พระเจ้าวรวงศ์เธอฯ กรมหมื่นสุทธนารีนาถ พร้อมด้วย สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงกดปุ่มเปิดแพรสำนักงานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถนายกกิตติมศักดิ์ตลอดชีพ พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ประธานกรรมการมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย เสด็จพระราชดำเนินไปยังอาคารมหินทรเดชานุวัตน์ ทรงเปิดป้ายอาคาร “สำนักงานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย” แห่งใหม่ เพื่อยกระดับการทำงานของมูลนิธิฯ ในการก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางความเป็นเลิศด้านการบรรเทาทุกข์และจัดการภัยพิบัติอันเกิดจากอุทกภัย โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองประธานกรรมการที่ปรึกษา และประธานกรรมการบริหาร คณะกรรมการ ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ เฝ้าฯรับเสด็จ เมื่อวันอังคารที่ 26 กรกฎาคม 2565
เมื่อ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ พร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เสด็จพระราชดำเนินถึงทรงเปิดแพรคลุมป้ายสำนักงานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยากสภากาชาดไทย แล้ว จากนั้นเสด็จเข้าไปยังอาคารมหินทรเดชานุวัตน์ พระราชทานเข็มที่ระลึกให้แก่ผู้สนับสนุนมูลนิธิฯ กรรมการ ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ
จากนั้นเสด็จทอดพระเนตรร้านกาแฟพาเฟ่ (PAfé) และเสด็จทอดพระเนตรห้องนิทรรศการของมูลนิธิฯ บอกเล่าเรื่องราวภารกิจทั้ง 3 ด้านของมูลนิธิฯ ผ่านรูปแบบโมเดลเสมือนจริง ตั้งแต่ “การเฝ้าระวังก่อนเกิดอุทกภัย” นำเสนอเรื่องราวของการเตือนภัยผ่านสถานีโทรมาตรอัตโนมัติ “การบรรเทาทุกข์ระหว่างเกิดอุทกภัย” ประกอบด้วยถุงยังชีพพระราชทาน สัญลักษณ์แห่งขวัญและกำลังใจแก่ผู้ประสบภัย โดยจัดแสดงถุงยังชีพพระราชทาน สีม่วง สีส้ม สีน้ำเงิน และสีเหลืองสำหรับภิกษุ รถประกอบอาหารเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ช่วยด้วยใจคนไทยไม่ทิ้งกันและ “การฟื้นฟูหลังเกิดอุทกภัย” จำลองการเข้าฟื้นฟูชุมชนผู้ประสบภัยตั้งแต่การเข้าซ่อมแซม ทำความสะอาดที่อยู่อาศัย ฟื้นฟูแหล่งน้ำให้มีน้ำใช้ในฤดูแล้ง และป้องกันน้ำหลากในฤดูฝน รวมทั้งการฟื้นฟูอาชีพชุมชน เพื่อให้ชุมชนมีรายได้อย่างยั่งยืนแล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับ
มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย จัดตั้งเมื่อปี 2538 ตามพระดำริพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ทรงดำรงตำแหน่งนายกกิตติมศักดิ์ตลอดชีพ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภานเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการมูลนิธิฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนและเชื่อมโยงให้ภาครัฐ เอกชน และชุมชน ร่วมกันเกื้อหนุนช่วยเหลือซึ่งกันและกันในยามทุกข์ยากจากอุทกภัยและภัยที่รุนแรง เน้นประสานงานกับภาคีเครือข่ายซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา เพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกัน ทั้งการเฝ้าระวัง เพื่อให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุด หรือมีประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันการสูญเสีย การบรรเทาทุกข์ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้ผ่านพ้นเวลาที่ยากลำบากได้ด้วยดี และการฟื้นฟูชุมชนที่ประสบอุทกภัยให้สามารถกลับมาดำรงชีวิตอย่างปกติได้อย่างยั่งยืน พร้อมกับนำข้อมูลมาบูรณาการ เพื่อมองและเข้าใจปัญหาแบบองค์รวม มุ่งสู่การแก้ปัญหาอุทกภัยและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ประสบอุทกภัยอย่างยั่งยืน
โดยปี 2565 ย่างเข้าสู่ปีที่ 27 ของการดำเนินงาน มูลนิธิฯ จึงได้ย้ายสำนักงานมายัง “อาคารมหินทรเดชานุวัตน์” เพื่อดำเนินภารกิจสู่การเป็นศูนย์กลางความเป็นเลิศด้านการบรรเทาทุกข์และจัดการภัยพิบัติอันเกิดจากอุทกภัย (Center of Excellence in Flood Relief and Management) ตามพระนโยบายของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ประธานกรรมการมูลนิธิฯ และมุ่งสู่การเป็นต้นแบบของโลกในการบรรเทาทุกข์และการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ทรงฉายพระรูปร่วมกับคณะกรรมการมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย
ภายในสำนักงานมูลนิธิฯ แห่งใหม่ได้ปรับปรุงและจัดสรรพื้นที่ส่วนหนึ่งของอาคารมหินทรเดชานุวัตน์ เพื่อใช้ในภารกิจด้านการฟื้นฟูอย่างยั่งยืนให้แก่ชุมชนที่ประสบอุทกภัย โดยใช้บริเวณด้านหน้าอาคารมหินทรเดชานุวัตน์ เป็นพื้นที่ “ร้านพาเฟ่ (PAfé)”ร้านกาแฟภายใต้แนวคิด “สุขที่ได้แบ่งปัน” โดยเมล็ดกาแฟในร้าน คัดเลือกมาจากผลิตภัณฑ์ชุมชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยและพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัย อาทิ “กาแฟห้วยห้อม” กาแฟอาราบิก้าจากบ้านห้วยห้อม อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน หนึ่งในพื้นที่ประสบอุทกภัยและดินโคลนถล่มเมื่อปี 2558 และ “กาแฟคลองยัน”กาแฟโรบัสต้าจากพื้นที่ลุ่มน้ำคลองยัน อ.วิภาวดี จ.สุราษฎร์ธานี หนึ่งในชุมชนเครือข่ายเตือนภัยพิบัติชุมชนเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ซึ่งเคยเกิดน้ำท่วมใหญ่ในปี 2551 เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีใบชาและผลิตภัณฑ์ชุมชนที่คัดเลือกมาจากชุมชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยและพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัยมาจำหน่ายเช่นกัน และในพื้นที่เดียวกันนี้ยังมีสินค้าที่ระลึกของ “ร้านพึ่งพา” และผลิตภัณฑ์ยั่งยืนจากชุมชนผู้ประสบอุทกภัยให้เลือกซื้อ โดยรายได้จากการจำหน่ายจะนำสมทบทุนมูลนิธิฯเพื่อใช้ในการกิจกรรมสาธารณกุศลต่อไป
อาคาร “มหินทรเดชานุวัตน์”เดิมเป็นบ้านพักของ มหาอำมาตย์โทพระยามหินทรเดชานุวัตน์ (ใหญ่ ศยามานนท์) สมุหเทศาภิบาล มณฑลนครสวรรค์ ก่อสร้างระหว่างปี พ.ศ. 2472-2474 ลักษณะสถาปัตยกรรมรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 เป็นอาคาร 2 ชั้น หลังคาปั้นหยา มีมุขยื่นทางด้านหน้าจากสองปีกของอาคารซึ่งมีความแตกต่างจากอาคารแนวคลาสสิกในยุคนั้น โดยใช้หลังคามุขด้านหนึ่งเป็นจั่วปาดมุม อีกด้านทำราวลูกกรงล้อมหลังคา ทำให้อาคารหลังนี้มีความโดดเด่นสวยงามเป็นอย่างยิ่ง และได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่น ประจำปี 2525 จาก สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปภัมภ์
ทั้งนี้ ผู้มีจิตศรัทธาสามารถมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยด้วยการสนับสนุนสินค้าและผลิตภัณฑ์ของมูลนิธิได้ที่ “ร้านพาเฟ่ (PAfé)” และชมนิทรรศการบอกเล่าเรื่องราวการดำเนินงานของมูลนิธิฯ ได้ที่ สำนักงานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย (อาคารมหินทรเดชานุวัตน์) ถนนเพชรบุรี ได้ในวันและเวลาราชการ ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม เป็นต้นไปสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร.02-0546546, 084-9048785และ www.friendsofpa.or.th
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี