นักท่องเที่ยวที่มามิวนิค และได้มีโอกาสเยือน MUCA (Museum of Urban and Contemporary Art) สามารถไปเยือนโบสถ์แห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กัน นั่นคือ
Asam Kirche หรือ St.Johann Nepomuk โบสถ์แนวบาโรคที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ โบสถ์แห่งนี้มีประวัติความเป็นมาที่แปลกกว่าโบสถ์แห่งใดในโลก
ทั้งนี้เพราะโบสถ์แห่งนี้เริ่มต้นจากการเป็นห้องสวดมนต์ของพี่น้องตระกูล Asam ไม่ได้เกิดจากการได้รับมอบหมายให้จัดตั้งโบสถ์โดยคณะสงฆ์เหมือนอย่างทั่วๆ ไป พี่น้องตระกูล Asam จึงมีอิสระอย่างเต็มที่ในการออกแบบตามแนวความคิดของตัวเอง เริ่มต้นนั้นพี่น้อง Asam ได้ซื้อบ้าน 4 หลัง Egid Quirin Asamนักประติมากรชาวมิวนิคแนวบาโรคได้เริ่มต้นงานประติมากรรมภายนอกก่อนด้วยการพอกปูนและตกแต่งด้านหน้าให้เป็นไปตามแนวทางแบบ Southern German Rococo ด้วยเทคนิคซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Luftlmalerie ศิลปินแนว Expressionism
ในปี 1733 Egid Quirin Asam มีดำริที่สร้างโบสถ์จึงได้ให้ Cosmas Domian Asam สถาปนิกน้องชายของเขาออกแบบให้โดยเขามีข้อกำหนดให้เขาสามารถเห็นแท่นบูชาได้จากหน้าต่างบ้านตัวเองซึ่งอยู่ติดกับโบสถ์ และต้องการให้โบสถ์แห่งนี้เป็นที่สารภาพบาปของเด็กๆ ชาวเมืองจนทำให้โบสถ์มีห้องสารภาพบาปมากถึง 7 ห้อง เพื่อให้เป็นไปตามความประสงค์ของพี่ชาย สถาปนิกผู้น้องจึงได้ออกแบบให้หน้าบันของโบสถ์ควบรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของบ้านบนถนน Sendlinger แม้โบสถ์แห่งนี้จะมิได้ถูกสร้างจากศาสนจักร แต่ด้วยความสามารถของสองพี่น้องการออกแบบโบสถ์ที่เป็นส่วนหนึ่งของบ้านตัวเองจึงวิจิตรตระการตามากตั้งแต่ภายนอกที่หน้าบันขนาด 22x8 เมตร มีหน้าจั่วที่พูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับความศรัทธา ความรัก และความหวัง
ส่วนภายในอาคารถูกแบ่งไว้เป็น 3 ส่วน ตามการส่องสว่าง ส่วนที่ต่ำที่สุดคือส่วนเก้าอี้ของผู้มาเยือนในโบสถ์ซึ่งจะค่อนข้างมืดอันหมายถึงความทุกข์ทรมานบนโลก ส่วนที่สองอยู่ด้านบนซึ่งจะเป็นสีฟ้าขาวถูกเก็บไว้สำหรับจักรพรรดิ และส่วนบนสุดจะถูกเก็บไว้อย่างซ่อนเร้นแต่จะได้รับแสงส่องสะท้อนอย่างเจิดจ้าซึ่งอุทิศให้กับพระเจ้าและความเป็นนิจนิรันดร์ นอกจากนี้ พี่น้องทั้งสองยังใช้ความสามารถในการเล่นแสงด้วยการให้แสงส่องตรงไปยังบริเวณตำแหน่งของเวทีของนักร้องเสียงประสานอย่างสวยงามโดยไม่เห็นตำแหน่งของหน้าต่างเลย ซ้ำยังมีประติมากรรม Trinity หรือองค์ประกอบทั้งสามภาคของพระเจ้า นั่นคือ พระบิดา พระบุตร และพระจิต เป็นฉากหลังอีกต่างหากด้วย
ส่วนหลังคาก็ตกแต่งด้วยภาพปูนเปียกเป็นเรื่องราวชีวิตของ Saint Nepomuk หรือ Johannes Nepomuk ในภาษาเยอรมันนั้น คือ นักบุญของโบฮีเมียหรือ Czech Republic ซึ่งจมแม่น้ำVltava เสียชีวิตก็ถือเป็นผลงานชิ้นโบแดงของ Cosmas DamianAsam สถาปนิกผู้ออกแบบโบสถ์ ส่วนแท่นบูชาที่ประกอบด้วยเสาหลัก 4 ต้นนั้นก็เป็นตัวแทนเสาหลักของ Bernini ที่อยู่บนหลุมศพของ St.Peter ในโบสถ์ St.Peter ที่กรุงโรมเพื่อรำลึกถึงการที่พี่น้องทั้งสองได้เรียนที่อิตาลีกับ Lorenzo Bernini มาก่อน แม้โบสถ์จะสร้างตามแนวทางศิลปะแบบบาโรค แต่เนื่องจากไม่ได้รับคำสั่งจากศาสนจักร พวกเขาจึงสร้างให้แท่นบูชาอยู่ทางทิศตะวันตกแทนที่จะเป็นทิศตะวันออก และไม้กางเขนใต้ธรรมาสน์ก็ตั้งไว้ต่ำกว่าปกติด้วย ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เวทีนักร้องเสียงประสานถูกทำลายลง แต่ก็ได้รับการปรับปรุงแก้ไขในปี 1975
แม้โบสถ์นี้จะเป็นของตระกูล Asam แต่พวกเขาก็ถูกชาวเมืองกดดันจนต้องเปิดให้สาธารณชนเข้าใช้ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนสามารถได้รับความประทับใจตั้งแต่เดินยังไม่ถึงประตู เพราะด้านหน้าที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบบาโรกสะดุดตามาก เมื่อมาถึงประตู นักท่องเที่ยวสามารถชื่นชมกับประตูไม้ที่ตกแต่งด้วยงานประติมากรรมนูนต่ำ 4 ชิ้นบนบานทั้งสองก่อนจะเข้าไปสัมผัสกับความสวยงามในโบสถ์ที่ตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงโดยเฉพาะแท่นบูชา และยังสามารถสารภาพบาปได้อย่างเป็นอิสระกับห้องสารภาพบาปที่มีมากมายถึง 7 ห้องเลยทีเดียว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี