล้ว แต่ละส่วนยังมีโอกาสได้พบปะเจรจาธุรกิจกันในงานเหมือนเช่นที่เกิดขึ้นทุกปี ซึ่งนับเป็นความสำเร็จสูงสุดของงาน ที่ได้เชื่อมทุกคนมาเจอกันในเมืองนวัตกรรมเสมือนจริงแห่งนี้

กิจกรรมทั้งหมดในงาน SITE 2022 ได้แสดงถึงความมุ่งมั่นตั้งใจทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชนของไทยในการร่วมกันสร้างระบบนิเวศสตาร์ทอัพที่เอื้อต่อการเกิดนวัตกรรมที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคม อีกทั้งยังแสดงให้เห็นความพร้อมทางนวัตกรรมของไทยในอุตสาหกรรมและพื้นที่ต่างๆ ที่สามารถพัฒนาเชื่อมต่อกับเมืองนวัตกรรมอื่นๆ ของโลกได้อย่างแท้จริงทาง NIA เชื่อมั่นว่าการเริ่มต้นเชื่อมเมืองนวัตกรรมไทยอีกครั้ง หลังจากงาน SITE 2022 เราจะได้เห็นการพัฒนาศักยภาพด้านนวัตกรรมของไทยเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และหลากหลายสาขามากขึ้น เพิ่มเติมจากที่ไทยนับว่ามีความโดดเด่นในการเป็นย่านนวัตกรรมในหลายอุตสาหกรรมอยู่แล้ว ทั้งด้านอาหาร การบิน เทคโนโลยีและบริการต่างๆ ฯลฯ รวมทั้งผลสำเร็จที่มีส่วนส่งเสริมให้ไทยมีระบบนิเวศเหมาะกับการลงทุนด้านนวัตกรรมยิ่งขึ้นด้วย สำหรับทิศทางต่อไปของ SITE คือ การผลักดันให้เกิด พรบ.สตาร์ทอัพซึ่งเป็น 1 ใน 10 พรบ.ปฎิรูปประเทศบทบาทของภาครัฐที่จะเข้ามาเป็นแรงขับเคลื่อนธุรกิจสตาร์ทอัพ และส่งเสริมเรื่องเทคโนโลยีเชิงลึกให้มากขึ้น

“สำหรับการงานในปีหน้าจะไม่ใช่ไฮบริดแล้ว แต่สิ่งที่เราทำมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นอินเทลลิเจนซิสเต็ม เมตาเวิร์ส ไมซ์อินโนเวชชั่น จะกลายเป็นนิวนอร์มอล ของการจัดสัมมนาหรือการทำอีเวนท์แล้ว ทั้ง 3เรื่องนี้จะขาดไม่ได้ แต่อยู่ที่ว่าจะทำยังไงให้งานดูน่าตื่นตาตื่นใจ”

งาน SITEไม่ใช่เพียงแค่อีเว้นท์ประจำปีที่เราต้องการให้ผู้คนในแวดวงสตาร์ทอัพและนวัตกรรมได้มาพบปะ เรียนรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ องค์ความรู้ด้านต่างๆ ตลอดจนสร้างเครือข่าย ต่อยอดธุรกิจเท่านั้น และเมืองนวัตกรรมเสมือนจริงที่เราสร้างขึ้นมาก็จะไม่จบลงเพียงเท่านี้แต่จะกลายเป็นพื้นที่โลกMetaverse ของสตาร์ทอัพ องค์กรที่ทำนวัตกรรมของไทย และเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนระบบนวัตกรรมของไทยให้เข้มแข็งและพร้อมก้าวไปสู่การเป็นชาตินวัตกรรมต่อไปและเมื่อหลายประเทศทั่วโลกพร้อมเดินหน้าเปิดประเทศ เราจะกลับมาพบกันอีกครั้งในรูปแบบอีเว้นท์จริงที่ยิ่งใหญ่ กับงาน Startup x Innovation Thailand 2023 ระหว่างวันที่ 22-24 มิถุนายน 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) พร้อมขอเชิญชวนทุกคนเตรียมเปิดโลกใบใหม่และร่วมขับเคลื่อนประเทศไปด้วยกัน

-(016)

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

'รมว.ยุติธรรม'เป็น ปธ.มอบเงินเยียวยาให้เหยื่อตึก สตง.ถล่ม

ตลาดสี่มุมเมืองจัดงานเอ็กซ์โป ขายทุเรียนเริ่มต้นพูละ 5 บาท แจกทุเรียนกว่า 200 ลูก

ตัวมัมพันธุ์ใหม่!!! ได้ทีกระทืบซ้ำ‘สายสีน้ำเงิน’ สอนมารยาททางการเมือง

'ไพบูลย์'เชื่อมติแพทยสภา เป็นหลักฐานสําคัญ ชี้ชะตา'ทักษิณ' 13 มิ.ย.วันศาลไต่สวน

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved