ในวันเสด็จทรงดนตรีที่จุฬาฯ คือวันที่ชาวจุฬาฯตื่นเต้นดีใจ เพราะจะได้เข้าเฝ้าฯ อย่างใกล้ชิด และได้รับพระราชทานความเป็นกันเองโดยไม่ทรงถือพระองค์ และทรงเล่าเรื่องราวๆ ต่างให้ฟัง เราในฐานะนิสิต และฐานะพสกนิกร ก็ปลาบปลื้มใจมาก นึกถึงเมื่อไรก็มีแต่ความประทับใจ และสุขใจมาก
ไลฟ์ วาไรตี สัปดาห์นี้ ดร.เฉลิมชัย ยอดมาลัย นำคุณไปสนทนาถึงบรรยากาศเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงและพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูงเสด็จพระราชดำเนินในวันทรงดนตรี ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยพี่เก่าจุฬาฯ สองรายคือ คุณอนนต์ วงษ์เกษม อดีตนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ และอดีตนักดนตรีวง CU Band และ คุณสุภาวัลย์ กันยาประสิทธิ์ อดีตนิสิตคณะพาณิชยศาสตร์ และการบัญชี เล่าบรรยากาศแสนประทับใจให้ฟัง
l เรียนถามพี่ทั้งสองว่า ในวันเสด็จทรงดนตรีนั้นบรรยากาศในจุฬาฯ เป็นอย่างไรบ้างครับ มีความคึกคักมากมายเพียงใดครับ
คุณสุภาวัลย์ : ก่อนอื่นพี่ขอแทนตัวเองว่าพี่นะคะ พี่ดีใจมาก ตื่นเต้นสุดๆ เพราะพี่เป็นเด็กต่างจังหวัด มาจากอุบลราชธานี ไม่เคยเข้ากรุงเทพฯมาก่อนเลย มากรุงเทพฯก็เข้าศึกษาที่จุฬาฯ เลย เมื่อรู้ข่าวเสด็จทรงดนตรี พี่ก็ชวนเพื่อนๆ ไปเฝ้าฯรับเสด็จ จำได้ว่าตื่นแต่เช้าตรู่ ด้วยความตื่นเต้นที่จะได้เฝ้าชมพระบารมีของทั้งสองพระองค์ และพระราชธิดา ต้องบอกว่าสมัยที่พี่อยู่ต่างจังหวัดนั้น ที่บ้านพี่ไม่มีโทรทัศน์ พ่อมีวิทยุเครื่องหนึ่ง เอาไว้ฟังข่าวสาร ทุกครั้งเมื่อมีข่าวพระราชกรณียกิจ พี่ติดตามฟังตลอด ที่บ้านมีพระบรมฉายาลักษณ์ที่ตัดจากหนังสือพิมพ์และนิตยสารใส่กรอบติดผนังบ้านไว้มากมาย เรากราบไว้ทุกวันตามคำอบรมของปู่ย่าตายายและพ่อแม่ ในสมัยเด็กๆ นั้นเราเฝ้าชมพระราชกรณียกิจของทั้งสองพระองค์จากโทรทัศน์ เมื่อเวลาเราไปดูโทรทัศน์จากบ้านญาติที่มีฐานะ ซึ่งมีโทรทัศน์ในบ้าน เราได้เห็นว่าทั้งสองพระองค์ทรงอุทิศพระวรกายเพื่อบ้านเมืองและเพื่อประชาชนตลอดเวลา ก็ยิ่งเคารพรักมากขึ้น เมื่อมีโอกาสเข้าเฝ้าฯ ก็จึงตั้งใจจะเฝ้าชมพระบารมีให้ใกล้ชิดที่สุด ตลอดเวลาที่เรียนในจุฬาฯ พี่เข้าเฝ้าฯ ในวันทรงดนตรีตลอดสี่ปี พี่สำเร็จการศึกษาในปีที่พระองค์ท่านเสด็จทรงดนตรีครั้งสุดท้ายที่จุฬาฯ ในปี 2516 ประทับใจมากจนเกินบรรยาย พระองค์พระราชทานความเป็นกันเองให้นิสิตอย่างไม่ทรงถือพระองค์ อย่างเช่น สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงเล่าเรื่องต่างๆให้ฟังอย่างสนุกสนาน ทรงเล่าด้วยว่าปีนี้ลูกสาวคนโตไม่ได้มาด้วย เนื่องจากศึกษาต่ออยู่ที่สหรัฐฯ และบางปีทรงเปียโนพระราชทานให้นิสิตได้รับฟังด้วย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
l พี่อนนต์ในฐานะนักดนตรีที่รับเสด็จตลอด และมีโอกาสได้ร่วมเล่นดนตรีในวันทรงดนตรีด้วย ช่วยเล่าบรรยากาศให้ฟังด้วยครับ
คุณอนนต์ : ในเบื้องต้นนั้น ผมทำหน้าที่เล่นดนตรีเพื่อรับเสด็จ ผมเคยถวายการรับเสด็จมาตั้งแต่เรียนมัธยมที่โรงเรียนสวนกุหลาบ เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดงานลูกเสือแห่งชาติ แต่ในครั้งนั้นเป็นการรับเสด็จในระยะไกล ได้เห็นพระองค์ทรงโบกพระหัตถ์พระราชทาน แค่นั้นก็ดีใจจนเกินบรรยายแล้ว แต่เมื่อผมเข้ามาเรียนคณะวิศวะ จุฬาฯผมก็ยังเล่นดนตรี และได้บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีเวลารับเสด็จภายนอกหอประชุมจุฬาฯ แต่เมื่อผมเรียนอยู่ชั้นปี 3-ปี 4 ในปี 2515 และ 2516 ผมมีโอกาสรับเสด็จใกล้ชิดมากขึ้น เพราะในปีสุดท้ายของการศึกษานั้น ผมได้มีโอกาสเล่นดนตรีพร้อมกับวงอส. ซึ่งเป็นวงดนตรีที่พระองค์ท่านทรงร่วมเล่นดนตรีด้วย ผมคิดถึงช่วงเวลาของวันนั้นขึ้นมาครั้งใด ก็ดีใจและปลื้มใจมากที่สุด คิดว่าเรามีบุญวาสนามากที่ได้มีโอกาสดีเช่นนั้น
l วันเสด็จทรงดนตรี นิสิตไปรอเฝ้าฯรับเสด็จมากมายเพียงใดครับพี่ งดการเรียนการสอนไหมครับพี่ต้องไปจองที่นั่งในหอประชุมกันตั้งแต่กี่โมงครับ
คุณสุภาวัลย์ : พี่ว่าในวันนั้นนิสิตส่วนใหญ่ตื่นเต้นมาก สำหรับพี่และเพื่อนๆ เราตื่นแต่เช้า เตรียมตัวรับเสด็จกันอย่างพร้อมเพรียง ที่คณะงดการเรียนการสอนให้หนึ่งวัน เพราะรู้ว่านิสิตคงไม่มีกระจิตกระใจเรียนอย่างแน่นอน เราทุกคนสวมชุดนิสิตอย่างเรียบร้อย ไปรอเฝ้าฯรับเสด็จที่หน้าหอประชุม พวกพี่ไปรอรับเสด็จตั้งแต่ช่วงสายๆ และเข้าไปจองที่นั่งในหอประชุมก่อนด้วย เอาหนังสือไปวางจองไว้ เพราะมิฉะนั้นจะไม่มีที่นั่งแน่นอน เราเลือกที่นั่งที่ดีที่สุดใกล้ที่สุด แต่ก็มีคนไปจองก่อนหน้าเราแล้ว ในวินาทีที่พี่ได้เห็นพระองค์ท่านเป็นครั้งแรก พี่ตื่นเต้นมากบอกไม่ถูกเลย แต่รู้เพียงว่าเราโชคดีที่มีโอกาสวิเศษเช่นนี้ พี่เชื่อว่านิสิตทุกคนก็คิดและรู้สึกเหมือนพี่ยิ่งได้เห็นพระองค์ทรงดนตรีบนเวทีก็ยิ่งบอกกับตัวเองว่าทรงให้ความเป็นกันเองกับนิสิตมากเกินบรรยาย แล้วยิ่งทรงมีพระราชปฏิสันถารกับนิสิตแบบเป็นกันเอง ก็ยิ่งสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
l พี่อนนต์เล่าครับ มีความทรงจำพิเศษอะไรในวันทรงดนตรีบ้างครับ
คุณอนนต์ : ผมเองนั้นในช่วงปี 1-ปี 2 เมื่อถวายดนตรีช่วงรับเสด็จแล้ว ผมก็ต้องนำเครื่องดนตรีไปเก็บ กว่าจะเข้าไปถึงหอประชุมได้ก็คือไม่เหลือที่นั่งแล้ว อย่าว่าแต่ที่นั่งบนเก้าอี้เลย ที่วางในหอประชุมก็ไม่เหลือ เพราะทุกคนจับจองหมด ผมก็จึงต้องดูอยู่นอกหอประชุม แต่โชคดีที่ยังมองเห็นภายในได้บ้างเพราะผนังหอประชุมสมัยก่อนเป็นอิฐเจาะช่องระบายอากาศไว้ ก็ดูกันตามช่องอิฐครับ จำได้ว่าผู้คนมากมายไปออกันอยู่นอกหอประชุม เพราะเข้าไปข้างในไม่ได้อีกแล้ว เพราะพื้นที่เต็มหมด แต่สำหรับผมนั้นนับว่าโชคดีมาก เพราะในปีสุดท้ายที่เรียนนั้น ผมได้เล่นดนตรีกับวง CU Band ผมเป็นหัวหน้าวง และได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้นำวง CU Band ร่วมเล่นดนตรีกับวง อส. แต่ก่อนหน้านั้น เมื่อผมอยู่ปีที่ 3ก็ได้เล่นดนตรีช่วงที่วง อส. พักเบรก โดยให้วง CU Bandบรรเลงคั่นเวลาประมาณ 20-30 นาที แต่ในปี 2516วงดนตรี CU Band ได้บรรเลงร่วมกับวง อส.ผมประทับใจมากไม่มีวันลืมเลยครับ
l ผมได้ทราบว่า ในวันทรงดนตรีนั้น ทั้งสองพระองค์ทรงมีพระราชปฏิสันถารกับนิสิตอย่างเป็นกันเองมาก พี่ๆ ช่วยเล่าให้ฟังด้วยครับ และบางปีสมเด็จพระเจ้าลูกเธอฯก็โดยเสด็จด้วย
คุณสุภาวัลย์ : พี่จำได้ดีว่าในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงดนตรีแล้วก็ทรงพูดคุยกับนิสิตแบบเป็นกันเองมาก ทรงหยอกล้อนิสิตด้วย แต่ก็ทรงให้ข้อคิดเรื่องการเรียนและการทำงานเพื่อบ้านเมือง ส่วนสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงก็ทรงเล่าถึงเรื่องการศึกษาของพระราชโอรส และพระราชธิดาที่ทรงศึกษาต่อในต่างประเทศ อ้อ! พี่จำได้ดีว่าทรงให้นิสิตขึ้นไปขับร้องเพลงบนเวทีด้วย พี่จำได้ว่าในปีหนึ่งหม่อมราชวงศ์เบญจาภา จักรพันธุ์ (ไกรฤกษ์) ขึ้นไปขับร้องเพลงถวายด้วย และทรงเชิญชวนให้นิสิตและอาจารย์รวมถึงบุคลากรของจุฬาฯ ร่วมสมทบทุนอานันทมหิดลด้วยอ้อ! มีปีหนึ่งทรงให้นิสิตร่วมกันร้องเพลงข้องจิตเราร่วมกันร้องทั้งหอประชุม ปลื้มมากที่ได้มีโอกาสเช่นนี้ทรงให้ความเป็นกันเองกับนิสิตมากจนเกินบรรยายค่ะนับเป็นบุญวาสนาของพี่และเพื่อนนิสิตในยุคนั้น
คุณอนนต์ : สำหรับผมนั้น ผมประทับใจมากในปีที่สมเด็จเจ้าฟ้าสิรินธร (พระราชอิสริยยศในขณะนั้น) ทรงขับร้องเพลงใกล้รุ่งพระราชทานให้นิสิตผมจำได้ว่าในปีนั้นสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ โดยเสด็จด้วยและผมจำได้ดีว่าสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงเคยทรงเล่าว่าทรงอยากให้สมเด็จเจ้าฟ้าสิรินธรทรงเข้าศึกษาในคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ แล้วสิ่งที่พระองค์ทรงเล่านั้นก็เป็นจริงในปีถัดมา ชาวจุฬาฯ ดีใจมากที่มีนิสิตพระองค์ใหม่ทรงเป็นสมเด็จเจ้าฟ้าฯทรงสอบเข้าศึกษาได้ด้วยระดับคะแนนที่สูงติดอันดับต้นของประเทศไทย เมื่อพระองค์ทรงเป็นน้องใหม่ เราก็กราบทูลเชิญให้ทรงร้องเพลงในวันทรงดนตรี นับเป็นความประทับใจที่ไม่มีวันลืมครับ และมีอยู่ปีหนึ่ง คือปี 2515 คุณสีตลา เรืองศิริ นวมานนท์ อดีตนิสิตคณะครุศาสตร์ ได้ถวายการขับร้องในงานนี้ โดยขับร้องเพลงความฝันอันสูงสุด และจากนั้นได้มีโอกาสถวายงานมาโดยตลอด ในปี 2515 เป็นครั้งแรกที่ CU Band ได้รับเกียรติสูงสุดให้บรรเลงช่วงพักการแสดงของวง อส. ส่วนในปี 2516 เราทุกคนยิ่งตื่นเต้นและดีใจมากที่เรามีนิสิตใหม่ที่ทรงเป็นสมเด็จเจ้าฟ้าพระองค์แรกของประเทศไทยที่ทรงเข้าศึกษาในคณะอักษรศาสตร์ ในปี 2516 นั้น วง CU Band ได้ร่วมบรรเลงกับวง อส. อาจารย์สันทัด ตัณฑนันทน์ หัวหน้าวง CU Band มอบให้ผมเรียบเรียงเสียงประสานเพลง No Moon เพื่อใช้บรรเลงสำหรับสองวงด้วยกัน โดยวง อส. บรรเลงช่วงที่ 1 แล้ว CUBand บรรเลงช่วงที่ 2 แล้วก็บรรเลงร่วมกัน โดยมีช่วงหนึ่งเราทำช่วงเว้นว่างไว้เพื่อถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรง adlib โดยพระองค์ทรงแซกโซโฟนตามพระราชอัธยาศัย ซึ่งช่วงที่ทรงบรรเลงนั้นยาวถึง 32 บาร์ นับว่ายาวมาก แต่พระองค์ทรงมีพระอัจฉริยภาพด้านดนตรีมากอย่างน่าประทับใจ ทรงบรรเลงได้ไพเราะมาก ในวันนั้นนักดนตรีวง CU Band ต่างซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณมาก วงทั้งสองเล่นสลับกันไปมาด้วยความสนุกสนาน ซึ่งผู้ฟังในหอประชุมก็สนุกสนานมากเช่นกัน บรรยากาศแสนประทับใจจริงๆ
คุณสุภาวัลย์ : ใช่ค่ะ ประทับใจมาก จนบรรยายไม่ถูกเลย พี่อยู่ในช่วงเวลาประวัติศาสตร์ที่แสนประทับใจแม้เป็นเวลาที่ไม่ยาวมากนัก แต่ก็ประทับใจในความทรงจำตลอดมา เป็นช่วงเวลาที่มีค่ามากสำหรับชีวิตของคนต่างจังหวัดที่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ ณ หอประชุมจุฬาฯ ในฐานะนิสิตคนหนึ่ง
l ผมทราบว่าพระองค์ท่านพระราชทานความเป็นกันเองเมื่อเสด็จไปทรงดนตรีในมหาวิทยาลัยต่างๆ อาทิ จุฬาฯ ธรรมศาสตร์ เกษตรศาสตร์ และศรีนครินทรวิโรฒ มีอาจารย์ผู้ใหญ่หลายท่านเล่าให้ฟังว่าทรงตั้งใจให้ความใกล้ชิดกับปัญญาชนในยุคนั้น เพื่อทรงต้องการบอกโดยนัยว่าทุกคนมีภาระต้องช่วยกันรับผิดชอบต่อบ้านเมือง
คุณสุภาวัลย์ : ค่ะ พี่เห็นด้วย แต่ที่สำคัญคือเราอยู่ในยุคสมัยที่เห็นพระองค์ท่าน และสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงออกเยี่ยมเยียนราษฎรทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ได้เห็นความเหนื่อยยากลำบากพระวรกายของพระองค์เสมอมา และได้เห็นความเสียสละของพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ทรงทุ่มเทเพื่อคนไทยและประเทศไทย แล้วยังทรงมีน้ำพระทัยพระราชทานความสุขให้กับเหล่านิสิต นักศึกษาด้วย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
คุณอนนต์ : ผมเองเสียดายมากที่เสด็จพระราชดำเนินทรงดนตรีที่จุฬาฯ ถึงแค่ปี 2516 เพราะทรงมีพระราชภารกิจมากมาย จึงไม่สามารถเสด็จทรงดนตรีได้อีก ผมทราบดีว่าพระองค์ท่านทรงมีพระราชกรณียกิจมากมายเพื่อแผ่นดินไทย ทรงมุ่งเน้นการพัฒนาประเทศให้ดีขึ้น พัฒนาขึ้น ผมประทับใจในพระราชกรณียกิจที่ทรงพัฒนาแหล่งน้ำของประเทศ ทรงกล่าวว่า น้ำคือชีวิต มีน้ำก็ทำให้เกษตรกรทำการเกษตรได้ ยังชีพได้ มีสภาพเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ดังนั้นผมและเพื่อนๆ ในกลุ่มจึงช่วยกันเผยแพร่พระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาแหล่งน้ำให้กับเพื่อนๆ กลุ่มต่างๆ เป็นประจำ เพื่อตอกย้ำว่าเรามีพระเจ้าแผ่นดินที่ทรงพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ และเรามีต้นแบบมีตัวอย่างที่ดีที่ให้เราทุกคนเดินตามรอยเท้าของพระองค์ท่าน สำหรับผมแล้ว ผมกล่าวได้ว่านิสิตจุฬาฯ ในยุคผมนั้นสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเสมอมาและตลอดไป และทุกครั้งที่เรานึกถึงวันเสด็จทรงดนตรี ณ หอประชุมจุฬาฯ ผมก็จะระลึกถึงช่วงเวลาสำคัญที่ผมได้เข้าเฝ้าฯ รับเสด็จทุกครั้ง ยังระลึกได้ดีว่าได้มีโอกาสร่วมเล่นดนตรีกับวง อส.
คุณสุภาวัลย์ : พี่คิดเสมอว่าพี่โชคดีมีวาสนาที่ได้เข้ามาศึกษาในจุฬาฯ และมีโอกาสที่แสนดีที่ได้เข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และสมเด็จเจ้าฟ้าฯทั้งสองพระองค์อย่างใกล้ชิดเป็นเวลาถึงสี่ปีเมื่อครั้งเรียนที่จุฬาฯ และขอเชิญชวนทุกท่านทั้งที่เป็นอดีตนิสิตจุฬาฯ นิสิตปัจจุบัน และคนทั่วไปร่วมบริจาคเงินสมทบทุนอานันทมหิดล โดยผ่านระบบ prompt pay วันที่ระลึกวันทรงดนตรี Biller ID : 099400015907210
คุณจะได้พบรายการดีที่ครบครันด้วยสาระและความรู้ รายการ ไลฟ์ วาไรตี ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00-16.25 น. ทางโทรทัศน์ NBT กดหมายเลข 2และชมรายการย้อนหลังได้ที่ YouTube ไลฟ์ วาไรตี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี