อาคารกระทรวงวัฒนธรรมพ.ศ.๒๔๙๕
วันที่ ๓ ตุลาคมนี้ เป็นวันครบรอบ ๒๐ ปีของกระทรวงวัฒนธรรม แม้ว่าการดำเนินงานด้านวัฒนธรรมของชาตินั้นจะเริ่มต้นมาเมื่อ ๗๐ ปีแล้วก็ตาม ในอดีตนั้นงานด้านวัฒนธรรมได้พัฒนาปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงมาหลายยุคสมัย ซึ่งรูปแบบงานวัฒนธรรมในครั้งแรกเริ่มต้นมาจากกองวัฒนธรรม สภาวัฒนธรรมแห่งชาติและได้ตั้งเป็นกระทรวงวัฒนธรรม เมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๕โดย จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมคนแรกแล้วก็ตาม แต่ด้วยเหตุการณ์ผันแปรทางการเมืองเมื่อ พ.ศ.๒๕๐๑ กระทรวงวัฒนธรรมได้ถูกยุบเลิกตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม ทำให้งานด้านวัฒนธรรมนี้สังกัดกับกระทรวงศึกษาธิการ จนเมื่อ พ.ศ.๒๕๔๕ รัฐบาลได้มีการปฏิรูประเบียบการบริหารราชการใหม่ โดยรวมงานด้านวัฒนธรรมซึ่งเกี่ยวพันกับการท่องเที่ยว การกีฬา และเอกลักษณ์ชาติ จนหาความลงตัวไม่ได้ด้วยมีการยุบภารกิจของกระทรวงศึกษาธิการจาก ๑๔ กรมเดิมให้มีแต่กรมที่รับผิดชอบการศึกษาเรียนรู้
จอมพลป.พิบูลสงคราม
ในที่สุดเมื่อตั้งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแล้ว สำนักงานเลขาธิการคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (สวช.) นั้น จึงถูกยกฐานะเป็นกระทรวงเพื่อรับผิดชอบงานด้านวัฒนธรรมของชาติทั้งหมดตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวงทบวง กรม เมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ซึ่งถือเป็นกระทรวงหลัก ๑ ใน ๒๐ กระทรวงตามนโยบายปฏิรูประบบราชการของรัฐบาลขณะนั้น ด้วยเหตุที่งานด้านวัฒนธรรม นั้นเป็นต้นทุนของแผ่นดินโดยมีรูปแบบของกิจกรรมมนุษย์ที่มีโครงสร้างเชิงสัญลักษณ์และพฤติกรรมที่เป็นวิถีชีวิตจากการเรียนรู้สู้สิ่งยากซึ่งกันและกัน จนได้ร่วมกันผลิตและสร้างวิถีวัฒนธรรมขึ้นในชาติพันธุ์ของตน ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงงานไปตามยุคสมัยและปรับปรุงให้เหมาะสมจนเกิดความเจริญงอกงาม และสืบสาน อนุรักษ์ต่อยอดอยู่ไม่ขาดช่วงจนเป็นวัฒนธรรมของชาตินั่นคือผลงานส่วนหนึ่งที่มนุษย์ได้แสดงออกผ่าน ดนตรีวรรณกรรม จิตรกรรม ประติมากรรม การละคร และภาพยนตร์ อันเป็นผลจากความสมบูรณ์พูนสุขในการรู้บริโภค การสร้างเศรษฐกิจรายได้ และสร้างสรรค์วิถีวัฒนธรรมจากภูมิปัญญาและศิลปินของแผ่นดินจนมีชื่อเสียงในภูมิภาคต่างๆ การสานสัมพันธ์ทางสังคมร่วมกันและค้นหาแนวทางส่งเสริมงานวัฒนธรรมนั้นได้ทำให้วัตถุและกระบวนการผลิตถูกหลอมด้วยเทคโนโลยี ศิลปะ วิทยาศาสตร์และระบบศีลธรรม จนวิถีชุมชนต่างเติบโตมีอัตลักษณ์ของตนด้วยความสัมพันธ์ ซึ่งมีการสร้างอาณานิคมเครือข่าย การค้าขาย การย้ายถิ่นฐาน การสื่อสารมวลชนและศาสนาความเชื่อ ที่ล้วนมีบทบาทให้วิถีวัฒนธรรมสร้างขนบประเพณีและประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติมาโดยตลอด ดังเห็นได้จากการเกิดของ วัฒนธรรมทางวัตถุ คือ เครื่องมือ เครื่องใช้ที่มนุษย์ใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อความสุขทางกาย ได้แก่ยานพาหนะ ที่อยู่อาศัย ตลอดจนเครื่องป้องกันตัวให้รอดพ้นจากอันตรายทั้งปวง และการมี วัฒนธรรมทางจิตใจ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของมนุษย์ให้เกิดปัญญาคิดมีจิตงดงามจากศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม คติธรรม ตลอดจนศิลปะ วรรณคดี และระเบียบแบบแผนแห่งขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงามนั้น ถือเป็นงานสำคัญแห่งมนุษยชาติที่กระทรวงวัฒนธรรมได้ขับเคลื่อนตามภาระหน้าที่ในฐานะผู้รับผิดชอบงานด้านวัฒนธรรมที่มีการขยายเครือข่ายทำงานไปทั่วประเทศ ในทศวรรษใหม่ของกระทรวงวัฒนธรรมเมื่อ พ.ศ.๒๕๔๕ จากปลัดกระทรวงวัฒนธรรมคนแรกคือ ม.ร.ว.จักรรถ จิตรพงศ์ จนถึง ดร.ยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรมคนที่ ๙ นั้น ได้ร่วมกันทำให้กระทรวงวัฒนธรรมปัจจุบัน มีสำนักรัฐมนตรีประสานนโยบายระหว่างกระทรวง มีสำนักงานปลัดกระทรวงฯบริหารงานและพัฒนายุทธศาสตร์ ประสานการปฏิบัติราชการของส่วนราชการในสังกัด ได้แก่ กรมศิลปากร กรมการศาสนา กรมส่งเสริมวัฒนธรรม สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ และองค์การมหาชนอีก ๓ แห่ง ได้แก่ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร หอภาพยนตร์ และศูนย์คุณธรรม จนวันนี้จากห้องเล็กๆ ของกองวัฒนธรรมนั้นได้พัฒนาขึ้นเป็น กระทรวงวัฒนธรรมในทศวรรษใหม่ที่มีอาคารทันสมัย หอศิลป์แห่งชาติ และหน่วยงานที่สร้างผลงานด้านวัฒนธรรมไปสู่เวทีนานาชาติซึ่งสร้างชื่อเสียงอย่างสง่างามและน่าภาคภูมิใจให้ประเทศชาติ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี