"ดอน" ชี้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เป็นเครื่องมือสำคัญเตรียมคนไทยแห่งศตวรรษที่ 21 รับมือการเปลี่ยนแปลงของโลก ด้าน รมว.อว. ย้ำมหกรรมวิทย์ฯ ปีนี้ เน้นขับเคลื่อนพัฒนา “เศรษฐกิจสร้างสรรค์” สอดรับกับนโยบาย BCG Model ของรัฐบาล
14 สิงหาคม 2565 เวลา 09.30 น. นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานเปิดงาน “มหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2565” ภายใต้แนวคิด “ศิลปะ วิทยาศาสตร์และนวัตกรรม เพื่อสังคมที่ยั่งยืน” (Art – Science –Innovation for Sustainable Society) เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฎวิทยมหาราช รัชกาลที่ 4 “พระราชบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย” และพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร “พระบิดาแห่งเทคโนโลยีไทย และพระบิดาแห่งนวัตกรรมไทย” โดยมี ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ศ.นพ.ดร.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวง อว. ผศ.ดร.รวิน ระวิวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) เอกอัครราชทูตจากประเทศต่างๆ ผู้บริหารและผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ให้การต้อนรับ ณ อาคาร 9-10 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯและ รมว.ต่างประเทศ เปิดเผยว่า ปัจจุบันโลกเผชิญกับความท้าทายอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ความขัดแย้งในหลายมุมโลก ล่าสุดคือยูเครนและช่องแคบไต้หวัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคง ทั้งความมั่นคงทางอาหาร ความมั่นคงทางพลังงาน ความมั่นคงทางสาธารณสุข ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นอุปสรรคหนึ่งของการพัฒนาไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง โลกใบนี้ต้องการความสมานฉันท์ ความร่วมมือ และสันติสุข เพื่อให้เรามีเวลาและสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้ทุกคน โดยเฉพาะเยาวชนคนรุ่นใหม่สามารถใช้มันสมอง สองมือใช้ความคิดสร้างสรรค์ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้อย่างเต็มที่ ซึ่งถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประเทศไทยให้มีความเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองลดผลกระทบจากวิกฤตต่างๆ ทั้งนี้ ในการพัฒนาประเทศเราจำเป็นที่จะต้องเน้นการเสริมสร้างทัศนคติ ปรับเปลี่ยนชุดความคิดของทุกภาคส่วน ซึ่งงานมหกรรมวิทยา ศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติปีนี้ นับเป็นกิจกรรมที่จะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจแก่เด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไป
ในโอกาสนี้ขอขอบคุณหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศที่รวมพลังในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับสังคมไทย อันจะก่อให้เกิดสังคมวิทยาศาสตร์ ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศไทยของเราเติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป และขอแสดงความยินดีกับเยาวชน และครูวิทยาศาสตร์ที่ได้รับรางวัล Prime Minister’s Science Award 2022 ซึ่งถือเป็นรางวัลที่แสดงถึงผลงานชั้นเลิศด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งจะเป็นแบบอย่างและแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนคนอื่นๆให้มุ่งมั่น พัฒนาฝีมือ และความคิดสร้างสรรค์ สร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ อันจะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวหน้าต่อไป
ด้านศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.อว. กล่าวว่า งานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2565 กำหนดจัดขึ้น 2 แห่ง ได้แก่ มหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ จัดขึ้น ณ อาคาร 9-10 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 13 – 21 สิงหาคม 2565 และงาน NST Fair Science Carnival Bangkok ในรูปแบบ Science Carnival จัดขึ้นที่สามย่านมิตรทาวน์ ระหว่างวันที่ 17 – 21 สิงหาคม 2565 เพื่อให้เข้าถึงและครอบคลุมเยาวชนและประชาชนที่สนใจเป็นวงกว้าง โดยมีแนวคิดการนำวิทยาศาสตร์มาสู่เมืองเพื่อเป็นการกระจายความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย และง่ายต่อการเข้าถึงกลุ่มคนในกรุงเทพฯ ซึ่งมีเป้าหมายสำคัญคือทำให้คนไทยให้หันมาสนใจ ชื่นชอบวิทยาศาสตร์ เปลี่ยนมุมมองว่าวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องสนุก น่าตื่นเต้น น่าเรียนรู้และจับต้องได้
รมว.อว. กล่าวว่า. มหกรรมวิทย์ฯ ปีนี้ เน้นนำเสนอความคิดสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ผสานกับศิลปะในมุมของการขับเคลื่อนพัฒนา “เศรษฐกิจสร้างสรรค์” (Creative Economy) ของประเทศ สอดรับกับนโยบาย BCG Model : Bio – Circular – Green Economy สนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยร่วมผนึกกำลังความยิ่งใหญ่กับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สมาคม มูลนิธิ และหน่วยงานต่างประเทศ ร่วมถ่ายทอดศักยภาพทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้กับเยาวชนและประชาชนไทย มากถึง 136 หน่วยงาน จาก 10 ประเทศ
" ภายในงานมหกรรม จะพบกับ 5 นิทรรศการไฮไลต์ที่ห้ามพลาด ได้แก่ นิทรรศการเทิดเกียรติ (The Royal Pavilion) นำเสนอพระอัจฉริยภาพด้านวิทยาศาสตร์ของพระมหากษัตริย์ไทยและพระบรมวงศานุวงศ์ ชมวิทยาการและพัฒนาการด้านวิทยาศาสตร์อันน่าทึ่งในรัชสมัยต่างๆ นิทรรศการแก้วเปลี่ยนโลก บอกเล่าเรื่อง “แก้ว” ในทุกมิติทั้งในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ศิลปะ และสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ร่วมสร้างความตระหนักถึงคุณค่าของแก้ว ซึ่งเป็นวัสดุที่มีบทบาทสำคัญตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนาน นิทรรศการลอดช่อง ส่องถ้ำ ทรัพยากรธรรมชาติที่มี ความสำคัญทางระบบนิเวศที่เชื่อมโยงและสัมพันธ์กับสิ่งมีชีวิตทุกชีวิตบนโลก เปิดบันทึกการสำรวจถ้ำครั้งแรกในสยามเสมือนว่าได้เข้าไปสำรวจด้วยตนเอง รวมทั้งพบกับดาวเด่นถ้ำไทย สัตว์ถ้ำที่น้อยคนจะได้เห็น นิทรรศการวิทย์ คิด เพื่อ คุณ (Basic Science for All) ชวนทุกคนเรียนรู้และทำความเข้าใจพื้นฐานธรรมชาติเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ที่ต่อยอดสู่นวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน และนิทรรศการนวัตกรรมวันรุ่ง สนุกสนานไปกับการสร้างโลกแห่งอนาคตในแบบฉบับของตัวเอง นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์ (Science Lab) ที่ให้เด็ก ๆ สวมบทบาทเป็นนักวิทยาศาสตร์ตัวน้อย กิจกรรมงานประชุมสัมมนา อบรม และเสวนาในหัวข้อต่าง ๆ ที่น่าสนใจ และกิจกรรมเวทีกลาง อีกมากมาย"รมว.อว. กล่าว
รมว.อว. กล่าวต่อว่า ตลอดระยะเวลาการจัดงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ 16 ปี ที่ผ่านมา มีผู้เข้าเที่ยวชมงานมากกว่า 15 ล้านคน โดยมุ่งหวังว่าเด็ก เยาวชนไทย ตลอดจนสังคมไทยจะยกระดับความรู้ และได้รับแรงบันดาลใจ เพื่อสร้างวัฒนธรรมวิทยาศาสตร์ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย และเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าต่อไป ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.thailandnstfair.com หรือ Facebook: NSTFair Thailand (www.facebook.com/nstfairTH)
-(016)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี