มีความเชื่อหรือบทความที่ส่งต่อทางสื่อต่างๆ ว่า คนที่เป็นมะเร็งควรงดการบริโภคเนื้อสัตว์ต่างๆ เช่น เนื้อวัว เนื้อหมูเนื้อไก่ เนื่องจากจะไปกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งเติบโตเร็วขึ้น ถึงกับมีการงดเนื้อสัตว์เพื่อรักษามะเร็ง วันนี้เราจะมาดูกันว่าความเชื่อเหล่านี้มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนหรือไม่อย่างไร
ความเชื่อที่ว่าเนื้อสัตว์หรือแม้กระทั่งสารอาหารต่างๆ จะไปกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งเจริญเติบโต ถึงกับมีการงดอาหารเพื่อรักษามะเร็ง ความเชื่อนี้แท้จริงแล้วยังไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่เชื่อถือได้มารองรับอย่างเพียงพอ เนื่องจากเซลล์มะเร็งมักจะทำตัวเป็นกาฝาก คอยรับสารอาหารจากร่างกายถึงแม้เราจะงดอาหาร เซลล์มะเร็งก็สามารถกระตุ้นให้เกิดกระบวนการสลายสารอาหารต่างๆ ในร่างกายมาใช้ได้ ในทางตรงกันข้ามการงดอาหารจะทำให้เซลล์ร่างกายอื่นๆ ที่ยังมีความต้องการสารอาหารได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ เกิดภาวะทุพโภชนาการ(malnutrition) หรือการขาดสารอาหาร ซึ่งจะส่งผลเสียต่อร่างกายทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานลดลง ติดเชื้อได้ง่ายแผลหายช้า และเพิ่มภาวะแทรกซ้อนจากการรักษามะเร็งทั้งจากการผ่าตัด ให้ยาเคมีบำบัดหรือฉายแสง ดังนั้นสมาคมโภชนาการของยุโรป (European Society for Clinical Nutrition and Metabolism หรือ ESPEN) จึงให้คำแนะนำว่าผู้ป่วยมะเร็งควรรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพเพื่อให้ได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ และไม่ควรงดอาหารโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงหรือมีภาวะทุพโภชนาการ เช่น ผู้ป่วยที่กินได้น้อย มีน้ำหนักลดโดยไม่ได้ตั้งใจ
หลายท่านอาจเคยได้ยินว่าองค์การอนามัยโลกให้ข้อมูลไว้ว่าการรับประทานเนื้อแดง (red meat) เช่น เนื้อหมู เนื้อวัวและเนื้อที่ผ่านการแปรรูป (processed meat) เช่น แฮม ไส้กรอก อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ มีการศึกษาพบว่าการรับประทานเนื้อที่ผ่านการแปรรูปเพิ่มขึ้นทุกๆ 50 กรัมต่อวัน จะเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่ร้อยละ 17 และการรับประทานเนื้อแดงเพิ่มขึ้นทุกๆ 100 กรัมต่อวัน จะเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่ร้อยละ 18 อย่างไรก็ตามข้อมูลนี้คือการเพิ่มความเสี่ยงในคนทั่วไปที่ยังไม่ได้เป็นมะเร็งและยังไม่มีการศึกษาที่เพียงพอในผู้ป่วยมะเร็งโดยตรง นอกจากนี้องค์การอนามัยโลกยังกล่าวว่า ไม่มีความจำเป็นต้องงดการรับประทานเนื้อแดงโดยสิ้นเชิง โดยคำแนะนำการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพมักแนะนำให้จำกัดการรับประทานเนื้อที่ผ่านการแปรรูปให้น้อยที่สุดและรับประทานเนื้อแดงไม่เกินประมาณ 300-500 กรัมต่อสัปดาห์ ทั้งนี้เพื่อป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นหลัก เนื่องจากมักมีปริมาณเกลือโซเดียมไขมันอิ่มตัว และสารอื่นๆที่อาจก่อให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้
ในทางตรงกันข้ามผู้ป่วยมะเร็งจะมีความต้องการโปรตีนที่มากขึ้น เนื่องจากมีการอักเสบ (inflammation) ที่อาจเกิดจากตัวมะเร็งเองและการรักษาโรคมะเร็งด้วยวิธีต่างๆ เช่น การผ่าตัด การอักเสบจะทำให้เกิดการสลายโปรตีนในร่างกายโดยเฉพาะโปรตีนจากกล้ามเนื้อ เพื่อนำกรดอะมิโนไปใช้ในระบบต่างๆ เช่น ระบบภูมิคุ้มกัน การซ่อมแซมแผล ดังนั้นผู้ป่วยมะเร็งควรได้รับโปรตีนมากกว่าคนทั่วไป คือ 1-1.5 กรัม/น้ำหนักตัว 1 กก./วัน (คนทั่วไปควรได้รับ 0.8-1 กรัม/น้ำหนักตัว 1 กก./วัน) ซึ่งเนื้อสัตว์เป็นแหล่งของโปรตีนที่ดี การงดเนื้อสัตว์อาจทำให้ได้รับโปรตีนไม่เพียงพอส่งผลเสียทำให้กล้ามเนื้อลีบ ช่วยเหลือตัวเองได้ลดลง ภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ เกิดการติดเชื้อได้ง่าย
โดยสรุปผู้ป่วยมะเร็งสามารถรับประทานเนื้อสัตว์ได้ในปริมาณที่เหมาะสมโดยอาจใช้หลักอาหารที่ดีต่อสุขภาพซึ่งถือเป็นทางสายกลาง ได้แก่ ควรรับประทานเนื้อสัตว์และโปรตีนจากแหล่งอื่นที่หลากหลาย ทั้งเนื้อปลา เนื้อไก่ เนื้อหมู เนื้อวัว นม และไข่ รับประทานเนื้อแปรรูปให้น้อย รับประทานเนื้อแดงได้ในปริมาณที่เหมาะสม คือไม่เกิน 300-500 กรัมต่อสัปดาห์ เหล่านี้จะทำให้ได้รับโปรตีนที่เพียงพอโดยไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคอื่นๆ ยิ่งผู้ป่วยที่กินได้น้อย มีน้ำหนักลดเยอะยิ่งไม่ควรจำกัดเนื้อสัตว์ เนื่องจากมักรับประทานในปริมาณที่ไม่เพียงพออยู่แล้ว อีกทั้งควรปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์เพื่อให้การดูแลรักษาทางโภชนาการที่เหมาะสมต่อไป
บทความโดย :- นายแพทย์นริศร ลักขณานุรักษ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี